กลยุทธ์ความสำเร็จของ Uniqlo และการปรับตัวเพื่ออยู่รอดในช่วง Covid -19
ในปี 2015 Uniqlo มีตลาดหลักๆ อยู่เพียง 3 ประเทศด้วยกัน คือ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี แต่ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าสัญชาติญี่ปุ่นได้เข้าไปบุกตลาดอเมริกาและยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในระยะเวลาเพียง 20 ปีจนถึงปัจจุบัน Uniqlo มีรายได้ในปีที่ผ่านมาที่สูงเกือบ 2.3 ล้านล้านเยน และมีสาขาจำนวนกว่า 1,500 สาขา ใน 15 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าเราจะไปมุมไหนของโลก เราก็สามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย
แบรนด์ Uniqlo มาจากประเทศญี่ปุ่น แท้จริงแล้วมีมานานกว่า 70 ปี โดยเริ่มต้นมาจากคุณพ่อที่เปิดร้านตัดสูทที่ประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นคุณ Tadashi Yanai ซึ่งเป็นลูก ได้เข้าไปบริหารธุรกิจให้ที่บ้าน และเห็นโอกาสในการเปลี่ยนตัวเองมาเป็น LifeWear มาจนถึงทุกวันนี้
Uniqlo มาในคอนเซ็ปต์ “Made For All” หรือ “เสื้อผ้าที่ทำมาเพื่อทุกคน” โดยทำให้ใส่สบาย เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย สินค้าคุณภาพดี และที่สำคัญราคาถูก และได้กลายมาเป็นร้าน Fast Retailing ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แล้วกลยุทธ์อะไรที่ทำให้ Uniqlo กลายมาเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นแบบนี้
1. เป็นแบรนด์ที่มีความชัดเจน แตกต่าง และเข้าถึงได้ง่าย
“เราไม่ได้ตามเทรนด์ ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าเราเป็น fast-fashion แต่เราไม่ใช่ เราเป็นเสื้อผ้าที่ทำขึ้นเพื่อทุกๆ คน” - Tadashi Yanai, CEO Uniqlo
เสื้อผ้าหลายแบรนด์ในตลาดมักจะทำตามแฟชั่น แต่กลับกัน Uniqlo มีความเชื่อว่าตัวเองเป็นแบรนด์ที่ Made For All ทำเพื่อให้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย เข้าถึงได้ง่ายและใส่ได้ทุกโอกาสในชีวิตประวันจำ จึงทำให้สินค้ามีราคาถูก
2. สร้างโปรโมชั่นสนับสนุนการขายและใช้ Influencer ในการทำการโปรโมท
เราจะเห็นได้ว่า Uniqlo ไม่ได้ลดราคาเป็น season เหมือนกับแบรนด์อื่นๆ ที่มีแบบช่วง Mid Year Sale หรือ End Year Sale แต่ Uniqlo จะเป็นแบบสองเดือนลดหนึ่งครั้ง เมื่อมีสินค้าคอลเลกชันใหม่มาก็จะลดราคาสินค้าเก่าลง และช่วงหลังมานี้ เราจะเห็นได้จากตามสื่อโซเชียลมีเดียที่มีดารา นักแสดง หรือ Influencer หลายคน ออกมาโพสต์รูปตนเองด้วยการใส่เสื้อผ้าของแบรนด์ Uniqlo เมื่อผู้คนเห็นแล้วว่าเหล่าผู้ที่มีชื่อเสียงใส่แล้วเรียบง่าย ดูดี ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตน ก็อยากจะใส่บ้าง ซึ่งกลยุทธ์นี้สามารถเข้าถึงผู้คนได้อย่างจำนวนมาก
อย่างแคมเปญนี้ ทาง Uniqlo ได้นำ นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ นักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง มาเป็น Influencer เพื่อใช้ในการโปรโมทสินค้าใหม่อย่าง Uniqlo Smart Pants ซึ่งทำให้ uniqlo ได้รับกระแสตอบรับในทางที่ดี
ภาพจาก Uniqlo Thailand
3. สร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
ด้านเทคโนโลยีมีการสร้างเว็บไซต์และ Chat Bot ขึ้นมาเพื่อตอบคำถามอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้า
นอกจากนั้นยังมีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ใส่ใจในการผลิตที่ต่างจากเสื้อผ้าแบรนด์อื่นมาใช้ เช่น Easy Care ที่ทำให้เนื้อผ้ามีคุณสมบัติยืดหยุ่นและคืนตัวได้ไว ไม่ยับง่าย AIRism ที่เป็นเนื้อผ้ามีคุณสมบัติเบาบาง ระบายอากาศดี เนื้อผ้านุ่มและรู้สึกเย็นสบายขณะสวมใส่ และ Blocktech ผ้ากันลมกันน้ำที่เบาบางที่ใช้ในการผลิตเสื้อแจ็กเก็ต เป็นต้น
ภาพจาก Uniqlo
4. ทำให้แบรนด์ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
โดยการ Collaboration กับ Designer ชื่อดังระดับโลก อาทิเช่น Kaws, Marimekko, Lemaire รวมไปถึงศิลปินที่กำลังเป็นที่นิยม เช่น Billie Eilish เป็นต้น ซึ่งจากการร่วมมือกันแบบนี้ ทำให้ Uniqlo สามารถเข้าถึงตลาดอเมริกาและยุโรปได้รวดเร็วขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าตลาดทั้งสองฝั่งยังไม่ค่อยมี Awareness ต่อแบรนด์มากนัก
ซึ่งต้องบอกว่า Uniqlo ใช้กลยุทธ์นี้ในการสร้างธุรกิจให้เติบโตมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง และกลยุทธ์นี้ยังถือเป็นกลยุทธ์หลักของ Uniqlo เลยก็ว่าได้
ภาพจาก Uniqlo Thailand
การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในช่วง Covid-19
เป็นที่รู้กันว่าในปีนี้หลายธุรกิจต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง เนื่องจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 รวมถึงแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Uniqlo เองด้วย เรามาดูกันว่าเจ้าแบรนด์ยักษ์ใหญ่นี้ มีการปรับตัวกันอย่างไร
ยึดมั่นในคอนเซ็ปต์ของตัวเอง
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ชีวิตประจำวันของผู้คนเปลี่ยนไปมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายชุดทำงานของแบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ ลดน้อยลง เพราะจากที่เราเคยออกไปทำงานนอกบ้านทุกวัน ต้องเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมในทุกเช้า ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นการ Work From Home ที่ทำให้ใส่เสื้อผ้าสบายๆ อะไรก็ได้
ถึงแม้ว่าแบรนด์อื่นๆ อาจจะอยู่ในช่วงขาลง แต่ Uniqlo ยังคงยืนหนึ่งได้อยู่ และนี่ก็เรียกได้ว่าเป็นโอกาสก็ว่าได้ เพราะว่า Uniqlo ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ใส่ง่ายเหมาะสมกับชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
นำนวัตกรรมที่มีอยู่แล้วมาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์
ถ้าใครที่เป็นลูกค้าของ Uniqlo อยู่แล้ว อาจจะคุ้นเคยกับคำว่า ‘นวัตกรรม AIRism’ ที่มีคุณสมบัตินุ่มลื่น ใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี แถมยังช่วยระงับกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่ง Uniqlo ได้นำสิ่งนี้มาผลิตเป็นเสื้อผ้าอย่างซับใน ที่เหมาะกับประเทศร้อนๆ อย่างบ้านเรา และในช่วง Covid-19 นี้เอง Uniqlo ก็ได้นำนวัตกรรมนี้มาผลิตเป็นหน้ากากอนามัย ส่งผลให้มีการตอบรับที่ดีและมียอดขายอย่างล้นหลาม
การปรับเปลี่ยนทางด้านร้านค้า
ถึงแม้ว่าจะมีการปิดร้านค้าแบบ Physical store ไปบ้างในช่วงที่มีการระบาดของโรคอย่างหนัก แต่ลูกค้าก็ยังคงสามารถสั่งสินค้าผ่านเว็บไซต์ของร้านค้า และรอรับสินค้าที่หน้าบ้านได้เลย นอกจากนั้นยังมีการปรับเปลี่ยนโดยใช้การชำระเงินแบบอัตโนมัติแทนการชำระเงินกับคนโดยตรง เป็นการลดจำนวนพนักงานแคชเชียร์ เพื่อเป็นการทำตามนโยบาย Social distancing
ภาพจาก Uniqlo Thailand
สรุปทั้งหมด
ใครจะคิดว่าจากร้านตัดสูทเล็กๆ ในประเทศญี่ปุ่นจะกลายมาเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่มีสาขามากกว่า 1,500 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นเสื้อผ้าอีกหนึ่งแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และในอนาคต อาจจะก้าวมาเป็น ‘อันดับหนึ่งในธุรกิจเสื้อผ้าของโลก’ ดังวิสัยทัศน์ของแบรนด์ Uniqlo เองก็ว่าได้ ถือว่าเป็นอีกแบรนด์ที่น่ายกย่องและจับตามองต่อไปอย่างยิ่ง