ในชีวิตของเราทุกคน ล้วนมีเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จ ต้องทำให้สำเร็จ และจะทำมันให้สำเร็จ เป้าหมายเป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนตัวเราไปข้างหน้า ทว่าหลายๆคนอาจทำได้เพียงคิดแต่ไปไม่ถึงเสียที เมื่อคุณค้นพบแล้วว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร การมีกรอบระยะเวลาที่แน่ชัด จะทำให้คุณรู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าใดในการดำเนินตามแผนเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น ซึ่งเราสามารถแบ่งเป้าหมายออกได้เป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น(Short-term goal) ระยะกลาง(Medium-term goal) และ ระยะยาว(Long-term goal)
ไม่ว่าจะเป็นระยะไหน คุณจะต้องมีความปรารถนาอันแรงกล้ามากพอ ที่จะเป็นพลังในการสร้างหนทางไปสู่เป้าหมายนั้นให้ได้
และนี่คือ 3 สิ่งที่ต้องทำ หากคุณอยากจะไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
1. Be fearless to face fear อย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับความกลัว
กลัวที่จะล้ม? กลัวที่จะทำมันไม่สำเร็จ? กลัวความไม่แน่นอน? กลัวว่าตัวเองยังเก่ง ยังดีไม่พอ?
เราทุกคนล้วนมีความกลัวอยู่ภายในจิตใจ เมื่อเรามีความกลัว นั่นแปลว่า เราอาจจะกำลังไม่มั่นใจและไม่เชื่อในศักยภาพของตนเอง การกลัวที่จะเผชิญหน้าเป็นสิ่งที่ฟ้องว่า คุณไม่กล้าออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง พื้นที่เดิมๆที่ทำให้คุณรู้สึกสบายและปลอดภัย
หากคุณเลือกที่จะอยู่ในพื้นที่นั้นต่อไป นั่นแปลว่าคุณกำลังเก่งที่สุดแค่ในพื้นที่ของตัวเอง แต่สำหรับคนที่กล้าที่จะก้าวออกมาจากจุดๆนั้น เขากำลังนำหน้าและทิ้งห่างคุณออกไปเรื่อยๆ
สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่การหนี หลีกเลี่ยง หรือกำจัดความกลัวออกไป แต่คือการเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้า หาวิธีจัดการ และก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกับมันต่างหาก
ในเมื่อคุณมีความฝัน ความต้องการ และเป้าหมายแล้ว อย่าปล่อยให้ความกลัวเข้ามาเป็นอุปสรรคในการเดินทางของคุณ กระโจนออกไปด้วยความตื่นเต้นกันเถอะ
4 ขั้นตอนเพื่อก้าวข้ามความกลัว
F-E-A-R (Feel Embrace Act Repeat) เป็นเครื่องมือที่ Kim Perell ผู้เป็น CEO ของ Perell Ventures ได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อก้าวข้ามความกลัว
- Feel จงรู้สึกและรับรู้ถึงความกลัวที่คุณมี
ความกลัว ไม่ใช่ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นเพียงภาพที่ถูกสร้างขึ้นภายในจิตใจของเราเท่านั้น อย่าปล่อยให้มันมาฉุดรั้งความก้าวหน้าและความสำเร็จที่คุณหวังไว้ ในเมื่อความกลัวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณก็แค่รับรู้ว่าสิ่งที่คุณกลัวคืออะไร มีอะไรบ้างที่คุณกลัว ทำไมคุณถึงกลัวมัน คุณจะได้รู้ว่าต้องจัดการกับมันอย่างไร
- Embrace โอบกอด
อันที่จริงแล้วความกลัวก็เป็นเหมือนเพื่อนของเรา เป็นกลไกที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อที่จะปกป้องเราจากอันตรายต่างๆที่อาจเกิดขึ้น เป็นคำตอบของคำถามที่ว่า แท้จริงแล้วคุณกลัวอะไร มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นที่ให้ตอบได้ เมื่อคุณเจอคำตอบและรับรู้ถึงมันแล้ว จงอ้าแขนยอมรับความกลัวไว้อย่างเต็มใจ มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าอับอาย บางคนกลัวเข็ม บางคนกลัวแมลง บางคนกลัวความสูง ความกลัวคือเรื่องปกติ ดังนั้นแค่เรายอมรับและเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจกับมัน แล้วเราจะหาวิธีเอาชนะมันได้อย่างแน่นอน
- Act ลงมือทำ
เสมือนว่าเราไม่ได้มีความกลัวอยู่ การเผชิญหน้ากับความกลัวจะทำให้เราสามารถควบคุมความกลัวเหล่านั้นได้ เมื่อเราเริ่มลงมือทำครั้งแรกแล้ว ครั้งที่สอง สาม สี่ก็จะตามมา ยิ่งลงมือทำมากเท่าไหร่ คุณจะเริ่มมีความมั่นใจและกล้าที่จะทำมันในครั้งต่อไปมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าการลงมือทำแรกๆ คุณอาจต้องเผชิญกับปัญหา อุปสรรค หรือความล้มเหลว แต่นั่นก็จะเป็นบทเรียน และประสบการณ์ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ ที่จะทำให้คุณได้พัฒนาตัวเองต่อไป
“I knew that if I failed I wouldn’t regret that, but I knew the one thing I might regret is not trying ผมไม่เสียใจถ้าสิ่งที่ผมได้ทำมันจะล้มเหลว แต่ผมจะเสียใจถ้าผมไม่ได้ลงมือทำสิ่งนั้นมากกว่า” – Warren Buffet
- Repeat การลงมือทำซ้ำ
นี่ไม่ใช่สูตรลับที่จะทำให้ความกลัวของคุณหมดไป แต่เป็นขั้นตอนที่จะทำให้คุณสามารถก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกับมัน อีกทั้งยังช่วยให้คุณเรียนได้รู้ที่จะเปลี่ยนความกลัวเหล่านั้นเป็นเชื้อเพลิงที่จะพาคุณไปสู่เป้าหมาย การลงมือทำซ้ำ สิ่งที่คุณ(ยัง)ทำไม่ได้อาจทำให้หมดกำลังใจ แต่เชื่อเถอะว่า อย่างน้อย มันคือหนทางเดียวที่จะช่วยทำให้คุณเก่งยิ่งขึ้นไปอีก
ทุกครั้งที่คุณทำมัน คุณอาจจะยังรู้สึกกลัว แต่เมื่อคุณได้เผชิญหน้ากับมันและลงมือทำบ่อยครั้ง ความกลัวเหล่านั้นจะลดลงไป เหมือนกับการที่เราลองทำอะไรบางอย่างที่แปลกใหม่ แรกๆเราอาจจะยังไม่คุ้น แต่หากเราทำสิ่งนั้นบ่อยครั้ง ทำซ้ำๆในทุกวัน สุดท้ายแล้วมันจะกลายเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยมันไปในที่สุด และแน่นอนว่าจะทำได้ดีขึ้นด้วยล่ะ
เราขอท้าคุณให้ลอง Feel your fear, Embrace it, Act on it, และ Repeat it ไปเรื่อยๆ จงเผชิญหน้ากับความกลัว แล้วสักวันคุณจะก้าวข้ามความกลัวเหล่านั้นและไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
2. Empowering Mindset แนวคิดทรงพลัง
สิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญในการพิชิตเป้าหมายไม่ใช่พรสวรรค์ ความสามารถพิเศษ หรือทักษะ แต่เป็นวิสัยทัศน์และแนวคิดของคุณต่างหาก Mindset ที่สร้างพลังบวก ความเชื่อมั่นว่าจะทำได้ ใจที่เปิดกว้างและพร้อมที่จะออกไปผจญภัยกับโลกใบใหม่ จะเป็นแรงขับเคลื่อนพลังในตัวคุณ จนก่อให้เกิดการลงมือปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
Believe in yourself เชื่อมั่นในตัวเอง
เริ่มจากการสร้างความคิดและความเชื่อว่า คุณมีความสามารถอันไร้ขีดจำกัดที่สามารถผลักดันตัวเองไปสู่เป้าหมายที่สูงขึ้นได้ การเชื่อมั่นในตัวเองถือเป็นการสร้างพลังบวกให้กับตัวคุณ จงเชื่อเสมอว่าคุณเก่งพอ ดีพอ มีความสามารถมากพอที่จะทำมันให้สำเร็จ ขจัดความคิดด้านลบ ความเครียด ความกดดันออกไป และเพิ่มความคิดในด้านบวกกับตัวเองให้มากขึ้น เพียงคุณเชื่อ เท้าข้างหนึ่งก็ได้ก้าวออกมาจากกรอบเดิมแล้ว
Start now คิดแล้วต้องทำ
อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าให้คำว่า “พรุ่งนี้ค่อย…” มาเป็นตัวถ่วงให้คุณไม่ได้ทำตามเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อคุณคิดได้แล้ว สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือการลงมือทำ ถ้าไม่ลงมือทำวันนี้ แล้วจะได้เริ่มทำวันไหนกันล่ะ? ลงมือทำวันนี้เพื่อให้มันเกิดขึ้น และเมื่อคุณได้ลงมือทำมันแล้ว นั่นจะกลายเป็นการตัดสินใจแบบที่คุณจะเสียดายน้อยที่สุดเมื่อมองกลับมา
Keep Going ไปต่อไม่รอแล้วนะ
เมื่อลงมือทำแล้ว แน่นอนว่าปัญหาและอุปสรรคคือสิ่งที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยง อย่าได้ย่อท้อและยอมแพ้ จง Move on และก้าวต่อไป ก่อนที่จะถึงเส้นชัย ทุกคนต้องผ่านความล้มเหลวและอุปสรรคต่างๆซึ่งเป็นเหมือนบททดสอบพลังใจที่สอนให้เรากล้าลงมือทำมันอีกครั้ง แม้แต่นักธุรกิจระดับโลก ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จจากการพยายามเพียงครั้งเดียว และการพิชิตเป้าหมายหรือการทำธุรกิจใดๆไม่ใช่เรื่องง่าย
แม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จในวันนี้ แต่ระหว่างทางคุณจะได้พบกับประสบการณ์ชั้นดีที่จะสามารถนำไปปรับใช้ ในวันที่คุณพร้อมที่จะก้าวต่อไป ถ้าคุณสู้ซะอย่าง อย่างน้อยที่สุด คุณก็ยังมีโอกาสชนะ
แต่ถ้าไม่ นั่นเท่ากับว่าคุณได้แพ้ไปแล้วเรียบร้อย ในเมื่อวันนี้คุณรู้แล้ว วันหน้าคุณก็จะเก่งขึ้น วันนี้คุณอาจล้มลง แต่วันหน้าคุณจะสามารถลุกขึ้นมาได้เร็วกว่าเดิมอย่างแน่นอน
Be positive คิดบวกอยู่เสมอ
หกล้มเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องลุกขึ้นและก้าวต่อไปให้ได้เร็วกว่าเดิม ทบทวนทุกความล้มเหลวที่พบเจอเพื่อทดลองทำครั้งต่อไปให้ดียิ่งขึ้น หากคิดในรูปแบบของ Growth Mindset เราอาจใช้คำว่า ล้มลงและเรียนรู้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว แต่เป็นสิ่งที่จะช่วยหล่อหลอมให้เราได้เติบโต แข็งแกร่ง และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จนกว่าจะถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
ในโลกของการทำธุรกิจ ย่อมต้องเผชิญกับวิกฤติหลายระดับ แต่โปรดจงรู้ไว้ว่า ทุกอุปสรรค ทุกปัญหาที่เราพบ มันมีทางออกที่เราต้องหาให้เจอ หัวใจสำคัญในการทำธุรกิจหรือการลงทุนคือการรู้จักมองหาโอกาสใหม่ๆอยู่เสมอ ในวิกฤตการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น อาจมีโอกาสดีๆซ่อนอยู่ เช่น โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากมายทั่วโลก ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อคงความอยู่รอด
หากเราลองมองในอีกแง่มุม วิกฤติโควิดครั้งนี้ได้สร้างโอกาสให้เราได้คิดริเริ่มที่จะปรับธุรกิจให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น จากเดิมที่ร้านอาหารได้แต่ขายทางออฟไลน์ด้วยการนั่งกินที่ร้านหรือซื้อกลับบ้าน แต่เมื่อเจอกับเหตุการณ์โควิด ธุรกิจร้านอาหารต้องเปลี่ยนไปเป็นการขายผ่านช่องทางออนไลน์และเดลิเวอรี่แทน โดยนำตัวเองเข้าสู่แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ต่างๆ และเริ่มรู้จักทำการตลาดดิจิทัลบนสื่อโซเชียลมากขึ้น นับเป็นโอกาสที่ดีในการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดที่สามารถส่งผลดีและสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว และแน่นอนว่าเราต้องอย่าปล่อยให้วิกฤติมาบดบังโอกาสดีๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
Invest in yourself ลงทุนกับตัวเอง
“การลงทุนที่ได้กำไรมากที่สุด คือการลงทุนกับตัวเอง” - Warren Buffet
เราควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเองหรือสร้างองค์ความรู้ให้กับตัวเองอยู่เสมอ เพราะความรู้จะนำมาซึ่งโอกาสและช่องทางในการประสบความสำเร็จ ยิ่งคุณมีความรอบรู้มากเท่าไร คุณก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการไปสู่เป้าหมายของคุณได้มากขึ้นเท่านั้น
ความรู้หรือทักษะที่คุณลงทุนเพื่อที่จะได้มันมาจะเป็นสิ่งที่ติดตัวคุณไปตลอด ไม่มีใครที่จะแย่งมันไปจากคุณได้ ยิ่งขวนขวาย ยิ่งได้มันมา เช่น คุณอาจลงเรียนคอร์สออนไลน์เกี่ยวกับการทำ Digital Marketing ซึ่งนั่นทำให้คุณสามารถใช้ความรู้ที่ได้เรียนมา ต่อยอดไปในการเริ่มต้นธุรกิจ
ยิ่งไปกว่านั้น การไปถึงเป้าหมายของคุณย่อมมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้ และเพื่อรับมือกับความไม่รู้เหล่านั้น การลงทุนเพื่อพัฒนาตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการจะไปให้ถึงเป้าหมายให้เร็วที่สุด
Work Hard Have Fun ทำงานให้หนักและสนุกไปพร้อมๆกัน
สร้างความสุขและความสนุกไปกับการพิชิตเป้าหมาย หากคุณเพลิดเพลินไปกับการทำมัน นั่นแปลว่า คุณสามารถใช้เวลาอยู่กับมัน และสามารถทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมีไปกับมันได้ การที่จะไปถึงจุดหมาย ก็เหมือนกับการเดินทางที่เส้นทางนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะถึงเส้นชัย ย่อมมีขวากหนามมากมายที่ไม่อาจคาดเดาได้รอเราอยู่ จงสนุกและเพลิดเพลินกับการทางเดินของคุณ เมื่อเหนื่อยล้าก็สามารถหยุดพัก ชื่นชมกับวิวทิวทัศน์ข้างทาง หรืออะไรแปลกใหม่ที่แวะเข้ามาในชีวิต ใครจะไปรู้ว่า คุณอาจจะได้พบเจอกับสถานที่สวยๆ หรือของกินอร่อยๆที่ทำให้การเดินทางไปสู่จุดหมายของคุณ เต็มไปด้วยคุณค่าและมีความหมายที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้อีก
3. Unwavering Determination ความตั้งใจแนวแน่ที่มั่นคง
สิ่งที่คุณต้องมีไม่ใช่เพียงแค่แรงจูงใจ แต่เป็นความมุ่งมั่นมากพอที่จะทำมันให้ประสบความสำเร็จ เมื่อคุณมีความมุ่งมั่น มันก็เหมือนกับการทำให้อะดรีนาลีนหรือฮอร์โมนบ้า ดี เดือดในร่างกายสูบฉีด เป็นเหมือนกับความกระหายที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย เป็นขุมพลังแห่งความสำเร็จที่จะสร้างความกระตือรือร้น ความกระปรี้กระเปร่า และผลักดันให้คุณมีความอดทน มานะบากบั่นต่อสิ่งต่างๆ
เมื่อคุณมีความมุ่งมั่นบวกกับความหลงใหลที่จะทำเป้าหมายให้สำเร็จ นั่นจะก่อให้เกิดความกระตือรือร้นที่ทำให้คุณได้คิด ได้ลงมือทำ ได้ลองผิดลองถูกตลอดเวลา และมันยังเป็นเครื่องมือที่เอาไว้ช่วยขจัดความขี้เกียจและความหม่นหมองออกไป คุณจะสามารถทำตามเป้าหมายได้อย่างไม่ย่อท้อ
ถึงแม้ว่าหนทางจะยากลำบากเพียงใด จะต้องพบเจอกับปัญหา อุปสรรค ความผิดหวัง หรือแม้กระทั่งความล้มเหลว แต่ถ้าคุณมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่แน่วแน่ กระตือรือร้นที่จะทุ่มเทให้กับเป้าหมายของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร คุณจะไม่มีวันแพ้ให้กับมันอย่างแน่นอน
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Elon Musk ประสบความสำเร็จจนสามารถผลักดันให้เขาได้ขึ้นมาเป็นเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก และทำให้ Tesla กลายมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ นั่นคือการ “Work Like Hell” เขาเคยให้สัมภาษณ์กับทาง Vator ไว้ในปี 2010 ว่า คุณจะต้องทำงานได้อย่างบ้าคลั่ง ซึ่งสิ่งที่เขาหมายถึงก็คือ แนะนำให้ใช้เวลาประมาณ 80 ถึง 100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ไปกับการทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ หลายเดือน หรืออาจจะหลายปี
อย่างไรก็ตาม ในทีนี้เราไม่ได้หมายถึงการที่คุณทำงานติดต่อกันโดยไม่ได้หยุดพักเลย แต่มันคือการที่คุณพร้อมที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับทำงานเพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จ
เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพ หากมีคนสองคนที่ทำงานชิ้นเดียวกัน ความสามารถ ทักษะ และทรัพยากรต่างๆเท่ากัน แต่ใช้เวลาในการลงมือทำไม่เท่ากัน คนที่ใช้เวลาทุ่มเทไปกับงานนั้นมากกว่าย่อมทำได้เสร็จเร็วกว่า พูดง่ายๆก็คือ Hard work always pays off การทำงานหนักจะสามารถทำให้คุณนำหน้าคนอื่นๆได้ และถ้าคุณทำงานหนักกว่าคนอื่น คุณจะสามารถค้นพบ ปัญหาหรืออุปสรรคได้เร็วกว่า และนั่นจะทำให้คุณสามารถหาหนทางในการรับมือและแก้ไขได้ก่อนใคร
ตัวแปรที่คาดเดาไม่ได้คือความไม่แน่นอน
อย่าลืมว่า ตัวแปรที่คาดเดาไม่ได้มักเกิดขึ้นได้เสมอ ความไม่แน่นอนคือเรื่องปกติของการทำธุรกิจ เหตุการณ์ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่เราต้องเผชิญและก้าวข้ามความไม่แน่นอนหลายๆอย่าง ดังนั้นการเตรียมความพร้อมตลอดเวลาเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนจึงเป็นสิ่งสำคัญ การวางแผนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องง่าย และการทำแผนนั้นให้สำเร็จ ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากกว่า การมีแผนสำรอง(Contingency Plan) หรือ Plan B ไว้จึงเป็นเรื่องที่จะช่วยให้เราเซหรือล้มลงได้เบามากที่สุด และถ้าคุณอยู่ในธุรกิจที่มีความไม่แน่นอนสูงยิ่งขึ้นไป ที่อาจทำให้แผน B ต้องล้มลง ทางแก้คือการหาแผน C D E เพื่อลดการบาดเจ็บให้น้อยลงที่สุดและสามารถลุกขึ้นมาเติบโตได้อีกครั้งอย่างมั่นคง
สรุปทั้งหมด
3 ข้อที่เราอยากให้คุณจดจำไว้ หากคุณเป็นคนที่มีเป้าหมายและอยากทำมันให้สำเร็จ อย่างแรกที่ต้องทำคือ อย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับความกลัว และเมื่อเผชิญหน้ากับมันแล้ว อย่างที่สองคือให้เริ่มลงมือทำตามเป้าหมายทันทีด้วย Mindset อันทรงพลัง อย่างสุดท้ายคือให้ความมุ่งมั่นตั้งใจที่มั่นคงและต่อเนื่องเป็นเชื้อเพลิงที่จะพาคุณไปสู่ปลายทางที่คุณวาดไว้ เมื่อเจอกับความผิดพลาดหรือความล้มเหลว จงมองมันเป็นบททดสอบความเชื่อมั่น
แม้เป้าหมายของคุณอาจมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จไม่มาก แต่การที่คุณได้ลงมือทำมัน นั่นเท่ากับคุณได้สร้างโอกาสในความสำเร็จให้กับตัวเองแล้ว ต่อให้โอกาสนั้นจะมีเพียงแค่ 1% ก็ตาม แต่ยิ่งคุณได้ทำ โอกาสนั้นจะยิ่งเพิ่ม ถ้าคุณกลัวและเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลย นั่นเท่ากับว่า โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จในเป้าหมายนั้นคือ 0%