“Stay hungry. Stay foolish.” – Steve Jobs
เชื่อว่าในตอนนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Apple บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกที่ไม่ว่าจะออกผลิตภัณฑ์อะไรมา จะต้องมีคนมาต่อแถวคอยซื้อกันอย่างไม่ขาดสายอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Macbook, iMac และ Apple ก็ถือว่าเป็นบริษัทที่เข้ามาเปลี่ยนโลกนี้ไปตลอดกาลด้วยผลิตภัณฑ์ของเขาเอง
แต่จุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของ Apple มันจะเกิดขึ้นมาไม่ได้เลย ถ้าหาก Apple ไม่มีทีมที่เก่งและมีความสามารถ ที่มาช่วยทำให้บริษัทเติบโตและประสบความสำเร็จมาได้จนถึงทุกวันนี้
บทความนี้เราเลยจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Apple ให้มากขึ้น ผ่านวัฒนธรรมองค์กรและแนวคิดต่าง ๆ ซึ่งเราเชื่อว่าเมื่ออ่านจบทุกคนจะได้ข้อคิดกลับไปปรับใช้กับชีวิตหรือดำเนินธุรกิจได้อย่างแน่นอน ไปติดตามกันต่อได้เลย
เอาความกลัวมาเป็นแรงผลักดัน รากฐานที่สำคัญขององค์กร
ใครจะรู้ล่ะว่า Steve Jobs ผู้ทรงอิทธิพลต่อวงการเทคโนโลยีโลกจะมีความกลัวในใจมาก ๆ กลัวถึงขนาดที่ว่านอนไม่หลับจนต้องตื่นมากลางดึกเพื่อหาวิธีคิดค้นที่จะไม่ให้ Apple โดน Nokia แย่งส่วนแบ่งตลาดไป ทำให้ Steve Jobs ต้องตัดสินใจยกเลิกหลายโปรเจกต์ที่กำลังพัฒนาอยู่ตอนนั้น เพื่อมาพัฒนา iPhone ให้เป็นที่รู้จักมาจนถึงทุกวันนี้
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2006 ในสมัยที่ iPod กำลังได้รับความนิยมแบบสุด ๆ ในขณะนั้น iPod สร้างรายได้ให้กับ Apple ได้มากถึง 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ จนเรียกได้ว่าครองตลาดอุปกรณ์ฟังเพลงไปมากถึง 90% เลยทีเดียว
แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน Nokia ได้ปล่อยโฆษณาโทรศัพท์ตัวใหม่ออกมาที่ทำให้ Steve Jobs เห็นแล้วต้องสั่นกลัว เพราะโทรศัพท์ของ Nokia รุ่นนั้นสามารถดาวน์โหลดเพลงลงเครื่องได้ถึง 6 เพลงเลยทีเดียว แต่หลายคนเห็นแบบนี้แล้วก็คงตั้งคำถามว่าทำไม Steve Jobs ต้องกลัวด้วย ก็แค่โทรศัพท์ที่โหลดเพลงมาฟังได้แค่ 6 เพลงเอง มันเทียบไม่ได้เลยกับ iPod ที่ฟังได้มากถึง 1,000 เพลง
แต่ Steve Jobs บอกว่า iPod เป็นแค่อุปกรณ์ฟังเพลงเฉย ๆ ไม่สามารถโทรเข้า-ออกได้ แต่ Nokia ทำได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าหาก Nokia สามารถพัฒนาโทรศัพท์ของตัวเองให้ฟังเพลงบนเครื่องได้มากกว่านี้ ไปพร้อม ๆ กับสามารถใช้โทรเข้า-ออกได้ด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงจะถึงกาลอวสานของ iPod และรายได้กว่า 50% ของ Apple จะต้องหายไปอย่างแน่นอน
Steve Jobs เลยตัดสินใจบอกทีมของตัวเองว่าจะสร้าง iPhone ขึ้นมา เพื่อสู้กับ Nokia รุ่นนั้น เพราะตอนนั้นเป็นทางเลือกเดียวที่ Apple จะไม่ถูก Nokia ขยี้ให้หายไปจากตลาดได้
หลังจากนั้น 1 ปีต่อมา ในปี 2007 Apple ก็ได้เปิดตัว iPhone รุ่นแรกขึ้นมาตีตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งต้องเรียกได้ว่า iPhone รุ่นนี้มีหน้าตาที่แปลกใหม่ มีฟังก์ชัน ลูกเล่นมากมาย ทั้งโทรศัพท์, ฟังเพลง, เข้าอินเทอร์เน็ต รวมถึงอื่น ๆ และได้กลายมาเป็นสมาร์ทโฟนที่เข้ามาเปลี่ยนวงการโทรศัพท์มือถือไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับมาจนถึงปัจจุบันนี้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จากที่ Nokia เคยเป็นแบรนด์โทรศัพท์มือถืออันดับต้น ๆ ในตลาดหรือในใจของใครหลายคน กลับกลายเป็นว่ากระแสความนิยมได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด หรือเรียกได้ว่าในปัจจุบันแทบจะไม่มีที่ยืนในตลาดเลย เพราะในตลาดนี้ก็มีผู้นำอย่าง Apple รวมถึงมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่ลงมาเล่นในตลาดนี้อย่างไม่ขาดสาย
จะเห็นได้ว่าเพียงแค่ความกลัวของ Steve Jobs ในวันนั้น กลับสร้างแรงกระเพื่อมและกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการเทคโนโลยีไปโดยปริยายเลย จากความกลัวและความกล้าบ้าบิ่นของ Steve Jobs ก็ถือว่ากลายเป็นอีกหนึ่งรากฐานองค์กรที่สำคัญของ Apple ที่ฝังลึกทำให้องค์กรมีความแข็งแกร่ง
และไม่ว่า Apple จะมีการเปลี่ยนผ่านจากยุค Steve Jobs มาสู่ยุคของ Tim Cook หรือใครก็ตาม พนักงานของ Apple ก็มีความกล้าในการคิดและลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ออกมา กลายเป็นนวัตกรรมชิ้นใหม่ของโลก จนประสบความสำเร็จมาได้เหมือนจนทุกวันนี้
‘Think Different’ Core Value ของ Steve Jobs
‘Think Different’ หรือ ‘คิดต่าง’ คำสั้น ๆ จากแคมเปญการตลาดที่เปิดตัวโดย Apple ภายใต้การดูแลของ Steve Jobs ในปี 1997 ที่ต่อมาได้กลายมาเป็น Core Value สำคัญของ Apple ซึ่งจุดเริ่มต้นของการ ‘คิดต่าง’ นี้ ทำให้ Apple กลายเป็นแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่ และเป็นต้นแบบผู้นำในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ มาจนถึงปัจจุบันนี้
แคมเปญโฆษณา Think Different
หลักการคิดต่างของ Steve Jobs เขาไม่ได้คิดเพียงแค่ว่าจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อะไรออกมาเท่านั้น แต่ยังมีแนวคิดที่แตกต่างจากคนอื่นในแบบที่คนอื่นอาจคิดไม่ถึงด้วย เช่น Steve Jobs บอกว่าการที่จะทำให้บริษัทเติบโตไปได้อย่างยั่งยืนต่อไปเรื่อย ๆ คือ ‘ให้ฆ่าผลิตภัณฑ์ของตัวเองทิ้งซะ ก่อนที่แบรนด์อื่นจะมาฆ่าเราด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ของเขา’
สำหรับคำพูดนี้เราก็น่าจะเห็นภาพได้ชัดเจนแล้วว่า ในปี 1997 ถึงแม้ว่า Steve Jobs จะเป็นผู้คิดค้น iPod ขึ้นมา เพื่อฆ่า Sony Walkman (เครื่องเล่นเสียงแบบพกพา) แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาฆ่า iPod ให้ตายไปด้วยมือของตัวเอง ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง iPhone ขึ้นมา
หรือแม้แต่การเปิดตัว iPad ขึ้นมาในปี 2010 ที่ Steve Jobs คิดว่าจะสร้างขึ้นมาเพื่อสะเทือนตลาด PC ซึ่งปัจจุบันนี้ก็เห็นได้แล้วว่า iPad เข้ามาทำหน้าที่แทน PC ได้จริงสำหรับบางคน และมูลค่าตลาดของ iPad ก็ไม่น้อยเลย (iPad กินส่วนแบ่งในตลาดแท็บเล็ต ในไตรมาสแรกของปี 2022 ไปมากถึง 31.5%)
เราน่าจะได้เห็นว่า Core Value นี้สะท้อนออกมาให้เราเห็นในผลิตภัณฑ์ของ Apple ทั้งหมดแล้ว จากการที่ผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในตลาด ตั้งแต่แกะกล่องออกมา มีการใช้งานแบบ Seamless ไปจนถึงการที่ Apple ให้บริการลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
Creativity & Innovativeness สร้างนวัตกรรมปฏิวัติโลก
สำหรับ Apple ถือว่าเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมสนับสนุนให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาได้อย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่ง Apple ก็ถูกประเมินว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลก
นอกจากนี้ Apple ก็ยังถือว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจในการสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีความแตกต่างจากเจ้าอื่น โดยมุ่งเน้นไปที่การออกแบบและการทำงานของผลิตภัณฑ์และบริการเป็นหลัก ซึ่งการใช้กลยุทธ์นี้ให้มีประสิทธิภาพในทางปฏิบัติ Apple จึงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมระดับสูงจากพนักงานทุกคน
โดยนวัตกรรมที่โดดเด่นของ Apple เลยก็คือ การลบปุ่มบนโทรศัพท์ออกไปให้เหลือปุ่ม Home เพียงปุ่มเดียว ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมชิ้นใหม่ของโลกที่เข้ามาปฏิวัติวงการสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นอุปกรณ์ไร้ปุ่ม หรือมีปุ่มน้อยที่สุด โดยปัจจุบันปุ่ม Home ทั้งบน iPhone และ iPad ก็ได้หายไปแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็นหน้าจอที่มีขนาดกว้างขึ้น เพิ่มความสบายตา และความสะใจให้กับผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
ดังนั้นเพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น Apple จึงได้มีการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อให้พนักงานเกิดความสร้างสรรค์มากที่สุด เช่น การออกแบบ Apple Campus ให้บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์และความแปลกใหม่, ให้พนักงานแต่งกายมาทำงานอย่างไรก็ได้ รวมถึงในเวลาทำงานจะไม่มีการปิดกั้นพนักงาน ให้พวกเขาคิดนอกกรอบได้อย่างเต็มที่เลย
สวัสดิการที่ดีแลกกับการทำงานหนัก
การทำงานภายใต้แรงกดดันเป็นสกิลที่พนักงาน Apple ทุกคนต้องมี เพราะในหลาย ๆ โปรเจกต์มีความยาก รัดกุม และความท้าทาย รวมถึงทุกคนต้องทำงานให้ทันเดดไลน์ที่มีกรอบเวลาชัดเจน ทำให้การทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมงกลายเป็นเรื่องปกติที่ Apple
Tim Cook ซีอีโอคนปัจจุบันของ Apple เป็นตัวอย่างของพนักงานที่มีความจงรักภักดีต่อบริษัทแบบสุด ๆ ซึ่งในหมู่พนักงานเขาเลื่องลือนามมากในการเป็นคนที่ทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะเขาชอบส่งอีเมลถึงพนักงานในเวลา 4.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ใครหลายคนอาจกำลังนอนหลับพักผ่อน แต่ชายคนนี้กำลังทำงาน ด้วยเหตุนี้ก็เป็นการสร้างแรงกดดันในการทำงานให้พนักงานหลายคนเหมือนกัน
โดยเราได้บอกไปตอนต้นว่า Apple มักจะ ‘คิดต่าง’ เสมอ ในเรื่องนี้ Apple ก็คิดต่างจากบริษัทอื่น ๆ เช่นเดียวกัน ที่ให้พนักงานทำงานภายใต้แรงกดดัน หรือทำงานติดต่อหลายชั่วโมงเกินไป ต่างจาก Microsoft ที่มีการปรับนโยบายไม่ให้พนักงานทำงานติดต่อกันจนกลายเป็นเรื่องปกติแบบนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ดูเหมือนว่าการให้พนักงานทำงานหนักจะกลายเป็นภาพที่ดูไม่ค่อยดี แต่ Apple ก็มีสวัสดิการ และจ่ายค่าตอบแทนที่เยอะและสมเหตุสมผลให้กับพนักงานด้วย เช่น
- มีการจ่ายค่าเล่าเรียนให้มากถึง 5,250 ดอลลาร์ต่อปี (หรือประมาณ 185,000 บาท) ถ้าหากพนักงานอยากเรียนรู้หรืออัปสกิลเพิ่มเติม
- มีการให้ส่วนลดพนักงานสำหรับซื้อสินค้าของ Apple
- Café Mac ที่ให้พนักงานซื้ออาหารจากวัตถุดิบชั้นดีในราคาที่ถูกมาก เพราะบริษัทรับผิดชอบต้นทุนให้ส่วนหนึ่ง
- Beer Bash ให้ปาร์ตี้สังสรรค์ตามโอกาส โดยมีเครื่องดื่มและของว่างไม่อั้น พร้อมทั้งมีวงดนตรีดังมาเล่นให้ฟัง
แม้ว่าบางครั้งสภาพแวดล้อมในการทำงานจะเต็มไปด้วยความกดดันและความเครียด อีกทั้งยังถูกรายล้อมไปด้วยเพื่อนร่วมงานที่เก่งระดับหัวกะทิแล้ว แต่พนักงานที่ Apple ก็ยังคงบอกเราผ่านผลสำรวจว่า พวกเขาก็ยังรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขที่ได้ทำงานที่นี่ เพราะเขาได้รับสวัสดิการที่ดี ได้มีการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ การทำงานหนักสำหรับเขาจึงกลายเป็นเรื่องรองไปเลย
เก็บความลับเก่ง อาวุธลับของพนักงานที่ Apple
การเก็บความลับเก่ง ถือว่าเป็นอาวุธลับของพนักงานที่ Apple จนกลายเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรที่ปฏิบัติส่งต่อกันมายาวนาน เพราะมีหลายคนบอกว่า แม้แต่ Senior Engineer ของ Apple ก็ไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายของ Apple เป็นอย่างไรจนกว่าจะมีการเปิดตัว หรือคนที่ทำงานเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ก็ไม่รู้ว่าฮาร์ดแวร์มีหน้าตาเป็นอย่างไร รวมถึงคนที่ทำงานเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ก็ไม่รู้ว่าซอฟต์แวร์เป็นอย่างไรเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ พนักงานใน Apple ก็ยังออกมาเล่าอีกว่า แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงบางคนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าบางประชุมสำคัญของบริษัท เพราะไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นั้นเลยก็มี โดยทีมให้เหตุผลว่ากลัวความลับรั่วไหลก่อนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ขึ้น
แม้หลายครั้งหลายหนเราจะเห็นว่า มักจะมีข่าวลือเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Apple หลุดมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะมีการเปิดตัว ถ้าหากมองในมุมนี้ ขนาดคนในองค์กรเองยังไม่รู้เลยว่าหน้าตาของผลิตภัณฑ์เป็นแบบไหน แล้วคนนอกจะรู้ได้อย่างไร? ข่าวลือก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น
สรุปทั้งหมด
การเติบโตของ Apple ถือว่าประสบความสำเร็จมาอย่างท่วมท้น และเป็นบริษัทที่สร้างนวัตกรรมที่ออกมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใช้งานมาแล้วนับไม่ถ้วน จนกลายเป็นความเคยชินและเป็นบรรทัดฐานใหม่ในวงการไอทีไปแล้ว แต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หาก Apple ไม่ได้ปลูกฝังแนวคิดดี ๆ ให้กับพนักงานทุกคน รวมไปถึงมีสวัสดิการและบรรยากาศการทำงานที่ทำให้พวกเขามีความสุขกับการทำงานตลอดมา ซึ่งนี่ถือว่าเป็นรากฐานสำคัญของการทำธุรกิจมาก ๆ ที่ผู้ประกอบการทุกคนควรยึดถือ