หากคุณคือคนที่ชื่นชอบในการออกกำลังกาย โดยเฉพาะกีฬาประเภทวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ ผมเชื่อว่าในสมาร์ทโฟนของคุณจะต้องมีแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Strava ติดเครื่องไว้อยู่แน่นอน
ด้วยจุดเด่นของ Strava ที่จะเข้ามาช่วยคุณบันทึกสถิติระยะทาง สถิติ ในการออกกายแต่ละครั้งได้อย่างละเอียด สรุปมาในตัวเลขและแผนภูมิที่คุณสามารถสังเกตพัฒนาการในการออกกำลังกายของตัวเองได้ทุกครั้ง
นอกจากนั้น Strava ยังเป็นเหมือนสังคมออนไลน์ที่รวบรวมผู้ที่รักในการวิ่ง หรือการออกกำลังกายจำพวกอื่น ๆ มาอยู่ด้วยกันในแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งถือเป็นประสบการณ์สุดแปลกใหม่ที่ Strava ตั้งใจออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานทุกคนโดยเฉพาะ
โดยปัจจุบัน Strava ถือเป็นหนึ่งในผู้นำของตลาด Health & Fitness Technology ที่ตอนนี้มียอดผู้ใช้งานกว่า 95 ล้านคนต่อสัปดาห์ ส่วนมูลค่าของบริษัทก็พุ่งไปแตะระดับ 1.5 พันล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่ง Strava เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในยูนิคอร์นของธุรกิจออกกำลังกายที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอีกด้วย และยังมีบริษัท Venture Capital ที่พร้อมมอบเงินลงทุนให้กับ Strava อีกมากมายในปีที่ผ่านมา
แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก Strava หรือใครที่สงสัยแล้วว่า Strava จากแอปพลิเคชัน Tracking การออกกำลังกาย พวกเขาใช้กลยุทธ์อะไรสร้างการเติบโตอย่างมหาศาลขนาดนี้ หาคำตอบได้ที่บทความนี้เลย
Strava คืออะไร ?
Strava คือ แอปพลิเคชันสำหรับการ Tracking ระยะทางหรือสถิติต่าง ๆ สำหรับการออกกำลังกาย 3 ประเภทได้แก่ วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ พายเรือ สกีและกีฬาอื่น ๆ กว่า 30 ประเภท ด้วยระบบ GPS โดยต้องใช้งานผ่านอุปกรณ์ Smartphone หรือ Smartwatch (เช่น Apple Watch, Garmin, Suunto, Fitbit หรือยี่ห้ออื่น ๆ )
Strava มีความแตกต่างจากแอปพลิเคชัน Tracking ทั่วไปคือ Strava จะมีความเป็น Social Fitness Network Application หรือแอปพลิเคชันการสร้างสังคมการออกกำลังกาย ที่จะเข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ในการออกกำลังกายของผู้ใช้งานทุกคน
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af7975fe3e25aee156fddc_mAs8db-Dt7CEuBv6mf2-lwiTE0KSobu6yPf4JsYDk5-oGtMClEnHa5BY5CjaJNqDmDLzDXsUHqDvpfSZqw8BMDlBgcpqtUYEQbarZXwHa7Asza8vZd9KyZQb6N5CgEgGbKL84ytI.png)
ผู้ที่ใช้งาน Strava นั้นสามารถบันทึกและวิเคราะห์สถิติตัวเลขต่าง ๆ ของกิจกรรมการออกกำลังกายที่เราได้ทำ เช่น ระยะเวลา ระยะทาง อัตราการเต้นของหัวใจ ความเร็วสูงสุด/ต่ำสุด พลังงานที่ใช้ไป และอื่น ๆ ซึ่งด้วยความเป็น Social Fitness Network Application ของ Strava เองทำให้คุณสามารถแชร์ตัวเลขสถิติต่าง ๆ ไปให้เพื่อนหรือคนรู้จักในแพลตฟอร์มได้ด้วย
ประวัติของ Strava นั้นก่อตั้งขึ้นมาโดย Mark Gainey และ Michael Horvath ในปี 2009 ทั้งคู่คือเพื่อนสนิทกันจากรั้วมหาวิทยาลัย Harvard เดิมทีนั้น Mark Gainey หลังจากจบการศึกษาได้สักพักใหญ่ เขาก็ได้ก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า Kana Communication ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการทางด้านซอฟต์แวร์ในปี 1996 ที่ถือเป็นยุคที่คนส่วนใหญ่เริ่มเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์กันได้แล้ว
จากนั้นในปี 2008 Mark Gainey เห็นว่าซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่ตลาดแอปพลิเคชันมากขึ้น เขาเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะสร้างแอปพลิเคชันขึ้นมาสักตัว เพื่อเจาะกลุ่มตลาดนักกีฬาหรือคนชอบออกกำลังกาย จึงได้ชวนเพื่อนสนิทอย่าง Michael Horvath มาร่วมเป็น Co-Founder ด้วยกัน เพราะทั้งคู่นั้นสนใจเรื่องเทคโนโลยีและกีฬาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af79769ab6540b95131d5a_Fq-Jc0edbPX0paMq53td-NJheG14WIvx0FBHfVfZDGYCGwwKsvJYexvmiDPZq-TKJIJG0FP11tf0GH_0In4DXhVUUr-9cWjs2bQTqR6t2fEIOp4QonTbPBU3IIL0x6o6aYUgJbD3.png)
ในตอนแรกพวกเขาต้องการสร้างแอปพลิเคชันโดยมีคอนเซปต์ว่า “Virtual Locker Room” หรือแอปพลิเคชันเพื่อการหาเพื่อนสำหรับการออกกำลังกาย (อารมณ์ว่าจะได้มีเพื่อนคุยในห้องแต่งตัวหรือ Locker Room) แต่ในสมัยนั้นย้อนกลับไปเกือบ 10 กว่าปีที่แล้วเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้าเหมือนปัจจุบัน ด้วยปัจจัยอะไรหลายอย่าง ทำให้พวกเขาไม่สามารถสร้างแอปพลิเคชันคอนเซปต์นี้ให้เป็นจริงได้ จึงต้องเบนเข็มไปหาคอนเซปต์แนวอื่น ๆ
จนกระทั่งในปี 2009 พวกเขาก็ได้เปิดตัว Strava ขึ้นมา โดยครั้งนี้มีคอนเซปต์ใหม่มาด้วยนั่นก็คือการให้ Strava เป็น Social Media for Athletes ซึ่งคำว่า Athletes ในที่นี้ทาง Strava ไม่ได้หมายถึงนักกีฬาอาชีพนะครับ แต่หมายถึงผู้ที่รักในการออกกำลังกายทุกคนก็สามารถเป็นนักกีฬาได้
ซึ่งฟีเจอร์ในตอนนั้นหลัก ๆ ก็จะความคล้ายกับปัจจุบันอยู่ กล่าวคือจะแบ่งเป็น 2 ส่วนอย่างส่วน Tracking ที่ใช้ในการบันทึกกิจกรรมการออกกำลังกาย บอกระยะทาง เวลา เหมือนที่เราคุ้นกัน เพราะตอนนั้นผู้คนสามารถพกพาสมาร์ทโฟนไปออกกำลังกายด้วยได้แล้ว และส่วนที่ 2 คือ Social Media ซึ่งจะเป็น Community สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายโดยเฉพาะ มีการสร้างโปรไฟล์ แชร์กิจกรรมการออกกำลังกายพร้อมสถิติของตัวเองให้ผู้อื่นรับรู้ได้ มีการโชว์ Badge ที่ได้รับจากการแข่งขันต่าง ๆ ในแพลตฟอร์ม ซึ่งทาง Strava เองก็ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์นี้มาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af797709accb4f5fbb00a7_OSWFhxXfFdQHMfosC0sEdbbv8maIcQm1QxqvnmqsIIYZjn72532zJJLgTREuFemDM1lELHmh7ftjD4tqERx_xVdiUvkMaAg3KEp2gF8_5QNY8MOvofLS6xJLUkO1orvUSgwZ8Gl6.png)
ส่วนที่มาของชื่อ Strava นั้นเป็นภาษาสวีเดน ที่มีรากศัพท์มาจากภาษาอังกฤษคำว่า “Strive” ที่แปลว่า “ความมุ่งมั่น” เพราะทาง Michael Horvath หนึ่งใน Co-Founder ของ Strava เขาเคยอาศัยอยู่ที่สวีเดนในตอนเด็ก อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า “ความมุ่งมั่น” ก็คือหัวใจหลักของการออกกำลังกายและมันคือวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจของพวกเขาด้วยเช่นกัน
โดยปัจจุบัน Strava มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ “เมืองแห่งเทคโนโลยีโลก” อย่างรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาและมีสำนักงานย่อยอยู่ที่รัฐ Denver สหรัฐอเมริกาเช่นกัน อีกทั้งยังมีสำนักงานต่างประเทศที่กรุง Dublin ประเทศ Ireland เพื่อดูแลผู้ใช้งานในทวีปยุโรปโดยเฉพาะ
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af7977cf9e0b6f4c15a76c_oT_kCF0tnt4T9fwvy0xp6MkN-2Cx8S-iCEUQCDczenmSjX866Fpm8CkoUXs-wEXCJAf1iKPTDaGrsipKK2IlpRbF4XFZK0B_i2cg4R4ncMdxPZeaoT0-czZcXZYplMTR7P0wrSJl.png)
ส่องตัวเลขการเติบโตของ Strava แอปพลิเคชันด้าน Health & Fitness ที่มาแรงที่สุดในโลก
Strava ถือเป็นหนึ่งในผู้นำแอปพลิเคชันด้าน Health & Fitness ที่การันตีด้วยตัวเลขผู้ใช้งาน, รายได้, มูลค่าของบริษัท นอกจากนั้น Strava ยังถือเป็นธุรกิจไม่กี่ธุรกิจที่สามารถทำประโยชน์และเติบโตจากผลพวงของสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมาแล้วอีกด้วย
เรามาดูตัวเลขกว้าง ๆ ในตลาดแอปพลิเคชันด้าน Health & Fitness กันก่อนดีกว่า จะเห็นได้ชัดเลยว่าในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2020 ซึ่งถือเป็นช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาดหนัก ตลาดแอปพลิเคชัน Health & Fitness กลับได้รับความนิยมขึ้นมาเป็นอย่างมาก โดยในไตรมาสที่ 2 มียอด Install แอปพิลเคชันสูงถึง 656 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นมาจากปี 2019 กว่า 25%
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/6205fe49282f764605138699_q6YJsDrFlymUtSPJ5yz5TZuD6caqIKqDvbPNNUHOVB-bqJT7YJ9QBn7EUoTsz_0A7uZZnJvPLiFVCgatoxvxUIEBq0eWNSxVYh9vIBBblj3tRBeP4NFrD23-ZmhTl_A7eyQvyQ41.png)
แต่จากสถิติล่าสุดในเดือนธันวาคม 2021 ตลาดแอปพลิเคชัน Health & Fitness ก็เติบโตขึ้นจนมียอด Install ไปแล้วกว่า 2 พันล้านครั้ง (มีแนวโน้มว่าในปี 2022 นี้จะเติบโตขึ้นอีกด้วย)
แล้วถ้าถามว่าแอปพลิเคชันไหนละ ที่เป็นเบอร์ 1 ด้านรายได้ในตลาดนี้ ?
ไม่ต้องเสียเวลาหาคำตอบให้นานเลยครับ ใช่แล้ว แอปพลิเคชันที่ยึดครองตลาด Health & Fitness ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน... “Strava” ของเรานั่นเอง
โดยจากสถิติล่าสุดที่ทาง Sensortower ได้ทำการสำรวจมาพบว่า Strava เป็นเบอร์ 1 ในด้านรายได้ทั้งจากตลาด App Store และ Google Play ซึ่งแน่นอนว่ารายได้รวม (Overall Revenue) ก็ตกเป็นของ Strava ตามระเบียบ
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af79778781f7f13dbae6ac_xJ4OJxedlyZiEgAVDUfQhdGBY2L8GAjVyjiTNssu-VHEyQmvjWeRRUWEnTucn5nEQRgqSYOuDTMfhZn9GA58nKWpT0frtyf56ghg5tXEw5X9FZ4nBqUKVRPs69RX16wChCkx_C2X.png)
โดยจากรายงานของ Bloomberg ได้สรุปผลทั้งปี 2021 ว่า Strava สามารถสร้างรายได้ไปได้ทั้งหมด 107 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็น New High ของ Strava เลยด้วยจากที่ปี 2020 ทำรายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 72 ล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้นมากถึง 68%) ซึ่งถ้าสังเกตดี ๆ ในช่วง 2-3 ปีหลังรายได้ของ Strava เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนถึงหลัก 10 ล้านทุกปีด้วย
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af79773c7ba7a1243db121_UN-gj2cM6H7wpvv-glOvxWcujNoC8bwpyVqGu9KY_hwZF7crKcc63dLoU26a2auQUveA8uItssb5-NbQnJORVGJWJGPJdKylurkmLa9he6cGHPd6P8_8PRvd5CoORPp-LyJvww_o.png)
ส่วนด้านตัวเลขผู้ใช้งานในปี 2021 Strava ก็สร้างสถิติ New High เช่นกัน โดยตลอดทั้งปี มีผู้ใช้งาน Strava กว่า 95 ล้านคนทั่วโลก เพิ่มขึ้นมาจากปี 2020 กว่า 40 ล้านคน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Strava มีตัวเลขผู้ใช้งานเกินหลัก 40 ล้านคนภายในปีเดียว โดยที่มีฐานผู้ใช้งานแบบชำระเงิน 2-3 ล้านคน (ในขณะที่มีผู้ใช้งานฟรีประมาณ 100 ล้านคน)
นอกจากนั้น ในปี 2021 มีนักกีฬาได้อัปโหลดกิจกรรมการออกกำลังกายมากกว่า 37 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งถ้าหากรวมยอดอัปโหลดกิจกรรมตลอดทั้งปีแล้ว จะรวมได้ทั้งหมด 1.8 พันล้านครั้ง ถือว่าเพิ่มขึ้น 38% จากปี 2020 ที่มียอดอัปโหลดกิจกรรมเพียง 1.1 พันล้านครั้ง นับว่าเป็นสถิติที่สูงที่สุดตลอดกาลอีกด้วย
คราวนี้เราลองมาดูการแข่งขันในตลาดแอปพลิเคชันประเภท Health & Fitness ที่ Strava ต้องเจอกันครับ โดยในตลาดแอปที่เกี่ยวข้องกับการ Tracking ระยะทางการวิ่งในตลาดปัจจุบัน ทาง Apptopia ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลมา พบว่าแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้งานแบบ Monthly Active User มากที่สุดก็คือ Strava นั่นเอง
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af79780b8c9a126d14a61a_CgQNCVFXUAf4IkVwx-nfE6xAy_oiFdVBxk2blTiuvEdgQLBHwLDFEMKLtwUOZwa6RscFvJWCeARe4mdD1wppae_9iQOc7aLmC30_v02J3tbkkRGDi8i7uKeUawPOXoaUZfmx4H1E.png)
ซึ่งมากกว่าคู่แข่งในตลาดเดียวกัน เช่น MyFitnessPal, NikeRunClub (NRC), AdidasRunning, RunKeeper รวมถึง Strava ยังครองอันดับ 1 ของแอปพลิเคชันที่มีการอัปเดตบ่อยที่สุดในตลาดเดียวกัน โดยเฉลี่ยแล้ว Strava จะอัปเดตแอปพลิเคชันที่ 6 วัน/ครั้ง ซึ่งในมุมของผู้ใช้งานถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะได้มีการอัปเดตฟีเจอร์สำคัญ ๆ สร้างประสบการณ์ใหม่ในการใช้งานได้เสมอ
ถึงตรงนี้ด้วยตัวเลข สถิติต่าง ๆ ที่ Strava ได้สร้างการเติบโตไว้คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หากพูดถึงแอปพลิเคชัน หรือเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกาย Strava คืออีกหนึ่งผู้นำของตลาดนี้อย่างแท้จริง คราวนี้เราลองมาดู “กลยุทธ์” ที่ Strava ใช้สร้างการเติบโตมาเป็นระยะเวลากว่า 12 ปีกันครับ
Strava ใช้กลยุทธ์อะไรในการสร้างการเติบโตสู่การเป็น Unicorn ในสาย Health&Fitness Technology
1 . ผู้นำของการเป็น Social Fitness Network
สิ่งที่ทำให้ Strava โดดเด่นกว่าแอปพลิเคชัน Tracking การออกกำลังกายตัวอื่น ๆ เพราะ Strava เองถือว่าเป็นแอปพลิเคชันแรกที่เคลมตัวเองว่าเป็นมากกว่าแอปพลิเคชัน Tracking ธรรมดา แต่ยังให้คุณเข้าถึงประสบการณ์ใหม่อย่าง Social Fitness Network
Strava รู้ตั้งแต่ก่อตั้งแอปพลิเคชันแล้วว่าถ้าทำตัวเองให้เป็นแอปพลิเคชันสำหรับการ Tracking การออกกำลังกายแต่เพียงอย่างเดียว ลูกค้าที่ใช้งานก็จะเข้ามาในแอปแค่ตอนออกกำลังกายเท่านั้น เมื่อออกกำลังกายเสร็จรู้สถิติตัวเองแล้ว ก็ปิดแอปไป ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้มันต้องไม่ใช่ผลดีกับธุรกิจแน่นอน
พวกเขาเลยต้องออกแบบให้แพลตฟอร์มของตัวเอง ใช้งานได้หลากหลายมากกว่านั้น ซึ่งสิ่งที่พวกเขาคิดก็คือการใส่ไอเดียของความเป็น Social Media หรือความเป็นสังคมออนไลน์ลงไป
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af7979abaa4f68845835d7_gnRYFxtWPHgC50MH2mWsZyyXZ0sYr7sPtCYIL-ZYU32trqzwhXT7lYPIsHvvYbRwf-yHmFHJsBSwTlJsRWStF6afDyE5ONRoDaBARH0Fkpw3RsMk5TCwtOpFUCuaqK1jq7E82Fhz.png)
กล่าวคือระบบ Social Media ของ Strava นั้นเอาตั้งแต่เมื่อคุณเริ่มใช้งานแอปพลิเคชัน ระบบจะทำการบังคับให้คุณต้องสร้าง Account (โดยจะสมัครขึ้นมาใหม่หรือเชื่อมต่อกับ Thrid Party Application เช่น Facebook, E-Mail ก็ได้) เมื่อสมัครแล้วเสร็จคุณก็จะได้โปรไฟล์ของคุณบน Strava
และเมื่อคุณมีกิจกรรมอะไรบนแพลตฟอร์มเช่น ออกไปวิ่งมา หรือไปเข้าร่วม Challenge ใด ๆ มาก็ตามระบบก็จะทำการบันทึกสถิติเหล่านั้น และแชร์ไปยังหน้าโปรไฟล์ของคุณ (จะเรียกว่า Activities) โดยคุณสามารถชวนเพื่อนให้มากดติดตามคุณ หรือคุณจะไปกดติดตาม (Follow) เพื่อน ไอดอล หรือคนที่คุณชื่นชอบที่เขามีบัญชีกับ Strava อยู่เพื่อดูว่าเขามีกิจกรรมหรือสถิติการออกกำลังกายเป็นอย่างไรก็ได้เช่นกัน
โดยคุณสามารถเข้าไป Comment, Like, Share กิจกรรมที่เพื่อนของคุณทำได้ด้วย เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันผ่านแพลตฟอร์ม
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af7979ca79b5047e0ec24a_lBQhUNUpn2tg9ZnwkaMdpYjgSlN8MG7WaYATCwb4Dy-868j1y-qo1rtDRsPr5yLRr3blK_48TnjKW0V2Hbfw06S0-BzDCUWDRmRNYi309pR20_Pa22PKKAwq-8f1e6X5OOye1f9p.jpeg)
เราสามารถเข้าไปดูกิจกรรมหรือสถิติต่าง ๆ ของพี่ตูนพร้อม Like, Share, Comment ได้บนแพลตฟอร์ม
ซึ่งต้องบอกว่าการริเริ่มกลยุทธ์นี้ของ Strava ก็ทำให้พวกเขาเป็นแอปพลิเคชันด้าน Health&Fitness ที่มีความแตกต่างในด้านการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ของแอปพลิเคชันการออกกำลังกายและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาสร้างเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน
2. สร้างประสบการณ์ใหม่ให้การวิ่ง Virtual Run ทั้งในและนอกแพลตฟอร์ม
ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลให้การจัดกิจกรรมใด ๆ ก็ตามที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมเยอะ ยังไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยเท่าไรในช่วงนี้ หนึ่งในนั้นคือเรื่องของการแข่งขันวิ่งมาราธอน ซึ่ง Strava ดูน่าจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เต็ม ๆ
แต่ความจริงคือ Strava กลับสร้างการเติบโตได้อย่างสุดขีดกว่าเดิม ด้วยการผลักดันให้ผู้ใช้งานทุกคน ใช้งานและเข้าร่วมกิจกรรม Virtual Run ทั้งในและนอกแพลตฟอร์มแทนการออกไปวิ่งมาราธอนจริง ๆ โดยในแพลตฟอร์มของ Strava จะมีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Strava Challenge (มีทั้งแบบ Strava สร้างเองและมีสปอนเซอร์)
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af797967d31c052ff568ef_bDvaB4VaW_pE6p9DI-tk9saaRr79cb91hAr8iZSOlWtXn7slJRPTSHLHyqIzpZyQrFUGIFPU445fnRfuViXq_XSorA8ad1H3S9JExr0WQS4jjpXtAw98wFetS5HIQ9ERuvauUUPK.png)
ซึ่ง Strava Challenge ก็คือ Tournament การแข่งขัน Virtual Run (หรือกีฬาชนิดอื่น ๆ แบบ Virtual) ที่ Strava ให้ผู้ใช้งานทุกคนเข้าร่วมได้ มีทั้งแบบเสียเงินและฟรี มีระยะทางให้เลือกตามความถนัด โดยคุณสามารถชวนเพื่อนหรือคนรู้จักมาร่วมวิ่งด้วยกันก็ได้ มีตารางคะแนนนำเพิ่มความตื่นเต้น ซึ่ง Challenge ของ Strava คุณจะได้แข่งขันกับผู้เข้าแข่งขันทั่วโลกที่ใช้แพลตฟอร์ม Strava อยู่
ในกรณีถ้าคุณวิ่งครบระยะทางที่การแข่งขันกำหนดก็ถือว่า Complete Challenge ได้รับ Trophy Case Badge ไปประดับหน้า Strava Profile ของคุณได้เลย
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af79783ecdbe5335a88281_YjIX_xccMP8hPfarxCR7OAX9PVS-HnWd2AoC45EQDEo4oWV2EasOnwodmy_J7RPy4CvFvJAMajoEx3pWjzCXw1K46PqGXnW_FzjzvPNLAaKA3w00YsN03JF3oV6NodEvRXVdRJro.png)
ซึ่งกลยุทธ์ในการร่วมมือกับแอปพลิเคชัน Virtual Run หรือการสร้าง Challenge ขึ้นมาบนแพลตฟอร์มตัวเองนั้น ทำให้ Strava กลายเป็นแอปพลิเคชันคู่ใจของนักวิ่งส่วนใหญ่ไปโดยปริยาย ในช่วงที่การแข่งขันมาราธอนแบบปกติยังไม่สามารถทำได้
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af797af8afa4100e114cbd_ApalXX3hucTkNPSEbliqV_a_Aojw39al0OIcSUQkY2UPZdv3rMTJjLa6Zxbpir0DnmMZuBACx1Ag6dx1evRgcr5LICcCO_7mNaBYryiUancp6EVT-EiBf38P4rMiNlgkAkcXp9Z7.png)
แต่ถ้าใครที่รู้สึกว่า Virtual Challenge ในแพลตฟอร์มของ Strava ดูไม่ค่อยน่าเล่น ไม่ดึงดูดพอ เลยอยากมาลงแข่งขัน Virtual Run นอกแพลตฟอร์ม แต่ต้องการใช้ Strava ในการบันทึกสถิติของการวิ่งก็สามารถทำได้เหมือนกัน
เพราะในปัจจุบันก็มีแอปพลิเคชันสำหรับการออกกำลังกาย อย่าง WIRTUAL แพลตฟอร์ม Virtual Run ที่ผันตัวมาเป็นแพลตฟอร์ม Exercise to Earn ให้คุณเปลี่ยนเหงื่อจากการออกกำลังกายในรูปแบบที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็น วิ่ง, เดิน, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ หรือการออกกำลังกายอื่น ๆ มาเป็นเหรียญ Cryptocurrency (WIRTUAL Coins)
ซึ่งในการออกกำลังกายบน WIRTUAL แต่ละครั้ง คุณจะสามารถเลือกเข้าร่วมชาเลนจ์ได้มากมาย เช่น Premium Starter-Kit / Standard Starter-Kit, 4 Elements, Day Challenge หรืออื่น ๆ อีกเพียบ ที่มีทั้งความสนุกและความท้าทายแตกต่างกัน อีกทั้งยังเป็นการเปิดประสบการณ์การออกกำลังกายรูปแบบใหม่ให้คุณแบบไม่ซ้ำใครอีกด้วย
เรียกว่าถ้าใครที่ชอบวิ่งแล้วใช้ Strava ในการ Tracking ระยะทางเป็นประจำ ผมแนะนำว่าการเข้าร่วมชาเลนจ์กับ WIRTUAL ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะคุณจะได้นำระยะทางที่คุณออกกำลังกายทุกวันบน Strava มาแลกเป็นเหรียญ Cryptocurrency และสามารถนำไปซื้อของใช้ในการออกกำลังกาย หรือสินค้า NFTs บนแพลตฟอร์มได้อีกด้วย
หากใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน WIRTUAL กันได้ (รองรับทั้ง iOS และ Andriod) หรือจะดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจกต์นี้ก็สามารถกดที่รูปด้านล่างเพื่อดูได้เลย
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/6206000b68ae202e25eaaf39_q_FkVMSeFts4ia-hWay7YLIQ_6CKoWqO-arTT0NMzZlMkEqwEI4aDWVN2M2IimT_GnnusbV0V9mF9n32sVAmdskykQnzs-Ah9_8OAZFIQvwWy_Indr-i5XWm07MC08rELHmG5QiU.png)
ซึ่งกลยุทธ์ในการร่วมมือกับแอปพลิเคชัน Virtual Run หรือการสร้าง Challenge ขึ้นมาบนแพลตฟอร์มตัวเองนั้น ทำให้ Strava กลายเป็นแอปพลิเคชันคู่ใจของนักวิ่งส่วนใหญ่ไปโดยปริยาย ในช่วงที่การแข่งขันมาราธอนแบบปกติยังไม่สามารถทำได้
3. ต่อยอดไอเดีย Virtual Locker Room สู่ CLUB ฟีเจอร์เพื่อการสร้างสังคมใหม่บนแพลตฟอร์ม
จำที่ผมได้กล่าวไปเมื่อหัวข้อที่แล้วได้ไหมครับ ว่าในตอนแรกของ Strava นั้นผู้ก่อตั้งทั้ง 2 อย่าง Mark Gainey และ Michael Horvath พวกเขาเริ่มต้นจากไอเดียที่ชื่อว่า “Virtual Locker Room” หาเพื่อนสำหรับการออกกำลังกาย แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนั้นยังไม่ล้ำพอที่จะทำได้จึงต้องยุติไอเดียนี้ และเปลี่ยนเป็น Social Fitness Network แทน
แต่จนแล้วจนรอด พวกเขาก็ได้สร้างฟีเจอร์จากไอเดียเริ่มแรกนั่นก็คือเรื่องของการสร้าง Community ใหม่ให้กับผู้ใช้งานมาจนได้ และยังเป็นฟีเจอร์เด็ดที่สร้างการเติบโตให้พวกเขาเองด้วย นั่นก็คือ “CLUB”
CLUB คือฟีเจอร์ที่จะมีความคล้ายกับ Facebook Group พอสมควรกล่าวคือจะเป็นเหมือนการสร้างกลุ่ม Community ขึ้นมาบนแพลตฟอร์มซึ่งอาจแบ่งตามละแวกพักอาศัย องค์กร สถานศึกษา หรือกลุ่มคนที่มีความชอบเหมือนกัน ตัวอย่างเช่นหากผมชอบไปวิ่งที่สวนจตุจักร ผมก็จะหากลุ่มโดยการเสิร์จด้วยโลเคชันว่า จตุจักร (Chatuchak) ก็จะพบเจอกับ CLUB ของกลุ่มคนวิ่งที่สวนจตุจักรมารวมตัวกันอยู่ในนั้น
ซึ่งตรงนี้เราก็สามารถกด Join Group เข้าร่วมเป็นอีกหนึ่งสมาชิกของกลุ่มและเมื่อเราได้ไปวิ่งที่สวนจตุจักร คุณก็สามารถแชร์สถิติต่าง ๆ รวมถึงแสดงความคิดเห็น หาเพื่อนใหม่ในการออกกำลังกายได้ในแพลตฟอร์มเลยด้วย
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af79798781f741b3bae71f_0Q1ZruBGatFMPjQ2wsMpvjAZj2agg6dYBzb3Xs6SH9KKLbnLIGA54Iw4IrpE5-gHOCRde71dUWzJArYHc4k8Iuhy9gmr1HLzU92BcyYcfK_Q85MlgU35MguUN0fTaxncSUAZFFmQ.png)
นอกจากนั้นในฟีเจอร์นี้ยังมีการจัดอันดับ Leaderboard ของสมาชิกที่สะสมระยะทางการวิ่งได้เยอะที่สุดอีกด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนมีการแข่งขันเล็ก ๆ สร้างสีสันกันภายในกลุ่มอีกด้วย
ซึ่งฟีเจอร์ Club นี้ก็ให้ความรู้สึกให้ Strava โดดเด่นจากแอปพลิเคชันด้านการวิ่งทั่วไปเป็นอย่างมาก เป็นเหมือน Community ที่จะมีเฉพาะผู้ที่รักในการวิ่งหรือออกกำลังกายเท่านั้นที่จะมาเข้าร่วม (ไม่ต้องกลัวว่าจะเข้ามาขายของเหมือน Facebook Group เลย) ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์กิจกรรมของตนให้ผู้อื่นได้รับรู้ จนทำให้เราได้มิตรภาพดี ๆ ติดตัวไปในชีวิตจริงด้วย
4. เทคโนโลยีในการ Tracking กิจกรรมบนแพลตฟอร์ม
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่สร้างการเติบโตให้แก่ Strava และถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของแอปพลิเคชัน นั่นก็คือเรื่องของเทคโนโลยีในการ Tracking ระยะทางการออกกำลังกายที่มีความแม่นยำเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันสามารถประเมินผลการออกกำลังกายแต่ละครั้งได้อย่างละเอียด
ซึ่งเบื้องหลังเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะในการ Tracking ของ Strava นั้นพวกเขาใช้เทคโนโลยี GPS (Global Positioning System) หรือระบบการ Tracking ระยะทางด้วยดาวเทียมเป็นเทคโนโลยีหลักในการติดตามระยะทาง สถานที่ในการออกกำลังกายแต่ละครั้ง โดยทาง Strava จะใช้ดาวเทียมในการติดตามระยะทางของผู้ใช้งานอย่างน้อย 7-8 ดวง
ที่นอกจากจะสามารถ Tracking ระยะทาง สถานที่ของการออกกำลังกายได้แล้ว ตัว GPS ยังสามารถคำนวณความเร็วในการเคลื่อนไหว (อุปกรณ์ที่ติดตัวคุณ - ดาวเทียม) เผื่อ Tracking เวลาหรือความเร็วสูงสุด-ต่ำสุดได้อย่างแม่นยำ ซึ่งถ้าใครใช้ Strava อยู่เป็นประจำจะพบว่าตัวแอปสามารถบอกความเร็วสูงสุด-ต่ำสุดในการออกกำลังกายของคุณได้อีกด้วย
แถม Strava กล้าเคลมว่าถ้าคุณไม่อยู่ในที่อับสัญญาณมาก ๆ เช่น อุโมงค์ ป่าทึบ ระบบ Tracking GPS ของพวกเขาถือว่ามีความแม่นยำเป็นอย่างมาก จะสังเกตได้ว่าถ้าเรากดบันทึกกิจกรรม ตัวแอปจะต้องหาสัญญาณ GPS (GPS Signal Acquired) ประมาณ 3-5 วินาทีก่อนเสมอ
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af7979cb2f8ffe51d9d616_ycltCOMjsw5JT0OJlydbBrrkRVtqG_IGk0-HYMiCdNP2mBts-GhKwiwgUxVN5A_JGKT5fpe7aGLmiFfZueVVZ2cd7BksMrd8ZUV_SrOgmnbKPfY67RAVJA5wt-m16jLrOy026Pom.png)
โดย Strava ก็มีการพัฒนาระบบ GPS อยู่เสมอเช่น Strava Global Heatmap ที่เป็นการนำเทคโนโลยี GPS ของผู้ใช้งานทั่วโลกมาวิเคราะห์ เพื่อทำเป็น Heatmap ตรวจสอบสถานที่ที่มีผู้ใช้งาน Strava ออกกำลังกายอยู่ เพื่อทำให้ผู้ใช้งานได้มองหาสถานที่หรือ Community ในการวิ่งใหม่ ๆ รอบตัว
ซึ่งระบบเทคโนโลยี GPS ของ Strava ที่มีความแม่นยำนี้เองถือเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดผู้ใช้งานให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี สังเกตจากตัวเลขสถิติกิจกรรมที่เกิดขึ้นในแพลตฟอร์มจากปีแรกที่ให้บริการ ทั้งปีมีจำนวนกิจกรรมถูก Upload ขึ้น Strava เพียงแค่ 100,000 ครั้งทั่วโลก แต่ในปี 2020 ที่ผ่านมา จำนวนกิจกรรมทั้งหมดที่ถูก Upload ขึ้น Strava มีจำนวนกว่า 3 พันล้านครั้งเข้าไปแล้ว
ลองคิดดูเล่น ๆ ว่าปี 2021 นี้ตัวเลขนี้จะพุ่งขึ้นไปอยู่ที่กี่พันล้านครั้ง ? เพราะตั้งแต่ปี 2017 Strava ฟอร์มดี ไม่มีแผ่ว มีตัวเลขกิจกรรมถูก Upload ขึ้นมากกว่า 1 พันล้านครั้งมาโดยตลอด
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af797adb75dc27950d6b83_7Klhal_aE50h8Kiv8_p8dA7E41QqPCHTk7AxGmgIIpuGhFzl1oZTXJOsMi16A3eMPwkbi5913XWBB0yLuIe7k_8AuPhn5NZDP75rZu-98P2ss9VzHO8A6ymKM7UWgQ12wBqYmarq.png)
5. จ่ายเงินเพื่อฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายกว่า
จริงอยู่ที่การใช้งาน Strava ฟีเจอร์ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ยอดนิยมอย่าง Tracking , Strava Social
หรือแม้แต่ CLUB ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ฟรี ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอ สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกาย แต่คำถามคือแล้ว Strava จะมีรายได้จากช่องทางไหนอีกล่ะ ?
ความจริงแล้ว บางคนอาจไม่รู้ว่า Strava ก็มีฟีเจอร์แบบ Subscribtion Model ที่ต้องจ่ายเงินถึงจะใช้บริการได้อีกด้วย (จะขอเรียกว่า Strava Premium) ซึ่งค่าบริการของ Strava Premium นั้นจะอยู่ที่ราคา 1,850 บาทต่อปี (ตกเดือนละ 154 บาท) หรือถ้าใครคิดว่าแบบรายปีอาจจะยาวไป ก็มีแบบรายเดือนอยู่ที่ราคา 249 บาท/เดือนเช่นกัน
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af797a3c7ba714bc3db317_kDQXr1h7s87jT-hwgYpQboySagql_3p2GxKh7xI4chom1H4AzEv1P5xWwGPZ74u_Oo-l2ri-Ruu9JAcv0BiUwRPI18MLG9F0yLBPfKQjTuu8QFmVrz-oRhj0FEuSCPsFiE8tXz7B.png)
โดย Strava Premium จะมีฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคร่าว ๆ ดังนี้
- การสรุปผลกิจกรรมรายสัปดาห์ (Weekly Report) - สรุปสถิติต่าง ๆ ที่คุณได้ออกกำลังกายไปทั้งหมดในสัปดาห์นี้ แล้วเมื่อครบ 1 เดือนก็จะมี Monthly Analysis Report ให้ด้วย
- Training Log - เปรียบเทียบการฝึกซ้อมในแต่ละวัน/เดือน
- Segment Efforts - เปรียบเทียบสถิติของคุณกับคนที่คุณชื่นชอบหรือติดตาม
- Cumulative Stats - เปรียบเทียบสถิติเดือนนี้กับเดือนที่ผ่านมา เพื่อหาช่วงเวลาที่คุณมี Performance ดีที่สุด
- Matched Activities - วิเคราะห์สถิติที่คุณได้แข่งขัน Challenge ที่อยู่ในแพลตฟอร์ม
- Custom Heart Rate Zones - วิเคราะห์อัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างละเอียด
- Power Analysis - วิเคราะห์การใช้พลังงานในแต่ละครั้งอย่างละเอียด
- Pace Analysis - วิเคราะห์การก้าวและความเร็วในการเคลื่อนไหว (สำหรับกีฬาวิ่ง)
- Custom Goals - ตั้งเป้าหมายประจำสัปดาห์ได้เอง เพื่อเพิ่มแรงกระตุ้นในการออกกำลังกาย
ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ฟีเจอร์สำคัญที่จะเพิ่มเข้ามาใน Strava Premium (ยังมีฟีเจอร์เล็กน้อยอีกเยอะมาก) ที่บอกเลยว่าสำหรับนักกีฬาหรือใครที่ต้องการดูข้อมูลการออกกำลังกายของตัวเองอย่างละเอียด การสมัคร Premium Package ของ Strava ก็ถือเป็นอะไรที่น่าลงทุน
Strava Premium จะให้ผู้ที่สนใจทดลองใช้งานได้ฟรีก่อน 60 วัน แม้ทาง Strava จะไม่ได้เผยตัวเลขทั้งหมดของผู้ที่ใช้งานแบบ Premium ออกมาแต่ทาง Strava ก็ออกมาเปิดเผยว่า “ผู้ที่ทดลองใช้งานฟรีในช่วง 60 วันกว่า 67% ตัดสินใจสมัคร Strava Premium ต่อ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามากกว่าครึ่งของผู้ได้ลองใช้งานแบบ Strava Premium ต่างตกหลุมรักและยอมเป็นลูกค้าของ Strava ในที่สุด
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af797ad12cc775d215824e_2lfq7rt4AjdDGZ1ulYmB2usLVEcFGb8Y1zgO-LHTv3zjoHcZ8markBUCeIx1yi0SJLHRnYYdDFqFlaDdkKO_9zmi6aShIwWPw4JQFZyLDy9jSyETatH_qTKYWKRTHsicbYok-Th8.png)
6. ได้รับเงินลงทุนจาก Venture Captital มาโดยตลอด จนก้าวสู่ Unicorn ได้สำเร็จ
“We strive to enable athletes worldwide to get the most out of their active lives.” – Michael Horvath, Co-founder & Board Member of Strava
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า Strava เป็นอีกหนึ่งธุรกิจในด้าน Health&Fitness ที่มีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องขึ้นในทุกปี เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกที่จะมีบริษัท Venture Capital เข้ามาร่วมระดมทุนกันเป็นอย่างมาก ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 12 ปีที่ Strava เริ่มให้บริการมา พวกเขาได้รับการระดมทุน (Funding) ไปแล้วกว่า 7 ครั้ง
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/60af797acf9e0b470815aa38_kdy-4v8082SsxecXK2HC8QPADVks9yqWCKGTH8i3OAFVfaiI0B6JRz_BKbyiXc_KZ5_lE80NnjdeavP4ssP_y9NQUFdSbouJ9e2p36AwEi9zi5bfUAygDPOxYSgvLe-P__YpkFTE.png)
และล่าสุดเมื่อช่วงปลายปี 2020 ที่ผ่านมา Strava ก็ได้รับการระดมทุนเพิ่มอีกหนึ่งก้อนใน Series F Round เป็นจำนวนเงินประมาณ 110 ล้านดอลลาร์ (เงินไทยประมาณ 3,200 ล้านบาท) จาก TCV และ Sequoia 2 ธุรกิจ Venture Capital ชื่อดัง หลังจากที่พวกเขาเห็นการเติบโตในช่วงโควิด-19 ที่ Strava
*Sequoia คือบริษัท Venture Capital ที่เคยระดมทุนให้กับ Facebook ด้วย
ทำได้ดีรวมถึงกระแสของธุรกิจ Health&Fitness ที่กำลังมาแรง ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2010 Strava ได้รับการระดมทุนไปแล้วเป็นจำนวนเงินมากกว่า 151.9 ล้านดอลลาร์
จากการระดมทุนในครั้งนั้นนอกจากจะเป็นการระดมทุนด้วยจำนวนเงินเยอะที่สุดของ Strava แล้วยังส่งผลให้ Strava มีมูลค่าของบริษัทเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์ทันที แน่นอนว่าสถานะของพวกเขาก็ได้เปลี่ยนสู่คำว่า Unicorn น้องใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน
ทาง Michael Horvath (Co-founder of Strava) ก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่าพวกเขาก็จะ “มุ่งมั่น” พัฒนาแอปพลิเคชันที่สร้างประโยชน์ให้ผู้ใช้งานทุกคนต่อไป และเป้าหมายต่อไปของ Strava ก็จะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่แน่นอน
คราวนี้เราก็ต้องมาดูกันแล้วครับว่า Strava จะสร้างเซอร์ไพรซ์อะไรให้ผู้ใช้งานอย่างเราในปี 2022 และแอปพลิเคชันคู่ใจคนรักออกกำลังกายเจ้านี้ที่ได้รับส้มหล่นจากโควิด-19 เมื่อ 2 ปีก่อน จะเติบโตไปได้อีกไกลแค่ไหนในปีนี้..
สรุปทั้งหมด
เป็นที่แน่นอนแล้วว่าสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบในทางลบให้แก่ทุกธุรกิจเสมอไป เพราะจากความเลวร้ายของโรคระบาด ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้น ไม่แปลกเลยที่ธุรกิจในอุตสาหกรรม Health&Fitness จะอาศัยช่วงเวลานี้สร้างการเติบโตได้ เช่น Strava
แม้ตอนนี้ Strava อาจต้องเจอกับคู่แข่งในตลาดแอปพลิเคชันประเภทเดียวกันมากมาย แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่าด้วยวิสัยทัศน์ที่เปี่ยมไปด้วย “ความมุ่งมั่น” ที่ต้องการให้ผู้ใช้งานมีสุขภาพที่ดีขึ้นของ Strava และความเอาใจใส่ในการสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ผู้ใช้งาน จะทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นได้อีกแน่นอน แต่จะมากมายแค่ไหนนั้น ต้องติดตามกันต่อยาว ๆ ในปี 2022 นี้
และถ้าหากใครที่อยากจะเปลี่ยนเหงื่อจากการออกกำลังกายให้กลายเป็นคริปโทเคอร์เรนซี ก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน WIRTUAL มา แล้วเข้าร่วมชาเลนจ์สนุก ๆ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์การออกกำลังกายของคุณให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
Source : strava , medium , businessofapps , crunchbase
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/6206000b68ae202e25eaaf39_q_FkVMSeFts4ia-hWay7YLIQ_6CKoWqO-arTT0NMzZlMkEqwEI4aDWVN2M2IimT_GnnusbV0V9mF9n32sVAmdskykQnzs-Ah9_8OAZFIQvwWy_Indr-i5XWm07MC08rELHmG5QiU.png)