แม่ค้าคนเดียวกับหลายช่องทางการขาย จะไหวไหม? หากคุณคือแม่ค้าขายของออนไลน์ ทั้งใน Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, IG, Line Official จะขายใน Marketplace อย่าง Shoppee Lazada หรือในเว็บไซต์ของคุณ คุณอาจเคยเจอกับปัญหาที่ต้องขายสินค้าในหลายแพลตฟอร์ม แต่มีแอดมินคนเดียว ต้องคอยล็อกอินเข้าหลายที่เพื่อเช็กออร์เดอร์รายวัน ดูแลทุกช่องทางแทบไม่ไหว ส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย เช่น ตรวจสต็อกพลาด เสียทั้งเวลา แถมการจ้างแอดมินเพิ่มอาจเป็นการเพิ่มต้นทุนธุรกิจจนไม่คุ้มทุน
A: Lazada ของหมดแล้ว B: แต่ Shoppee ยังมีอยู่นะ ลองไปสั่งดู และการขายหลายช่องทางนี้ การคำนวณสต็อกจะวุ่นวายกว่าช่องทางเดียวอย่างแน่นอน เพราะสต็อกไม่อัปเดต ขายในแอปหนึ่ง แต่อีกแอปยังยอดเท่าเดิม ต้องมาตอบลูกค้าอีกทางว่าสินค้าขาด และต้องคอยอัปเดตสต็อกในแต่ละแพลตฟอร์มให้พร้อมอยู่เสมอด้วย
หรืออาจจะเจอกับปัญหาในขั้นตอนการแพ็กและจัดส่งสินค้า ไม่ว่าจะจัดส่งเกิน, ส่งขาด, ที่อยู่ผิด, ส่งของผิด, คิดเงินผิด สูญเสียความเป็น Professional ในสายตาลูกค้าไปอีก
ภาพจาก xCommerce แต่ทุกปัญหามีทางออก เพราะเรามี xCommerce เป็นเครื่องมือที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แถมยังช่วยวิเคราะห์และแสดงข้อมูลว่า ในแต่ละเดือนว่าสินค้าตัวไหนขายดีและตัวไหนจมทุน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราเลือกสินค้าที่เหมาะสมที่สุด ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อสร้างกำไรที่เยอะที่สุดในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว
เริ่มต้นใช้งาน xCommerce ได้ที่นี่
รู้จัก xCommerce ภาพจาก xCommerce xCommerce คือระบบขายหลายช่องทาง เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยจัดการทุกขั้นตอนของการขาย ตั้งแต่เรื่องสต็อกสินค้าออนไลน์ ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่สินค้าอยู่ในมือของลูกค้าแล้ว และที่สำคัญคือ เขาเป็นชอฟต์แวร์ของไทย ทำให้เชื่อมต่อและซัพพอร์ตระบบซื้อขายต่าง ๆ ที่คนไทยนิยมใช้ รวมไปถึงมีทีมช่วยเหลือที่เป็นคนไทย เมื่อมีปัญหาสามารถติดต่อและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีข้อจำกัดด้านภาษาและเวลา
คุณลักษณะสำคัญของ xCommerce คือ การเชื่อมต่อกับ ซอฟต์แวร์, แพลตฟอร์ม, แอปพลิเคชันซื้อขายต่าง ๆ รวมไปถึง Social Media โดยจะรวบรวมคำสั่งซื้อและตัดสต็อกจากทุกช่องทางไว้ในที่เดียว ทำให้สามารถจัดการสต็อกและออร์เดอร์ได้ง่าย และรวดเร็วมากขึ้น
ภาพจาก xCommerce ตัวอย่าง แพลตฟอร์มซื้อขาย ที่สามารถเอามารวมได้ ก็คือ Facebook, Line, Instagram, Shopee, Lazada, JD Central, WooCommerce, และ Magento เป็นต้น
และนี่ จึงกลายมาเป็นที่มาว่าทำไมหลากหลายบริษัทชั้นนำต่าง ๆ ถึง ชอบใช้ xCommerce ไม่ว่าจะเป็น B2S, APF, GMM Grammy, Satin, Beauty Buffet
เรียกได้ว่า Xcommerce มีลูกค้าหลากหลายประเภทมากมาย ทั้งแบรนด์ชั้นนำ รวมไปถึง ผู้ค้ารายย่อย หรือ เจ้าของ SME ต่าง ๆ
ฟีเจอร์และการใช้งาน ในส่วนของฟีเจอร์ต่าง ๆ ต้องบอกก่อนว่า xCommerce มีฟังก์ชั่นที่น่าสนใจมากมายที่ทั้งตอบโจทย์และครอบคลุมทุกปัญหาในธุรกิจ Ecommerce ตั้งแต่การจัดการคำสั่งซื้อ จัดการข้อมูลลูกค้า รายงานและสถิติ จัดการสต็อกสินค้า การเตรียมพัสดุและขนส่ง รวมถึงการเชื่อมต่อ API กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เรียกได้ว่า ครบ จบ ในที่เดียว
โดยฟังก์ชั่นเด่น ๆ ที่น่าสนใจและคิดว่าหลายคนน่าจะได้ใช้ ได้แก่
Order Management Sale Page และ xCatalog Multiple Channel Payment และ Slip Checking Delivery Tracking CRM Accounting Report and Statistics Order Management หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญลำดับต้น ๆ ของ xCommerce คือ Order Management ที่มีระบบ Real-Time Stock ในการช่วยจัดการสต็อก เมื่อขายสินค้าจากแอปพลิเคชั่นหนึ่ง อีกแอปพลิเคชั่นก็จะแสดงผลให้เห็นยอดที่ลดลงเช่นกัน เรียกได้ว่า ขายปุ๊ป ตัดปั๊บ กำจัดปัญหาเรื่องสต็อกที่ไม่สอดคล้องกับจำนวนสินค้าบนหน้าแอป พร้อมกับความสามารถในการแจ้งเตือนเมื่อสินค้าในสต็อกกลางใกล้หมด ช่วยให้ร้านค้าสามารถเข้าไปเติมของได้ทันที
ยกตัวอย่างเช่น มีสินค้าในสต็อกกลาง 100 ชิ้น ตั้งจำนวนสินค้าไว้ใน Shoppee 100 ชิ้น Lazada 100 ชิ้น หากเราไม่ได้ใช้ xCommerce ในการขาย ถ้าเราขายออกผ่านทาง Shoppee เราก็ต้องไปลดจำนวนสินค้าใน Lazada เช่นกัน แต่บ่อยครั้งที่เราอาจจะลืมลดจำนวนสินค้าทั้งสองแพลตฟอร์มให้สอดคล้องกัน หรือ เราอาจจะแยกสต็อก 100 ชิ้นออกเป็นแพลตฟอร์มละ 50 ชิ้น แต่ถ้าสินค้าในแอปใดแอปหนึ่งหมดขึ้นมาก่อน เราอาจต้องถ่ายโอนสินค้าจำนวนหนึ่งจากอีกแอปเข้ามา ซึ่งอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายได้
แต่หากเรามีสต็อกกลางใน xCommerce และตั้งจำนวนสินค้าในสต็อกของทั้งสองแอปไว้ที่ 100 ชิ้น เมื่อขายใน Shoppee ไป 1 ชิ้น สินค้าคงเหลือในทั้งสองแอปจะเป็น 99 ชิ้น โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลาปรับลดสต็อกเองทีละแพลตฟอร์ม
สรุปก็คือ สต็อกกลางของ xCommerce จะตัดสต็อกให้เองในทุกแพลตฟอร์มการขายที่เชื่อมกับคลังสินค้านี้ไว้ ช่วยลดเวลาในการปรับลดจำนวนสินค้าคงเหลือทีละแอป พร้อมทั้งลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการคีย์ข้อมูลสต็อกที่มีการเปลี่ยนเแปลงอยู่ตลอด
เริ่มต้นใช้งาน xCommerce ได้ที่นี่
Sale Page สำหรับธุรกิจที่ยังไม่มีหน้าเว็บไซต์สำหรับการขาย การยิงโฆษณากลับเข้าไปที่เว็บไซต์จึงเป็นเรื่องยาก เพราะโดยปกติแล้วเมื่อลูกค้าเห็นโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ไม่ได้มีเว็บไซต์การซื้อ หรือต้องสั่งสินค้าผ่านทางข้อความเท่านั้น ลูกค้าอาจต้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าผ่านการพูดคุยทางแชท หลังจากที่ลูกค้าได้ทักข้อความทางร้านค้าไปเพื่อถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า ไม่ว่าจะเป็นราคา โปรโมชั่น ตัวเลือก หรือข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติม ซึ่งในระหว่างนั้น อาจะมีข้อมูลบางส่วนหรือการตอบกลับที่ทำให้ลูกค้าไม่พอใจและเปลี่ยนใจไม่ซื้อไปเสียก่อน หรือหากตัดสินใจว่าจะซื้อ ถัดไปคือลูกค้าต้องสอบถามเกี่ยวกับการชำระเงิน เลขที่บัญชี รอร้านค้าตอบกลับ โอนชำระเงินพร้อมส่งหลักฐาน จากนั้นจึงส่งรายละเอียดชื่อ ที่อยู่และเบอร์ติดต่อไปให้ทางร้าน ถึงได้เสร็จสิ้นครบทุกขั้นตอนในการซื้อสินค้าสำหรับร้านที่ไม่มีหน้าเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมเวลาที่อาจต้องรอฝ่ายผู้ขายและผู้ซื้อตอบกลับ ซึ่งขั้นตอนที่วุ่นวายและใช้เวลาเช่นนี้อาจทำให้เกิดการซื้อขายที่ยากขึ้น หรือลูกค้าอาจเปลี่ยนใจไม่ซื้อสินค้าไปเสียก่อน
แต่ xCommerce มีฟีเจอร์ที่ใช้สร้าง Sale Page ที่มีลักษณะเป็น “เว็บไซต์หน้าเดียว” และเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เกิดการขายได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้าไม่ต้องเสียเวลามาคลิกหา แต่สามารถเข้าถึงและสั่งซื้อสินค้าผ่านทางลิงก์นั้นได้เลย กระบวนการที่กระชับเช่นนี้จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและปิดการขายได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งร้านค้าสามารถนำลิงก์ Sale Page มายิงโฆษณา เมื่อลูกค้าคลิกที่ลิงก์ ก็จะถูกนำเข้าสู่หน้าของการขายในทันที เพื่อร่นระยะเวลาของการซื้อขายให้สั้นที่สุด และช่วยให้ลูกค้ามาถึงจุดการสั่งซื้อและชำระเงินอย่างเร็วที่สุด โดยฟีเจอร์นี้จะเชื่อมต่อกับคลังสินค้าโดยตรง ทำให้พนักงานไม่ต้องไปกรอกข้อมูลเพิ่มเติมที่ระบบหลังบ้านด้วยตนเอง
นอกจากนี้ยังมีการรองรับการทำ Ads Conversion เต็มรูปแบบในทุก Ads Platform ไม่ว่าจะเป็น Facebook Ads, Google Ads, Line LAP, หรือ Tiktok Ads โดยจะมีทีมงานมาช่วยสอนการใช้งานในแต่ละระบบเป็นประจำทุกสัปดาห์
สร้าง Sale Page ง่าย ๆ ด้วยระบบ Drag and Drop ภาพจาก xCommerce ด้วยระบบ Drag and Drop ทำให้การใช้งานบน Sale Page ของ xCommerce สามารถออกแบบได้ง่ายและสะดวก โดยผู้ใช้สามารถเพิ่ม ลบ แก้ไข เนื้อหาชนิดใดก็ได้บน Sale Page ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น รายละเอียดสินค้า, ข้อมูลการชำระเงิน, การขนส่ง, ภาพนิ่ง, ข้อความ, ภาพเคลื่อนไหว, วิดีโอจากยูทูป, รีวิว หรือแม้กระทั่งปุ่มกดโทรออกและปุ่มเชื่อมต่อช่องทาง Social Media ต่าง ๆ เพื่อปิดการขายภายในหน้าเดียว อีกทั้งยังสามารถสร้างโปรโมชั่น เช่น รูปแบบของ Step Price ซื้อเยอะ ได้ส่วนลดเยอะ เพื่อดึงดูดความสนใจให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่า เมื่อมีความต้องการซื้อสินค้ามากกว่าหนึ่งชิ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ บนหน้า Sale Page จะไม่ส่งผลกระทบกับการทำโฆษณา เนื่องจากสามารถใช้ลิงก์เดิมกลับมาที่หน้าเว็บไซต์ได้เลยนั่นเอง
โดยสรุปแล้ว Sale Page จะช่วยให้ร้านค้าสามารถปิดการขายได้ไวขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพิ่มยอดขาย ใช้งานง่ายและสะดวก รวมทุกฟังก์ชั่นครบในหน้าเดียว สามารถปรับเปลี่ยนสไตล์ได้ตามต้องการ พร้อมทั้งแชร์ลิงก์เพื่อช่วยให้ง่ายต่อการเข้าถึง และให้ลูกค้ารู้จักมากขึ้นอีกด้วย
xCatalog ภาพจาก xCommerce xCatalog เป็นเว็บไซต์ E-commerce ประเภทหนึ่งในรูปแบบแคตตาล็อกออนไลน์ที่สามารถใส่รูปภาพ รายละเอียดสินค้า และข้อมูลติดต่อ รวมถึงมีระบบ Shopping Cart ที่หากใครสนใจสินค้า เพียงแค่คลิกสั่งซื้อหรือเพิ่มสิ้นค้าลงในตะกร้าและชำระเงิน เปรียบเสมือนการใช้เว็บไซต์แทนหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าสามารถเรียกดูรายละเอียดสินค้าและราคาได้จากทุกที่ผ่านทางเว็บไซต์ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ xCatalog ยังรองรับการเชื่อมต่อ Facebook และการทำโฆษณาบน Google ads และ Facebook ads เมื่อมีคำสั่งซื้อ ระบบจะรวบรวมรายการสั่งซื้อและจัดการสต็อกโดยอัตโนมัติ ซึ่งประหยัดกว่าการใช้เว็บไซต์แบบดั้งเดิม สามารถแก้ไขข้อมูลได้ทุกที่ ทุกเวลา และยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมายที่สนับสนุนการขายหลายช่องทางโดยเฉพาะ พร้อมทีมสอนและแก้ไขปัญหาตลอดอายุการใช้งานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม
Multiple Channel Payment และ Slip Checking ภาพจาก xCommerce เป็นระบบที่ทำให้สามารถยืนยันการชำระเงินทีเดียวได้หลายรายการ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลายืนยันการชำระเงินทีละรายการ โดยหลังจากที่ใส่ข้อมูลแจ้งการชำระเงินพร้อมแนบหลักฐานการโอนจนครบจำนวนเงินตามออร์เดอร์แล้ว ปุ่มเพิ่มข้อมูลสำหรับชำระเงินจะถูกปิดเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดจากการป้อนข้อมูลเกินจำนวน จากนั้นผู้ใช้สามารถกดปุ่ม “ยืนยันทั้งหมด” ที่อยู่ด้านข้างในหน้ารายละเอียดคำสั่งซื้อเพื่อยืนยันการชำระเงินทั้งหมดได้ในคลิกเดียว
รูปตัวอย่างปุ่มปิดข้อมูลการชำระเงิน
ภาพจาก xCommerce นอกจากนี้ xCommerce ยังนำเทคโนโลยี AI มาช่วยตรวจตรวจจับความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับสลิปที่เป็นหลักฐานการชำระเงินได้ เช่น การตรวจสอบสลิปซ้ำ, จำนวนเงินในสลิปไม่ตรงกับยอดซื้อจริง หรือ ตรวจสอบสลิปปลอมได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ต้องเปิดระบบในการตั้งค่าก่อน
ภาพจาก xCommerce ตัวอย่างเช่น หากลูกค้านำสลิปเก่ามายื่น ระบบจะขึ้นเตือนโดยอัตโนมัติว่าสลิปซ้ำ สลิปนี้เคยอัปโหลดแล้ว, ถ้าจำนวนเงินไม่ตรงกับยอดคำสั่งซื้อ ระบบจะแจ้งเตือนในขั้นตอนแจ้งการชำระเงิน เพื่อป้องกันการอัปโหลดสลิปผิดหรือการฉ้อโกง รวมถึงความผิดพลาดอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
การตรวจสอบสลิป หากเป็นสลิปจริง ระบบจะดึงข้อมูลธนาคารมาแสดงบนหน้าจอได้อย่างถูกต้อง หากเป็นสลิปปลอม AI จะไม่สามารถอ่านข้อมูลได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการคีย์ข้อมูลทางการเงินด้วยตัวบุคคลเอง เช่น วันที่ หรือ จำนวนเงินในรายการคำสั่งซื้อ
ภาพจาก xCommerce ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถตรวจสอบข้อมูลการชำระเงินได้รวดเร็วและง่ายขึ้น โดยธนาคารที่รองรับในตอนนี้จะมีทั้งหมด 7 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรี, ธนาคารทหารไทย และธนาคารกสิกร SME รวมแล้วนับว่าครอบคลุมทุกธนาคารที่ใช้กันโดยทั่วไป
สำหรับฟีเจอร์ด้าน Payment นั้น นอกจากจะประหยัดเวลาและลดปัญหาแล้ว ยังช่วยให้การทำงานนั้นง่ายขึ้นอย่างมาก เนื่องจากการตรวจสอบจะเกิดขึ้นทันทีที่มีคำสั่งซื้อ
Delivery Tracking xCommerce มีระบบ Print-Pack-Ship สำหรับการแพ็กของและจัดส่ง โดยสามารถช่วยสรุปจำนวน ประเภทสินค้า พิมพ์ที่อยู่จากคำสั่งซื้อเพื่อแปะลงบนพัสดุได้อย่างง่ายดาย และเชื่อมกับระบบของบริษัทขนส่งเพื่อรับเลข Tracking ได้ทันที นอกจากนี้ร้านค้ายังสามารถส่งต่อลิงก์สำหรับเช็กสถานะการจัดส่งให้ลูกค้า หรือ จะใช้ระบบ SMS tracking ก็ได้เช่นกัน แต่ในส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ภาพจาก xCommerce หลังจากที่ทำการแพ็กสินค้าพร้อมจัดส่ง ร้านค้าสามารถกด Ready to ship และปรินท์เอกสาร ทั้งใบจ่าหน้าพัสดุ ใบเสร็จชำระเงิน รวมถึงใบรายการสินค้าได้เลยทันที พร้อมกับเรียกรถขนส่งทั้ง Flash มารับสินค้าถึงที่ได้โดยไม่มีขั้นต่ำ สำหรับ J&T Express จะมีกำหนดสินค้าขั้นต่ำอย่างน้อย 10 ชิ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ส่วน ThaiPost และ Kerry ทางร้านต้องนำพัสดุไปส่งที่สาขาด้วยตัวเอง และสำหรับ Kerry ตอนนี้ xCommerce สามารถเชื่อมต่อ API เพื่อพิมพ์ใบจ่าหน้าพัสดุที่รองรับ QR Code ของ Kerry Easy Ship ได้โดยตรง ทำให้เมื่อไปถึงสถานีขนส่ง ร้านค้าสามารถส่งพัสดุได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวหรือพิมพ์เอกสารใด ๆ
ภาพจาก xCommerce นอกจากนี้ยังมีระบบที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถกำหนดวันที่แพ็กสินค้าได้เอง ทำให้ทราบว่าคำสั่งซื้อนี้ต้องทำการแพ็กวันที่เท่าไร จะต้องจัดส่งไปวันไหน เพื่อส่งให้ทันกับวันที่ลูกค้าต้องการ ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้การค้นหาวันที่แพ็กสินค้าสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
CRM ภาพจาก xCommerce CRM หรือ Customer Relationship Management เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยเครื่องมือนี้จะช่วยในด้านการจัดการกระบวนการทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เช่น การจัดการข้อมูลติดต่อของลูกค้า และการเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า ว่ามีการซื้อสินค้าชิ้นใดบ่อย หรือเมื่อซื้อสินค้าชิ้นนี้ เขามักจะเลือกซื้อสินค้าอะไรเป็นชิ้นถัดไป ทำให้เราสามารถนำข้อมูลตรงส่วนนี้ไปใช้ในการเสนอขายหรือการตลาดอื่น ๆ ส่งเสริมการขายได้เช่นกัน
โดยระบบจะนำข้อมูลลูกค้าที่รวบรวมได้ไปวิเคราะห์ เพื่อแบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่ม และค้นหาลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายชัดเจนของบริษัท เพื่อนำไป Remarketing ต่อ ซึ่งเป็นการนำเอาฐานข้อมูลนี้ ไปใช้ในการนำเสนอสินค้าหรือให้บริการอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านลูกค้าสัมพันธ์ สร้างความประทับใจในความถูกต้องและรวดเร็วของบริการ และยังช่วยรักษาฐานลูกค้าของบริษัทให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกด้วย
SMS marketing เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านช่องทางข้อความหรือ SMS โดยร้านค้าสามารถส่ง SMS จากระบบ เช่น บรอดแคสต์ข้อความโฆษณาหรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ไปยังลูกค้าจำนวนมากภายในครั้งเดียวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่ง The Growth Master ได้พูดคุยกับผู้ใช้ของ xCommerce หลายราย พบว่าผลตอบรับจากทางร้านค้าที่ได้ลองใช้ SMS Marketing ว่า ฟังก์ชั่นนี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นได้ในระดับดีเลยทีเดียว แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามจำนวนข้อความที่ส่งไป
ภาพจาก xCommerce Accounting ภาพจาก xCommerce โดยปกติแล้ว ร้านค้าทั่วไปอาจใช้ Excel ในการทำบัญชี รายรับรายจ่าย คำนวณกำไรขาดทุนต่าง ๆ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่น้อย แต่ xCommerce มีระบบบัญชีเต็มรูปแบบที่เชื่อมต่อร่วมกับ PEAK ผู้ให้บริการระบบบัญชีออนไลน์แบบครบวงจร โดย PEAK จะเข้ามาช่วยในการบันทึกรายการบัญชีและการตรวจสอบข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มเวลาให้คุณสามารถโฟกัสกับการทำงานได้มากยิ่งขึ้น
ภาพจาก xCommerce นอกจากนี้ยังมีบัญชีรายรับ-รายจ่าย รายงานงบกำไรขาดทุน โดยจะคำนวณจากยอดขายและต้นทุนสินค้า รวมถึงรายรับ-รายจ่ายในระบบ เพื่อแสดงงบกำไรขาดทุนตามรายปีหรือรายเดือน ชี้ให้เห็นถึงถึงรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซ้ำยังนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของร้านค้า และช่วยในการวางแผนการดำเนินงานของธุรกิจให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ในอนาคต
Report and Statistics ภาพจาก xCommerce xCommerce มีรายงานหลากหลายรูปแบบที่เก็บจากประวัติการขาย บัญชีของเรา โดยจะนำมาวิเคราะห์และสรุปรายงานมาให้ว่า สินค้าตัวใดขายดีสุด ช่องทางไหนขายดีสุด พร้อมกับรายงานสรุปความเคลื่อนไหวของสินค้าและคลังสินค้า ยอดขายและกำไร ภาพรวมตามช่วงเวลา การชำระเงิน การจัดส่ง ข้อมูลของลูกค้า และรายงานผู้ใช้ อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีหน้า Dashboard ที่จะแสดงยอดจ่ายรายวัน รายเดือน รายปี และยอดขายสินค้าแต่ละชิ้นจากผู้ใช้งานแต่ละคน ยอดขายจากแต่ละช่องทาง ซึ่งคุณสามารถดึงข้อมูลทุกอย่างที่คุณต้องการออกมาเป็นรายงาน, กราฟ หรือ Export ไฟล์ในรูปแบบ Excel เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ธุรกิจได้อย่างสะดวก
xCommerce เชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกันได้อย่างไร หลายคนอาจจะสงสัยว่า xCommerce สามารถเชื่อมต่อระบบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Marketplace, Logistics, Accounting, ERP, WMS for eCommerce, หรือ Fulfillment ต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้อย่างไร คำตอบก็คือ เพราะ xCommerce มี API ที่เป็นเสมือนท่อต่อข้อมูลในการรองรับการเชื่อมต่อทุกอย่างให้เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้มีฟังก์ชั่นการทำงานที่ครบและตอบโจทย์กับ E-commerce มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการจัดการข้อมูล การชำระเงินและการจัดส่งสินค้า
เริ่มต้นใช้งาน xCommerce ได้ที่นี่
ราคาแพ็กเกจ ภาพจาก xCommerce xCommerce จะมีอยู่ 4 แพ็กเกจหลักให้เลือก ได้แก่ Basic (Small) , Growth (Medium), Business (Large) และ Enterprise (Organization) ซึ่งแต่ละแพ็กเกจจะต่างกันตรงความเหมาะสมกับขนาดของธุรกิจ
Package Basic และ Growth จะมีจำนวนสินค้าที่จำกัด ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์การทำงานแบบ Team Sale และไม่สามารถสรุปผลรายงานได้ครบทุกประเภท โดยแพ็กเกจ Basic สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก จะเริ่มต้นที่เดือนละ 693 บาท ซึ่งเป็นราคาโปรโมชั่นลด 30% สำหรับการใช้งาน 12 เดือน
หากต้องการใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพครบทุกฟีเจอร์ของ xCommerce จะต้องเลือกแพ็กเกจ Business ขึ้นไป ซึ่งจะรองรับการทำงานแบบ Team Sale และมีรายงานผลประกอบการให้ครบทุกประเภท
ทุกแพ็กเกจล้วนใช้ฟีเจอร์หลัก ๆ ได้ครบ ต่างกันตรงจำนวนสินค้า คำสั่งซื้อ จำนวนคลังสินค้า จำนวนผู้ใช้ระบบ จำนวนของการเชื่อมต่อกับบัญชีของเว็บไซต์, Marketplace และ Social Media รวมถึงรายงานบางประเภทที่แต่ละแพ็กเกจมีไม่เท่ากัน
ภาพจาก xCommerce ธุรกิจที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่จึงใช้ตัว Business ขึ้นไป ซึ่งสามารถลงข้อมูลสินค้าได้ไม่จำกัด รวมไปถึงไม่จำกัดจำนวนแอดมินหรือผู้ดูแล และไม่จำกัดการเชื่อมต่อบัญชีกับ Social Media พร้อมกับการใช้งานได้ครบทุกฟีเจอร์เหมือนแพ็กเกจสูงสุดอย่าง Enterprise เพียงแต่มีข้อแตกต่างตรงจำนวนคำสั่งซื้อ คลังสินค้า และ Sale Page ที่แพ็กเกจ Enterprise มีให้มากกว่า
สามารถดูแพ็กเกจเพิ่มเติมได้ที่นี่
หากใครสนใจก็สามารถทดลองใช้งาน xCommerce ได้ฟรี 15 วัน ไม่ต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิต ซึ่งคุณสามารถใช้งานฟีเจอร์หลักส่วนใหญ่ได้ทั้งหมด โดยสามารถเชื่อมต่อกับ Marketplace หรือเว็บไซต์ได้ไม่เกิน 2 ร้านค้า ในส่วนของรายงานสามารถดูยอดขายรวม ยอดขายรายเดือน รายวันและตามช่วงเวลาได้ แต่การทดลองใช้งานฟรีนี้จะไม่สามารถใช้งานในส่วนของ Sale Page ไม่รองรับระบบการชำระเงินปลายทาง และไม่มีการแจ้งเตือนทาง SMS กับ Email
ทดลองใช้งาน xCommerce ฟรีได้ที่นี่
สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อย ทางเราคิดว่าแพ็กเกจ Basic ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว โดยอ้างอิงจากคำสั่งซื้อที่ต้องส่งในแต่ละเดือน เพราะแพ็กเกจนี้ก็สามารถใช้งานได้ครบทุกฟีเจอร์ที่สำคัญ มีเพียงข้อจำกัดในเรื่องจำนวนสินค้า คำสั่งซื้อ จำนวนแอดมิน จำนวนการเชื่อมต่อกับช่องทางทางขาย และการรายงานข้อมูลบางประเภท
สรุป xCommerce ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือชั้นดี ที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยให้คุณสามารถจัดการธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ โดยครอบคลุมทุกปัญหาร้านค้าออนไลน์ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย และยังตอบโจทย์กับธุรกิจขายของออนไลน์ที่ต้องวุ่นวายกับการซื้อขายหลายช่องทางได้เป็นอย่างดี
ทาง The Growth Master ขอขอบพระคุณ xCommerce และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง สำหรับการให้ข้อมูล การมอบโอกาสในเรียนรู้ ให้ทางเราได้ทดลองใช้งานซอฟต์แวร์โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ
และขอขอบพระคุณบริษัท เอบีซี ฟู้ด จำกัดที่อำนวยความสะดวกในการให้ข้อมูลบางส่วนประกอบการรีวิว xCommerce มา ณ ทีนี้
เริ่มต้นใช้งาน xCommerce ได้ที่นี่
Source: xCommerce