ใช้เทคนิค Marketing Automation อย่างไรให้ธุรกิจ E-Commerce สร้างยอดขายได้มากขึ้น

ใช้เทคนิค Marketing Automation อย่างไรให้ธุรกิจ E-Commerce  สร้างยอดขายได้มากขึ้น
Light
Dark
Pea Tanachote
Pea Tanachote

อดีตนักร้อง ที่ผันตัวมาเขียนคอนเทนต์ ชอบดูฟุตบอลและ Blackpink เป็นชีวิตจิตใจ นักเขียนคอนเทนต์ที่ใคร ๆ ก็ต้องการตัว (โดยเฉพาะตำรวจ)

นักเขียน
Marketing Automation คืออะไร ? ทำไมถึงกลายเป็นเครื่องมือที่นักการตลาดออนไลน์ทุกคนเชื่อใจ และจะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ E-Commerce ได้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

หากคุณเป็นอีกคนที่ใช้งาน Online Shopping ตามแพลทฟอร์ม E-Commerce ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นอยู่เป็นประจำคุณน่าสงสัยเกี่ยวกับการทำงานของแพลทฟอร์ม E-Commerce เหล่านั้นว่าทำไมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นนั้นถึงรู้ได้ว่า “คุณกำลังมองหาสินค้าอะไรอยู่”

ทำไมถึงมี E-Mail ส่งคูปองลดสินค้ามากมายส่งมาให้เรา ทั้งๆ ที่เราเองก็เพิ่งซื้อสินค้าจากร้านนี้ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง ?

หรือบางครั้งคุณอาจจะเจอสินค้าที่คุณเคยไปกดดูไว้ตามแพลทฟอร์มชอปปิ้งต่างๆ โผล่ขึ้นมาตามหน้า Facebook หรือ Google ที่คุณเล่นอยู่ดีๆ จนรู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังโดนสินค้าเหล่านั้นหลอกหลอน แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณไม่ได้โดนหลอกอะไรเลยครับ เพียงแค่คุณกำลังตกอยู่ในกลยุทธ์ที่นักการตลาดของแพลทฟอร์มต่างๆ ได้วางไว้ให้คุณ

โดยกลยุทธ์ที่ว่านั้นก็คือ “Marketing Automation ” นั่นเอง ต้องเรียนให้ทราบเช่นนี้ครับว่าในมุมของเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการ “ทุกเวลาคือเงิน” โดยเฉพาะกับธุรกิจ E-Commerce ที่ลูกค้าสามารถกดซื้อสินค้าของคุณตอนไหน เมื่อไรก็ได้ 24ชั่วโมง นั่นเลยทำให้คุณจำเป็นต้องเฝ้าติดตาม ความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งนอกจากธุรกิจ E-Commerce แล้ว Marketing Automation ก็สามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้หลายประเภทมากๆ จนกลายเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่มาแรงเป็นอันดับต้นๆ ที่นักการตลาดอย่างคุณจะไม่รู้ไม่ได้

โดยในบทความนี้เราจะขอพาคุณไปทำความรู้จักกับ Marketing Automation ให้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม ทั้งความหมาย ข้อดี และประโยชน์ที่คุณจะได้จากการทำ Marketing Automation พร้อมกับแชร์เทคนิคการใช้ Marketing Automation สำหรับธุรกิจ E-Commerce เพื่อสร้างการเติบโตที่ “มากกว่า” หากพร้อมแล้วลองมาศึกษากันได้เลยครับ

ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe

Marketing Automation คืออะไร และมีความสำคัญกับธุรกิจออนไลน์อย่างไร ?

Marketing Automation คือ อีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวช่วยของธุรกิจ E-Commerce ที่ทำให้คุณจัดระบบการทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจของคุณทั้งการทำ Content Marketing , E-Mail Marketing , Retargeting , การเก็บข้อมูลที่สำคัญของลูกค้า ไปจนถึงการทำ Cross Selling  Up Selling และกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ แบบอัตโนมัติผ่านการใช้ Software Platform เป็นตัวกลางในการจัดการ

โดยอาศัย Leading Score หรือการเก็บคะแนนจาก User Behavior ที่เคยเข้ามาชมเว็บไซต์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการกดดูสินค้า , การเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า , การกดอ่านบทความ , สมัครสมาชิก หรือดาวน์โหลดอะไรก็ตามที่อยู่ในเว็บไซต์ของคุณ เรียกได้ว่าทุกกิจกรรมบนหน้าเว็บไซต์ที่ลูกค้าได้มีส่วนร่วม จะถูกบันทึก Leading Score ไว้ทั้งหมด

และเมื่อมีลูกค้าที่มีคะแนน Leading Score มากพอ (ซึ่งแสดงว่ากำลังสนใจในสินค้าหรือธุรกิจของคุณ)  Software ก็จะเริ่มส่งคอนเทนต์ต่างๆ เพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้าให้สนใจในธุรกิจของคุณมากขึ้น เช่นการส่ง E-Mail ส่วนลดโปรโมชั่นหรือแนะนำสินค้า กลับไปหาลูกค้าแบบอัตโนมัติ 

ซึ่งในตัวคอนเทนต์ต่างๆ ที่ส่งไปก็จะมีความ Personalization  หรือเฉพาะตัวของลูกค้าคนนั้นมากกว่าการส่งอีเมลแจ้งข่าวสารแบบปกติ เพราะลูกค้าแต่ละคนก็จะมี Leading Score , ลักษณะทางกายภาพ , ความชอบความสนใจ ที่ต่างกันออกไป ทำให้เราสามารถเลือกตั้งค่าการส่งคอนเทนต์หรืออีเมลไปหาลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้ และจึงทำให้ธุรกิจ E-Commerce ของคุณสามารถบรรลุเป้าหมายการขายได้ในที่สุด

ภาพจาก Mailmunch

แต่นอกจากประโยชน์ในด้านการช่วยประกอบกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ได้แบบอัตโนมัติ เพื่อสร้างรายได้และยอดขายให้กับธุรกิจ E-Commerce แล้ว Marketing Automation ยังมีประโยชน์และความสำคัญในด้านอื่นๆ ที่คุณคิดไม่ถึงต่อธุรกิจด้วย เช่น

  • ลดสิ่งที่ไม่จำเป็นในต่อการทำธุรกิจ E-Commerce 

การทำ Marketing Autimation ทุกอย่างสามารถบริหารและจัดการได้ ภายใต้ Software แค่ไม่กี่ชิ้น เพราะฉะนั้นคุณเลยสามารถลดสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อการทำธุรกิจของคุณได้ง่ายๆ เช่น ทรัพยากรบุคคล แต่ก่อนคุณอาจจะต้องจ้างพนักงานมา 2 คนหรือมากกว่าเพื่อคอยดูแลในการตอบคำถามให้ลูกค้า คอย Follows Up ลูกค้าเก่าๆ เก็บสถิติการใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ 

แต่ในปัจจุบัน Marketing Automation สามารถเข้ามาจัดการหน้าที่ดังกล่าวได้เกือบ 100% แค่เพียงมีคนที่คอยตั้งค่าและ Monitor ทุกอย่างซัก 1 คนก็เพียงพอแล้ว (สำหรับธุรกิจที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก) เช่นการสร้าง Chatbot โต้ตอบลูกค้าได้อย่างทันที หรือการสร้างระบบ Content Management ที่สามารถลงคอนเทนต์ต่างๆ แบบอัตโนมัติได้ด้วยการตั้งค่าแค่ครั้งเดียว

และยังทำหน้าที่อื่นๆ ได้มากกว่าด้วยตั้งแต่การค้นหา Lead Generation , การจัดการ Sales Process ต่างๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ แถมโอกาสผิดพลาดก็มีน้อย แน่นอนว่าทั้งประหยัดเวลาและทรัพยากรด้านบุคคลไปได้มากเลยครับ

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็น 2 เท่า

ต้องบอกว่า Marketing Automation คือตัวช่วยชั้นดีในการทำให้ธุรกิจ E-Cpmmerce ของคุณเติบโตได้เป็นอย่างมากครับ เพราะถ้าลักษณะของงานเป็นแนว Routine Work ขั้นตอนในการทำซ้ำไปซ้ำมา เช่นงานเก็บข้อมูล ส่งข้อมูลต่างๆ Marketing Automation สามารถทำได้ทั้งหมด

และอีกจุดเด่นที่ไม่ว่าใครก็ตามที่ใช้งาน Marketing Automation ไม่ว่าจะเป็น Software ไหนต่างก็ยอมรับคือ ทำให้การทำงานของ Marketing กับ Sales ไปด้วยกันได้ดีขึ้น เพราะถ้าฝั่ง Marketing ได้ข้อมูลของ Leads มาแล้ว นอกจากจะใช้เครื่องมือ Marketing Automation ในการส่งคอนเทนต์หรือ E-Mail ต่างๆ ไปหาแล้ว คุณสามารถให้ทีม Sales (หรือใครก็ได้) ติดต่อไปเพื่อเสนอการขายอีกรอบหนึ่งก็ได้

ซึ่งจะทำให้การทำงานของทั้งองค์กรคุณ มีระบบและประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 2 เท่าทั้งในด้าน Team Working และ ROI 

  • ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น เพื่อการวางแผนการตลาดในอนาคต

อีกความสำคัญอย่างหนึ่งที่นักการตลาดบางคนอาจจะคาดไม่ถึงนั่นก็คือเรื่องการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ดีมากขึ้น จากข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่ Software ได้เก็บรวบรวมมา ทำให้คุณได้รู้ความชอบของกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน รู้ว่าพวกเขาชอบสินค้าประเภทไหนมากที่สุด มี Engagement ใดกับธุรกิจคุณหรือเปล่า 

และนำข้อมูลที่เก็บได้มาต่อยอดและพัฒนาการทำการตลาดในแขนงต่างๆ ต่อไปทั้งเรื่องของการตลาดเว็บไซต์ , การทำ Content Marketing เข้าใจการสื่อสารยังไงให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่สุด เพราะ "ชัยชนะ" จะอยู่ตรงหน้าคุณ ถ้าคุณรู้จักกลุ่มเป้าหมายของคุณให้ดีพอ

ภาพจาก DigitalMarketingInstitute

เทคนิคใช้งาน Marketing Automation ให้ธุรกิจ E-Commerce สร้างยอดขายได้มากขึ้น

สำหรับนักการตลาดหรือผู้ประกอบการที่ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจ E-Commerce อยู่ในหัวข้อนี้ The Growth Master จะพาคุณไปเรียนรู้เทคนิคการเริ่มใช้งานกลยุทธ์ Marketing Automation ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ที่จะทำให้ธุรกิจ E-Commerce ของคุณเติบโตได้มากขึ้น พร้อมบอก Software ในการใช้งานที่เราอยากแนะนำ 

แต่จะมีเทคนิคใดบ้างที่คุณสามารถลองมาปรับใช้กับธุรกิจ E-Commerce ของคุณ ลองมาศึกษาดูกันครับ

เทคนิคที่ 1 : แบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการซื้อ

ก่อนจะเข้าสู่การลงมือปฏิบัติจริง สิ่งแรกที่คุณต้องทำความเข้าใจและศึกษาอย่างจริงจังก็คือการทำ Customer Segmentation หรือการแบ่งกลุ่มลูกค้าโดยใช้พฤติกรรมการซื้อเป็นตัวแบ่งแยก

กล่าวคือหากคุณเป็นนักการตลาดที่ดูแลธุรกิจ E-Commerce อยู่คุณน่าจะทราบเป็นอย่างดีว่าตัวลูกค้า ไม่ได้สนใจสินค้าทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์ E-Commerce ของคุณ ต่อให้คุณจะส่งโปรโมชั่น ส่ง Discount Code ไปเยอะแค่ไหน ถ้าสินค้าพวกนั้นไม่ใช่ความชอบหรือสิ่งที่เขาต้องการ ก็ไม่มีทางที่คุณจะได้คำสั่งซื้อจากลูกค้าเหล่านั้นกลับมา

อันดับแรกคุณที่คุณต้องทำคือการแบ่งกลุ่มลูกค้าออกมา เช่นถ้าลูกค้ากลุ่ม A เคยมีคำสั่งซื้อสินค้าประเภทอุปกรณ์ครัวเกิน 2 ครั้งขึ้นไป นั่นแปลว่าลูกค้ากลุ่ม A อาจเป็นกลุ่มที่สนใจเกี่ยวกับการทำอาหาร คุณก็อาจจะลองใช้ Software ในการส่งข่าวสารเพื่อแจ้งส่วนลด,โปรโมชั่น เกี่ยวกับสินค้าประเภทอุปกรณ์ครัวต่างๆ ผ่าน E-Mail ที่ลูกค้ากลุ่ม A ได้กรอกไว้เมื่อตอนทำการซื้อสินค้านั่นเอง

ซึ่งการใช้เทคนิคดังกล่าว นอกจากจะทำให้คุณส่งสารได้ถูกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย สร้างรายได้ให้กับธุรกิจ และยังไม่สร้างความรำคาญให้กับลูกค้าคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีความสนใจในสินค้าบนหน้าเว็บ E-Commerce ของคุณ เพราะคุณได้ทำการแบ่งกลุ่มเป้าหมายเอาไว้ชัดเจนแล้ว

เทคนิคที่ 2 : สร้าง Welcome E-Mail Workflow

“จากการสำรวจของ BlueHornet พบว่า Welcome E-Mail มีอัตราการถูกเปิดมากกว่า E-Mail แจ้งข่าวสารปกติถึง 3 เท่า และสามารถเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจที่ใช้เทคนิคนี้ได้ถึง 5 เท่า”

Welcome E-Mail ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบในการทำ E-Mail Marketing ที่มีความสำคัญต่อการทำ Marketing Automation เป็นอย่างมาก เพราะเปรียบเสมือนเป็นการรับขวัญลูกค้าใหม่ ด้วยการเสนอสิทธิพิเศษ สำหรับลูกค้าใหม่ที่กดสมัครสมาชิก (Subscibe) โดยเฉพาะ เพื่อให้พวกเขาสามารถเริ่มทำการซื้อสินค้ากับคุณได้ทันที

อธิบายให้ชัดขึ้นก็คือ ถ้าเว็บไซต์ E-Commerce ของคุณมีระบบสมัครสมาชิก (Subscibe) แน่นอนว่าในการสมัครสมาชิกก็ต้องมีการกรอก E-Mail เพื่อรับข่าวสารหรือโปรโมชั่นต่างๆ แต่เมื่อคุณกด Subscibe แล้ว E-Mail แรกที่จะถูกส่งมาหาคุณนั่นก็คือ Welcome E-Mail ต้อนรับสมาชิคใหม่ มีข้อความแสดงความขอบคุณที่สนใจ และมอบโปรโมชั่นหรือส่วนลดต่างๆ เพื่อล่อใจลูกค้าให้เริ่มทำการ Shopping กับคุณได้เลย (เชื่อว่าใครหลายคนก็เคยเป็นเหยื่อของเทคนิคนี้เหมือนกัน)



ตัวอย่างหน้าตา Welcome E-Mail ของ Kate Spade
ภาพจาก Webengage

แต่เมื่อคุณเริ่มก้าวเท้าเข้าสู่ Marketing Automation แค่ Welcome E-Mail มันยังไม่พอครับ ! ถ้าอยากให้ธุรกิจ E-Commerce ของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน สิ่งที่คุณจะต้องทำนั่นก็คือการทำ  Welcome E-Mail Workflow หรือแผนผังการทำงานของ Welcome E-Mail 

เพราะเมื่อคุณส่ง Welcome E-Mail ไปแล้ว คุณต้องคาดหวังให้ลูกค้าติดตามและใช้บริการคุณต่อไปเรื่อยๆ คุณเลยจำเป็นต้องมีการกำหนด E-Mail ต่อไปที่คุณจะส่งให้กับลูกค้า เช่น คุณอาจจะกำหนดให้การส่ง E-Mail ที่2 เป็นการอธิบายความเป็นมารวมไปถึงจุดเด่นของแบรนด์คุณ เพื่อเป็นการสร้างสตอรี่ให้ลูกค้ารู้จักธุรกิจของคุณมากขึ้น หลังจากนั้น 2 วันคุณก็อาจจะส่ง E-Mail ที่3 ตามไปเพื่อแจ้งโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าประจำเดือนนี้ พร้อมใส่ปุ่ม CTA เพื่อให้ลูกค้าสามารถกดสั่งซื้อได้ทันที และปิดการขายได้ในที่สุด 

ภาพจาก Omnisend

โดยสำหรับซอฟต์แวร์ในการสร้าง Welcome E-Mail Workflow รวมไปถึงการทำ Marketing Automation ผมขอแนะนำ Omnisend ครับ เพราะเป็นตัวซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบเพื่อธุรกิจ E-Commerce เป็นหลักเพราะนอกจากจะสร้าง Workflow ได้แล้ว 

Omnisend ก็ยังมีฟีเจอร์ที่เอื้อต่อการทำ Marketing Automation มากมาย เช่น Product Picker ที่สามารถเอาสินค้ามาใส่ใน E-Mail รวมไปถึงเลือกใส่ Discount Code , คูปองต่างๆ เข้าไปใน E-Mail ได้อย่างง่ายดายครับ

เทคนิคที่ 3 : Retargeting ก็ยังคงสำคัญ 

“มีลูกค้าเพียง 3% เท่านั้นที่เข้ามาเว็บไซต์ครั้งแรกแล้วกดซื้อสินค้าเลย ส่วน 97% ที่เหลือจะไม่ซื้ออะไรทั้งนั้น” 

หากพูดถึงการทำ Marketing Automation กับธุรกิจ E-Commerce อีกเทคนิคนึงที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ “Retargeting” เทคนิคที่สร้างยอดขายและกำไรให้กับธุรกิจต่างๆ มาแล้วมากมาย และยังเป็นเทคนิคที่ธุรกิจ E-Commerce หลายเจ้าในปัจจุบันเลือกใช้งาน เพราะสามารถใช้งานได้ทั้ง Facebook และเว็บไซต์

สำหรับนักการตลาดที่อ่านมาถึงหัวข้อนี้ ผมคิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักความหมายของคำว่า Retargeting กันดีอยู่แล้วนะครับ แต่ถ้าใครที่ยังไม่ทราบความหมายของคำว่า Retargeting คุณสามารถกดเข้าไปอ่านบทความ Retargeting (Part 1) : ตามติดกลุ่มเป้าหมาย ยิง Ads ให้ยอดขายพุ่งกระฉูด จาก The Growth Master ก่อนได้เลยครับ

แต่ถ้าพูดถึง Retargeting กับกลยุทธ์ Marketing Automation หน้าที่ของนักการตลาดอย่างคุณคือการเปลี่ยน 97% ของคนที่แค่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ หรือคนที่เกือบจะเป็นลูกค้าของคุณ (นำสินค้าลงตะกร้าแต่ไม่ซื้อ) ให้กลายเป็นลูกค้าให้ได้ โดยใช้เครื่องมือ Market Automation มาช่วย เพื่อให้ได้ยอดขายกลับมาสู่ธุรกิจคุณให้ได้มากที่สุด 

สำหรับมือใหม่ผมขอแนะนำเครื่องมือสำหรับการทำ Retargeting แบบพื้นฐานและไม่เสียค่าใช้จ่ายเยอะอย่าง Facebook Pixel และ Google Ads (Google Remarketing Part) ที่สามารถให้คุณเริ่มใช้งานการทำ Retargeting ได้อย่างไม่ยุ่งยาก

แต่ในกรณีที่คุณอยากได้ฟังก์ชั่นในการทำ Retargeting ที่หลากหลายขึ้น เช่นเปลี่ยนจากการแสดง Ads เป็นส่ง E-Mail หรือ SMS เข้าไปหาลูกค้าได้โดยตรง ผมขอแนะนำเป็น Retargeting.biz ที่เป็นซอฟต์แวร์ สำหรับ Retargeting for E-commerce โดยเฉพาะ และยังได้รับเครื่องหมาย Official Partner จาก Google และ Facebook อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า 2 เครื่องมือด้านบน แต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการใช้งานครับ (เริ่มต้นประมาณ 3,800 บาท)

ภาพจาก retargeting.biz

เทคนิคที่ 4 :  ใช้ Chatbot ในการสร้าง Customer Relationship Management

อย่างที่ผมได้กล่าวไปในตอนต้นของบทความแล้วว่าการมีธุรกิจ E-Commerce นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาคุณได้ทุกเวลา 24 ชั่วโมง แต่นั่นก็นำมาซึ่งอีกหนึ่งจุดบอดของการทำธุรกิจ E-Commerce คือการที่คุณต้องคอยมาเฝ้าดูแล ตอบคำถามอยู่ตลอดเวลา จนคุณอาจไม่มีเวลาไปทำอะไรอย่างอื่นเลย

ซึ่งถ้าคุณทำได้ไม่ดีพอ อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลูกค้าต่างพากันหายไปจากธุรกิจของคุณ และมีความเป็นไปได้ที่จะไม่กลับมาอีก เนื่องจากไม่ประทับใจในระบบ CRM ของคุณ 

แต่ข่าวดีก็คือปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Chatbot กำเนิดขึ้นเพื่อมาแก้ปัญหาการทำ CRM สำหรับเว็บไซต์ E-Commerce โดยเฉพาะ ซึ่ง Chatbot ที่ว่านี้ เป็นเครื่องมือ Marketing Automation ที่จะคอยช่วยเหลือคุณ ในกรณีที่มีลูกค้าทัก Message เข้ามาสอบถามเกี่ยวกับสินค้าและบริการต่างๆ ของธุรกิจคุณ ระบบจะสามารถตอบคำถามให้ลูกค้าได้อย่างทันที โดยที่คุณแค่ทำการ Setting ไว้แค่ครั้งเดียว

ภาพจาก Shopygen

โดยคุณสามารถ Setting ให้ Chatbot สามารถตอบลูกค้าได้อย่างทันทีและยังตั้งค่าให้ครอบคลุมคำถามที่ถูกถามบ่อยๆ ของลูกค้าได้ ซึ่งในปัจจุบันก็มี Software ที่ขออาสามาทำหน้าที่สร้าง Chatbot เพื่อการทำงานของธุรกิจ E-Commerce มากมาย แต่ถ้าพูดถึง Software ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ผมขอแนะนำ CHATFUEL ที่เป็นระบบ Software สำหรับการสร้างสรรค์ Chatbot เพื่อธุรกิจ E-Commerce โดยเฉพาะครับ

เพราะนอกจากมีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย เหมาะกับธุรกิจ E-Commerce แล้ว ยังสามารถเริ่มใช้งานได้ฟรีๆ อีกด้วย

ภาพจาก Chatfuel

สรุปทั้งหมด

Marketing Automation ก็ยังมีความสำคัญต่อการทำธุรกิจ E-Commerce ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณประหยัดทั้งเวลาและแรงงานแล้ว ระบบการทำงานต่างๆ โดยใช้ระบบ Marketing Automation เป็นตัวช่วยก็ย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่า

แต่ต้องอย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้การทำ Marketing Automation เห็นผลและมีประสิทธิภาพ ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวคุณ ที่เป็นวางแผนจัดการ และคอย Monitor ทุกอย่างให้อยู่ในสายตาตลอด เพราะคนที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้ ไม่ใช่ Software ไม่ใช่เทคโนโลยีอะไรเลยครับ แต่คือ “ตัวคุณ” นั่นแหละที่จะเป็นคนกำหนด

Source : webengage , digitalmarketinginstitute , segment , getgist






ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe

เราช่วยธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนโลกดิจิทัลด้วยการใช้ศาสตร์ Growth, เครื่องมือด้านเทคโนโลยี, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างทีม

ติดตามข้อมูลการตลาด
Growth Hacking ได้เลยทีนี่
มากกว่า 2,000 บริษัทติดตาม The Growth Master ตอนนี้
ไปที่หน้า Subscribe