ปัจจุบันนี้สังเกตได้ว่าบริษัทดัง ๆ ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะให้โบนัสพนักงานแบบจัดหนักจัดเต็ม อย่างการให้โบนัส 12 เดือน หรือมีการเพิ่มโบนัสให้ถึงสองเท่าจากปกติ ซึ่งถ้ามองดี ๆ สิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่การทำการตลาดขององค์กร แต่เป็นวิธีที่บริษัทใช้รักษาพนักงานไม่ให้ลาออกไปทำงานกับบริษัทอื่นหรือบริษัทคู่แข่ง รวมถึงเป็นการดึงดูดให้คนเก่ง ๆ ให้มาทำงานกับองค์กรของเขาด้วย ในวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูว่ารูปแบบของการให้โบนัสมีอะไรบ้างที่ทุกองค์กรสามารถนำไปปรับใช้ได้?
เงิน
เงินเป็นรูปแบบการให้โบนัสยอดฮิตที่สุดที่หลายบริษัทมักจะให้พนักงานของตัวเองเป็นสินน้ำใจค่าตอบแทนที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งปี โดยการให้โบนัสเป็นเงิน หลัก ๆ จะมีรูปแบบการจ่าย เช่น
- โบนัสการันตี – เป็นโบนัสที่มีการ Fix จำนวนเงินมาแล้วตั้งแต่แรก ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีมากหรือแย่มากก็ตาม ซึ่งข้อดีของการให้โบนัสแบบนี้คือ พนักงานจะรู้ตัวตั้งแต่แรกว่าจะได้รับโบนัสแน่ ๆ ไม่ต้องมาคอยลุ้นตอนสิ้นไตรมาสหรือสิ้นปี
- โบนัสที่ให้ตามผลประกอบการบริษัท – เป็นโบนัสที่พนักงานจะได้ตามผลประกอบการของบริษัท ซึ่งตัวเลขที่ได้รับจะไม่ตัวเลขที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท ถ้าปีนั้นบริษัทมีรายได้ผลประกอบการดี พนักงานก็จะได้เงินเยอะขึ้น แต่ถ้าบริษัทมีจำนวนผลประกอบการที่ไม่ดี พนักงานก็จะได้เงินน้อย หรือถ้าขาดทุนก็อาจจะไม่ได้โบนัสเลย
- โบนัสให้ตามอายุงาน – เป็นโบนัสที่พนักงานจะได้รับแน่ ๆ จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับอายุงาน และโครงสร้างของบริษัท เพราะในแต่ละปีจะมีจำนวนพนักงานที่ได้โบนัสมากขึ้น บริษัทก็ต้องมีการวางรูปแบบโครงสร้างให้พอดีรองรับกับจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี ซึ่งถ้าหากพนักงานอายุงานเยอะก็ได้เยอะ แต่ถ้ามีอายุงานน้อย ก็จะได้น้อย ตามจำนวนปีที่ทำงานในบริษัทนั้น ๆ
สิ่งของที่ช่วยให้พนักงานมีชีวิตดีขึ้น
การให้สิ่งของที่ช่วยให้พนักงานดีขึ้น หรือช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพสะดวกสบายในการทำงานให้กับพนักงานก็ถือว่าเป็นโบนัสอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ และเป็นที่นิยมในหลาย ๆ บริษัทไม่แพ้กับเงินเลย ตัวอย่างสิ่งของที่นิยมให้ เช่น แท็บเล็ต, Smart Watch, Ergonomic Office Supply (โต๊ะ, เก้าอี้) หรือเป็นสิ่งที่ของที่ HR เห็นแล้วว่าเป็นความชอบของพนักงานคนนั้น เช่น ชอบเล่นเกมก็ซื้อ PS5 ให้ หรือถ้าพนักงานคนนั้นชอบฟังเพลงก็ซื้อหูฟังดี ๆ ให้ เป็นต้น
สวัสดิการท่องเที่ยว
การให้สวัสดิการด้านการท่องเที่ยวก็เป็นอีกหนึ่งประเภทโบนัสที่พนักงานหลาย ๆ คนชอบ เพราะนอกจากจะได้วันหยุดพักผ่อนไม่ต้องทำงานแล้ว ยังได้ใช้เวลากับคนที่พวกเขารักอีกด้วย เช่น การให้แพ็กเกจท่องเที่ยวทั้งครอบครัว, ตั๋วเครื่องบิน, Voucher โรงแรม พร้อมมื้ออาหารสุดหรูให้ไปพักผ่อนกันแบบฟรี ๆ
หุ้นบริษัท (ESOP)
ESOP (Employee Stock Ownership Plan) หรือการที่บริษัทแบ่งหุ้นบริษัทให้กับพนักงาน เป็นวิธีการให้โบนัสที่ได้รับความนิยมกันในบริษัทใหญ่ ๆ หรือแม้แต่สตาร์ทอัปเอง โดยบริษัทจะแบ่งหุ้นไว้ให้พนักงานที่ทำงานครบตามกฎระเบียบของบริษัท เช่น ทำงานครบ 5 ปี บริษัทก็จะแบ่งหุ้นให้ ซึ่งการให้โบนัสเป็นหุ้นบริษัทจะทำให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทอย่างแท้จริง รวมถึงอยู่กับบริษัทนานขึ้นด้วย เพื่อทำให้บริษัทเติบโตและประสบความสำเร็จ เพราะหากบริษัทเติบโต หุ้นที่พวกเขาได้รับก็จะมีผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
สินทรัพย์ทางเลือก
การให้โบนัสเป็นสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ ๆ อย่างคริปโทเคอร์เรนซี และ NFT (Non-Fungible Token) ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะหลายบริษัทดังระดับโลกเริ่มทยอยเปลี่ยนมาให้โบนัสรูปแบบนี้กันมากขึ้น หรือเป็นโบนัส Extra เพิ่มเข้าไปจากโบนัสทั่วไปที่พนักงานได้รับอีกด้วย โดยการให้โบนัสเป็นสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ นอกจากจะเป็นการเพิ่มสินทรัพย์ในกระเป๋าของพนักงานเองแล้ว ยังทำให้พวกเขาสามารถเก็บสะสมคริปโทเคอร์เรนซีหรือ NFT แล้วนำไปต่อยอดลงทุนเก็งกำไรในอนาคตได้
สรุปทั้งหมด
โบนัสเปรียบเสมือนเป็นน้ำมันหล่อลื่นที่ทำให้ฟันเฟืองทุกชิ้นสามารถทำงานร่วมกันได้สะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การให้โบนัสไม่จำเป็นต้องเป็นในรูปแบบ ‘เงิน’ เสมอไปเท่านั้น แต่สามารถเป็นรูปแบบอื่น ๆ ที่ช่วยสร้างความสุขหรือสร้างประโยชน์ในการในชีวิตและการทำงานของพนักงานแต่ละคนให้ดียิ่งขึ้นก็ได้ ทั้งนี้ การให้โบนัสในรูปแบบใหม่ ๆ ก็อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของบริษัทให้ดีขึ้น จนสามารถดึงดูดคนใหม่ ๆ เข้ามาทำงานกับบริษัทของเรา รวมถึงรักษาคนเก่า ๆ ให้ทำงานกับเรานาน ๆ ด้วยก็ได้