ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘สวัสดิการ’ เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความใส่ใจขององค์กรที่มีต่อพนักงานได้ส่วนหนึ่ง รวมถึงสามารถดึงดูดให้พนักงานรุ่นใหม่ไฟแรงหรือคนที่มีความสามารถมาทำงานกับบริษัทคุณได้ ตอนนี้หลายบริษัทก็ได้เพิ่มสวัสดิการใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อให้มีความสอดคล้องกับบริบทในยุคปัจจุบัน ความต้องการของพนักงาน และสร้างความสุขให้กับพวกเขามากยิ่งขึ้น เราไปดูกันเลยว่ามีสวัสดิการไหนที่ถูกใจพนักงานยุคใหม่กันบ้าง?
โบนัส
‘โบนัส’ คำสั้น ๆ ที่ไม่ว่าใครได้ยินแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ถ้าหากว่าบริษัทไหนที่มีการแข่งขันสูงมาก ๆ การให้โบนัสก็เป็นแรงกระตุ้นและจูงใจให้พนักงานอยากทำงานให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเงินสด, หุ้นบริษัท, สิ่งของ หรือแม้กระทั่งคริปโทเคอร์เรนซีที่หลายบริษัทกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งการให้โบนัสก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการจัดการ Reward Management ของแต่ละบริษัทว่าจะให้อย่างไรบ้าง แต่การให้โบนัสจะทำให้พนักงานรู้สึกว่า ยิ่งทำงานได้ดีมากเท่าไร ผลตอบแทน หรือรางวัลที่ได้ก็อาจมีผลตอบรับกลับมาดีมากเท่านั้น
การทำงานที่ยืดหยุ่น
อีกหนึ่งสวัสดิการที่พนักงานยุคใหม่หลายคนมองหา คือ การทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น สามารถ Remote Working ได้ เพราะบางครั้งการทำงานนอกออฟฟิศก็ทำให้พวกเขารู้สึก Productive มากกว่าการเข้าออฟฟิศ, ไม่ต้องเข้างานตรงเวลา แต่เก็บชั่วโมงให้ครบ รวมถึงให้แต่งกายได้อย่างอิสระ (ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับงานด้วย) การทำงานที่ยืดหยุ่นจึงถือเป็นการสนับสนุนให้พนักงานมีความสุขในการทำงานได้อีกทางหนึ่ง
วันหยุดและวันลา
ตอนนี้หลายบริษัทก็เริ่มมีการปรับให้พนักงานลาในโอกาสต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ก็ยังได้รับเงินเดือนเช่นเคย เช่น สามารถลาพักร้อนได้ไม่จำกัด (แต่ก็ต้องจัดการงานให้ดีด้วย), ให้พนักงานที่ผ่าตัดแปลงเพศลาหยุดได้สูงสุด 30 วัน, ลาหยุดพักใจหากมีคนในครอบครัวเสียชีวิตสูงสุด 14 วัน, ให้วันหยุดลาคลอดสำหรับแม่ 90 วัน ส่วนพ่อลาได้ 30 วัน เป็นต้น
สวัสดิการด้านสุขภาพ (กายและจิต)
ไม่ว่าจะสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนอกจากเรื่องงานที่ทำให้ต้องนั่งทำงานหน้าจอทั้งวันจนไม่มีเวลาไปออกกำลังกายแล้ว พนักงานหลายคนอาจจะมีเรื่องราวในชีวิตประจำวันมากระทบจิตใจไม่น้อย ทำให้สุขภาพกายและจิตแย่ไปตาม ๆ กัน หลายบริษัทก็มีสวัสดิการด้านสุขกายและจิตมาบริการพนักงาน เช่น มีประกันสุขภาพ, ให้งบสนับสนุนพนักงานเข้าฟิตเนส, มีการซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าไว้ในออฟฟิศ, มีนักจิตวิทยามาให้คำปรึกษาดูแลด้านจิตใจโดยเฉพาะ เพื่อให้พนักงานมีสุขภาพจิตที่ดี มีความสุขในการใช้ชีวิตและการทำงานมากขึ้น
ความเป็นอยู่ของพนักงาน
การมีสวัสดิการด้านความเป็นอยู่ของพนักงานบางอย่างก็สามารถช่วยเบาแบ่งภาระของพนักงานไปได้ อย่างการให้บริการอาหารฟรี 3 มื้อ, ค่าเดินทาง, มีรถรับส่งจากบ้านมาบริษัท, มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ให้งบสนับสนุนไปซื้ออุปกรณ์ที่ถูกต้องตามหลัก Ergonomic (โต๊ะ, เก้าอี้) ซึ่งสวัสดิการเหล่านี้นอกจากจะช่วยให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นแล้ว ก็ยังช่วยสร้างเสริมความสุขในการทำงานให้พวกเขามากขึ้นได้อีกด้วย
สรุปทั้งหมด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนยุคใหม่มักจะหันมาให้ความสำคัญกับสวัสดิการมากยิ่งขึ้นเป็นอันดับต้น ๆ รองจากเงินเดือน สำหรับบริษัทไหนที่อยากดึงดูดพนักงานยุคใหม่ หรืออยากรักษาพนักงานให้อยู่กับคุณไปนาน ๆ ก็ลองนำทั้ง 5 สวัสดิการที่เรายกตัวอย่างมาข้างต้นไปใช้ในบริษัทของคุณดูก็ได้ เพราะถ้าพนักงานรู้สึกว่าบริษัทมีการสนับสนุนเขาในด้านต่าง ๆ เขาก็จะมีความสุข และสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพออกมาได้อย่างดี