Eung Rachkorn
ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ การตลาด และเทคโนโลยี / ClickUp Expert คนแรกของประเทศไทย / เป็นนักการตลาดที่ชอบเขียน และเป็นนักเรียนของทุกเรื่องใหม่ (นักทดลองผิด) 🪐
นักเขียน
ทำการตลาดกับลูกค้าประจำถูกกว่าหาลูกค้าใหม่ถึง 5 เท่า! การสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้าเก่ากับแบรนด์ไม่เพียงแต่มีราคาถูกกว่า แต่ยังง่ายมากกว่า จากหนังสือ Marketing Metrics บอกว่า แบรนด์มีโอกาสขายสินค้าให้กับลูกค้าเก่าได้สูงถึง 60-70% ในขณะที่อาจขายให้ลูกค้าใหม่ได้เพียง 5-20% เท่านั้น
นั่นเป็นเพราะ ลูกค้าเก่าของเรารู้จักแบรนด์อยู่แล้วและเคยมีประสบการณ์การกับแบรนด์มาก่อน ทำให้การเชิญชวนให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำง่ายกว่า ไม่จำเป็นจะต้องสร้าง Brand Awareness หรือสร้างความเชื่อมั่นเหมือนการเปิดตลาดใหม่
“บัตรสะสมแต้ม” หนึ่งในกลยุทธ์ที่ดึงดูดให้ลูกค้าเก่าวนกลับมาซื้อซ้ำเรื่อย ๆ ปัจจัยที่ทำให้เราเลือกซื้อสินค้ามีอยู่หลายอย่าง จากคุณภาพสินค้าเอง, บริการหลังการขาย, ความคุ้มค่า และอื่น ๆ
ซึ่งการสะสมแต้มเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าที่มันเพิ่มมากขึ้น จากที่คุณซื้อสินค้าปกติ ใช้แล้วก็จบไป คุณก็อาจจะกลับมาซื้ออีกครั้งหรือไม่ซื้อก็ได้ แต่การให้แต้มสะสม โดยแต้มนี้สามารถแลกเป็นส่วนลดซื้อสินค้าได้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันคุ้มค่าขึ้น เช่น การซื้อ 10 ครั้ง รับฟรี 1 ตอนนี้สะสมไปได้แล้ว 5 ครั้ง เหลืออีกครึ่งทางเอง แทนที่จะไปซื้อของคู่แข่ง ก็ทำให้เขามีโอกาสวนกลับมาอุดหนุนคุณมากขึ้น แต่ Pain point ของการใช้กลยุทธ์นี้ก็มีอยู่
ยกตัวอย่างปัญหาที่เจอกันเกือบทุกเจ้า คือ การใช้บัตรสะสมแบบ Traditional ที่พิมพ์ลงบนกระดาษ แน่นอนว่าสิ่งที่ธุรกิจต้องแบกรับคือต้นทุนของกระดาษใบจิ๋วเหล่านี้ ยิ่งครั้งไหนที่ลูกค้าเก่าลืมบัตร เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้บัตรใหม่เขาไปอีกใบหนึ่ง รวมไปถึงปัญหาบัตรหาย แต้มก็หายไปตามบัตร และการทำการตลาดแบบ Traditional นี้ ทำให้ผู้ประกอบการลืมไปว่าจริง ๆ แล้วทั้งหมดนี่คือ Data ที่เขาไม่สามารถเก็บกลับมาทำ Data Driven ต่อเพื่อเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ แต่การจะทำระบบสะสมแต้มเองแบบธุรกิจขนาดใหญ่ก็ไม่ใช่ถูก ๆ
PointSpot จึงเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้
PointSpot คืออะไร? PointSpot คือ ระบบบัตรสมาชิกที่สะสมแต้มด้วยเบอร์โทร เป็นหนึ่งในเครื่องมือ Add-ons ของ Readyplanet ซึ่งเราก็เคยได้พูดถึงตัว R-CRM จากเจ้านี้ไปบ้างแล้ว ว่าเค้ามีระบบ Ecosystem ในตัวที่เชื่อมการทำงานกันระหว่างแอป PointSpot เองก็สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องมือใน Readyplanet Marketing Platform อย่าง R-web และ R-shop ได้เช่นกัน
หลักการทำงาน คือ เจ้าของธุรกิจสร้างแอคเคาท์ของตัวเองบนแพลตฟอร์ม ลูกค้าสามารถสะสมแต้มเข้าผ่านลิงก์หรือสแกนผ่าน QR Code ที่ PointSpot เจนเนอร์เรตให้เฉพาะสำหรับแต่ละร้านได้ทันที เพียงแค่มี Smartphone หรือ Tablet ติดตัวอยู่ด้วยเท่านั้น หรือกดซื้อผ่านตัว R-Web และ R-Shop โดยตรง
ระบบการทำงานจะแบ่งเป็นฝั่งของธุรกิจและฝั่งของลูกค้า ทางธุรกิจจะสามารถตั้งค่าสัดส่วนพอยท์ที่ลูกค้าจะได้ด้วยตัวเอง ทั้งยังออกโปรโมชัน, แคมเปญ, คูปอง, วอยเชอร์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มได้เลย
ทางฝั่งลูกค้า หลังจากได้รับแต้มเรียบร้อย สามารถนำแต้มมาแลกคูปองต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มได้เองเช่นกัน ด้านการแจ้งเตือนต่าง ๆ เช่นการยืนยันการสมัครสมาชิก การแจ้งรับหรือใช้พอยท์ ประกาศต่าง ๆ จากธุรกิจสามารถทำผ่านระบบ SMS ได้โดยตรงเลย การทำงานจึงไม่ใช่แค่การใช้กลยุทธ์กระตุ้นการกลับมาซื้อซ้ำด้วยระบบสะสมแต้มเท่านั้น แต่ยังทำ SMS Marketing ได้ด้วย หรือในอีกกรณีที่ลูกค้าต้องการติดตามโปรโมชันกับแบรนด์อย่างใกล้ชิด ก็สามารถเป็นเพื่อนกับร้านค้าที่ใช้ระบบของ PointSpot ผ่าน Line Official Account ได้ ทุกครั้งที่มีคะแนนสะสมมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะได้รับแจ้งเตือนผ่านช่องทาง LINE โดยร้านค้าสามารถดูวิธีตั้งค่าร้านค้าเพื่อเชื่อมต่อกับ LINE ได้ที่นี่
ภาพจาก PointSpot ทั้งหมดนี้เป็น Data ที่คุณจะเก็บได้ผ่านทาง PointSpot ว่าลูกค้าแต่ละคนชอบโปรโมชันแบบไหน, มีความถี่ในการซื้อเป็นอย่างไร, และการซื้อแต่ละครั้งซื้อมากขนาดไหน, ชอบซื้ออะไรบ้าง และด้วยข้อมูลเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถนำไปต่อยอดได้ว่า ลูกค้าแต่ละกลุ่มควรจะมอบโปรโมชันแบบไหนให้กับเขาและทำให้เกิดการกลับมาซื้อมากที่สุด
ซึ่ง Data สามารถใช้งานได้ทั้งธุรกิจที่เป็น B2B และ B2C เลย
อย่างในกรณีที่เป็น B2B ลักษณะของธุรกิจโดยทั่วไปจะไม่ได้มีจำนวนลูกค้ามากเท่า B2C ธุรกิจ B2B จะให้ความสำคัญกับ Customer Experience รางวัลที่ลูกค้าจะได้รับกลับไปจะให้ประสบการณ์ที่ดีกับเขาได้อย่างไร อาจใช้สำหรับเป็นส่วนลดในบริการครั้งถัดไป หรือ เป็นส่วนลดบริการอื่น ๆ ของแบรนด์ แม้กระทั่งบริการรับคำปรึกษาฟรี หากยกตัวอย่างอาจจะเป็นลักษณะของ ธุรกิจสาย Ecommerce ที่มีการสั่งของจาก Supplier เมื่อซื้อถึงจำนวนหนึ่งได้เป็นส่วนลดในการสั่งของไป
สำหรับธุรกิจ B2C จะเป็นส่วนที่พบเห็นบ่อยมาก ๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟร้านโปรด, ร้านหนังสือ, ปั๊มแก๊ส, ร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยง, คาร์แคร์ เช่น ซื้อครบ 300 ได้แสตมป์ 1 ดวง หรือ บัตรสะสมแต้มเวลาเราซื้อของในห้าง ลูกค้าสามารถเดินมาซื้อของแล้วก็สะสมแต้มหรือแลกสิทธิ์พิเศษได้โดยตรง
ฟีเจอร์ต่าง ๆ บน PointSpot 1. ระบบแอดมิน บน PointSpot จะแบ่งผู้ดูแลระบบออกเป็น 5 ขั้นด้วยกัน เพื่อป้องกันการเข้าถึงในส่วนของการแลกสิทธิพิเศษต่าง ๆ โดยจะแบ่งเป็นดังนี้
Owner - เจ้าของธุรกิจสามารถจัดการกับข้อมูลรวมถึงการตั้งค่าต่าง ๆ ได้ Moderator - ผู้ดูแลเปรียบเสมือนผู้ช่วยธุรกิจที่สามารถทำได้เช่นเดียวกับเจ้าของธุรกิจ หากเจ้าของไม่สะดวกผู้ดูแลสามารถทำหน้าที่แทนและตัดสินใจได้ทันที Editor - สามารถส่งพอยท์และรับแลกของรางวัลโดยไม่ใช้รหัสคูปองได้ โดยจะเข้าที่รายชื่อของสมาชิกและอนุมัติได้ทันที Authorized - สามารถส่งพอยท์ได้อย่างเดียวและบันทึกการรับแลกของรางวัลผ่านการกรอกรหัสคูปองที่หลังบ้านหรือผ่านหน้าจอของลูกค้าเท่านั้น Audit - สามารถตรวจสอบการใช้งานของธุรกิจ แก้ข้อมูลหรือให้พอยท์ไม่ได้ อาจใช้สำหรับพาร์ทเนอร์ของธุรกิจให้ตรวจสอบการทำงานต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ระบบแอดมินยังสามารถทำให้แบรนด์สามารถใช้ร่วมกันในหลายสาขาได้ ยกตัวอย่างเช่น คลีนิกเสริมความงามแห่งหนึ่งมีหลายสาขา การมอบ Moderator ให้กับอีกทางสาขาหนึ่ง ทำให้ทั้งสองสาขามีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลระบบได้ และภายใต้ระบบเดียวกันนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าอย่างมาก เนื่องจากเป็นระบบเก็บแต้มรวมของธุรกิจ จะได้แต้มจากสาขาหนึ่งแล้วนำมาแลกส่วนลดกับอีกสาขาหนึ่งก็ทำได้เช่นกัน
2. ระบบสมาชิก การสะสมแต้มบนระบบของ PointSpot ทำได้โดยกรอกเบอร์เข้าไปเท่านั้น ทำให้ลูกค้าสามารถสะสมแต้มได้ทันที แต่จะนำแต้มมาใช้แลกสิทธิ์ได้เมื่อสมัครสมาชิกและกรอกในส่วนชื่อ-นามสกุลและวันเกิดเพิ่มเติมเข้ามา หรือทางธุรกิจต้องการออกบัตรสมาชิกดิจิทัลก็สามารถสร้างผ่าน Pointspot ได้
บัตรสมาชิกสามารถสร้างได้สูงสุด 3 รูปแบบด้วยกัน ซึ่งทางธุรกิจสามารถกำหนดเงื่อนไขการให้บัตรได้เองและใช้บัตรเพื่อแสดงตัวตนเท่านั้น จะยังไม่สามารถใช้โดยสแกนแล้วลดให้ตามเงื่อนไขนั้น ๆ ได้ แต่บัตรสามารถปรับแต่งสีหรือชื่อบัตรสมาชิกได้ตามต้องการ
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้บัตรสมาชิก
ธุรกิจต้องการใช้ระบบสมาชิกรายเดือน โดยกำหนดให้
บัตร Basic จะได้รับส่วนลด 5% เมื่อซื้อสินค้า บัตร Gold จะได้รับส่วนลด 10% และได้ของขวัญพิเศษในเดือนเกิด เงื่อนไขการอัปเกรดขึ้นเป็น Gold ต้องมียอดใช้จ่ายรวมอย่างน้อย 1,000 บาท ต่อเดือน บัตร Platinum จะได้รับส่วนลด 15%, ได้รับของขวัญพิเศษในเดือนเกิด และได้บัตรกำนัลจำนวน 1,000 บาท ต่อปี เงื่อนไขการอัปเกรดขึ้นเป็น Platinum ต้องมียอดใช้จ่ายรวมอย่างน้อย 5,000 บาท ต่อเดือน โดยลูกค้าจะแสดงบัตรหรือบอกเบอร์โทรยืนยันตัวตน ทางร้านกรอกข้อมูลส่วนลดตามสิทธิพิเศษของบัตรใบนั้น ๆ การสร้างบัตรสมาชิกได้หลายบัตรทำให้ธุรกิจสามารถออกแบบกิจกรรมส่งเสริมการขายหรือสร้าง Loyalty Program ได้ยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมกับมี PointSpot ช่วยเหลือในการจัดเก็บและแยกกลุ่มลูกค้าให้สะดวกยิ่งขึ้น
3. ระบบพอยท์ ธุรกิจทำอะไรกับพอยท์ได้บ้าง?
ส่งพอยท์ คือ แบรนด์ให้พอยท์กับลูกค้าจากการซื้อสินค้าหรือบริการ ดึงพอยท์ คือ การที่แบรนด์ดึงพอยท์คืนกลับ เช่น กรณีส่งพอยท์ให้ผิด ให้เกิน จ่ายพอยท์ คือ การจ่ายพอยท์จากฝั่งของลูกค้าให้กับแบรนด์เพื่อซื้อสินค้าหรือบริการแทนเงินสด แลกพอยท์ คือ พอยท์ที่ลูกค้าใช้นำไปแลกคูปอง วอยช์เชอร์ หรือโปรโมชันต่าง ๆ ที่แบรนด์มี โอนพอยท์ คือ พอยท์ที่ลูกค้าโอนให้กับเพื่อน หรือ ให้กับแบรนด์ ในส่วนนี้สามารถตั้งค่าปิดไว้ได้ การแลกพอยท์
แต่ละร้านมีสินค้าที่ช่วงราคาแตกต่างกันออกไป บน PointSpot มีการออกแบบให้คุณสามารถกำหนดสัดส่วนพอยท์ต่อจำนวนเงินที่ลูกค้าใช้จ่ายกับร้านได้ เช่น ซื้อของทุก 5 บาท จะได้รับ 1 พอยท์ มีข้อจำกัดว่าจะได้พอยท์ในทุก ๆ จำนวนเต็ม 5 บาทเท่านั้น เช่น 24 บาท ก็จะได้รับ 4 พอยท์
แต่ถ้าใช้งานร่วมกับ R-Web เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ หรือ R-Shop เครื่องมือสร้างร้านค้าออนไลน์ ระบบจะมีการคำนวณให้ละเอียดขึ้นโดยจะต้องตั้งค่าร่วมกับคลังสินค้าให้สินค้าแต่ละตัวให้พอยท์ที่ต่างกันได้ เหมาะสำหรับทำโปรโมชันเพิ่มยอดขายเฉพาะสินค้า เช่น ปกติได้รับ 1 พอยท์เมื่อครบ 5 บาท แต่ถ้าซื้อสินค้า A ที่มีราคา 10 บาท รับทันที 5 พอยท์ นอกจากนี้ยังคำนวณโดยใช้สัดส่วนพอยท์ได้ เช่น ซื้อของ 24 บาท จะเท่ากับ 4.8 พอยท์ แล้ว PointSpot จะคำนวณให้ออกมาเป็นพอยท์จำนวนเต็ม ในกรณีนี้ลูกค้าก็จะได้ 5 พอยท์
ตั้งค่าวันหมดอายุของพอยท์
ถ้าไม่สามารถตั้งวันหมดอายุของพอยท์ได้ แล้วมีลูกค้าที่สะสมพอยท์ข้ามปีเพื่อแลกชุดใหญ่ในคราวเดียว อาจมีผลกับการทำโปรโมชันต่าง ๆ ที่ลูกค้าไม่ยอมมาใช้เพื่อสะสมแต้มทิ้งไว้ จึงมีทางเลือกให้ธุรกิจตั้งค่าวันหมดอายุให้กับพอยท์ เพื่อให้พอยท์ที่ส่งไปกลับเข้ามาในธุรกิจอีกครั้ง
สามารถตั้งได้ 3 รูปแบบด้วยกัน
ไม่มีวันหมดอายุ แบบทยอยหมดอายุ - เป็นการกำหนดอายุของพอยท์นั้น เช่น 6 เดือน 12 เดือน ถ้าตั้งค่าเป็น 12 เดือน เดือนมกราคม 2021 มี 100 พอยท์ และมีนาคม 50 พอยท์ ลูกค้าจะมีพอยท์ 150 ไปจน มกราคมปี 2022 และพอยท์ของเดือนมกราคมจะหมดอายุไป เหลืออยู่ 50 พอยท์ จนกว่าจะถึงเดือนมีนาคม 2022 ที่พอยท์ทยอยหมดอายุ ซึ่งเป็นวิธีเก็บพอยท์ที่นิยมใช้งานมากที่สุดเนื่องจากลูกค้าสามารถแวะเวียนมาแลกพอยท์เรื่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องเร่งใช้ทั้งหมด ต่อยาวไปยังปีถัดไป กำหนดวันหมดอายุ - เป็นการกำหนดอายุของพอยท์ที่เมื่อครบกำหนดแล้ว พอยท์ทั้งหมดจะหมดอายุและหายไป ตัวอย่างข้างบนจะทยอยหมดอายุตามเดือนต้นที่เราได้รับพอยท์มา แต่ในส่วนนี้ หากเราตั้งไว้ที่เดือนมกราคม เมื่อวนมาจนครบรอบ จะหายไปทั้ง 150 พอยท์เลย สิ่งที่ต้องระวัง คือ ควรตั้งค่าให้เรียบร้อยตั้งแต่ยืนยันร้านบน PointSpot เพราะหากมีลูกค้าลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะมีการส่ง SMS ไปแจ้งเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงอายุพอยท์ ทำให้เสียจำนวนทำรายการเพิ่มเติม รวมถึงการตั้งค่านี้หากตั้งค่าสำเร็จแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนได้ในภายหลัง
ตั้งค่าโอนพอยท์
อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงระบบสะสมแต้มได้ง่ายมากขึ้น คือ การโอนพอยท์ให้เพื่อนได้ ถ้าเพื่อนขาดแค่ไม่กี่พอยท์จะแลกของได้ เราก็โอนให้ ทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นสำหรับผู้บริโภคและกลับมาใช้งานธุรกิจมากขึ้น
นอกจากโอนให้เพื่อนแล้ว ยังทำการโอนพอยท์ให้ธุรกิจได้ จะเป็นการโอนพอยท์คืนมายังร้านของเรา อาจใช้เป็นกรณีแลกส่วนลดโดยตรงที่หน้าร้าน ในกรณีที่ไม่ได้เชื่อมการใช้งานกับ R-Shop
4. ส่งเสริมการขายด้วยคูปอง (แต่ไม่ต้องใช้กระดาษ 😎) บน PointSpot สามารถสร้างโปรโมชันส่งเสริมการขายโดยใช้พอยท์แลกได้ 6 รูปแบบหลักด้วยกัน
แลกของรางวัล สำหรับรับการรับของรางวัลเราจะเลือกได้ว่าจะให้รับแบบไหน Spot redemption คือ กดแล้วแลกที่จุดซื้อได้เลย ซึ่งตัวคูปองแลกของรางวัลนี้จะมีอายุการใช้งานแค่ 5 นาทีเท่านั้น ข้อดี คือ การรับของรางวัลวิธีนี้จะซื้อเก็บตุนกั๊กสิทธิ์กันไม่ได้ เพราะกดแล้วก็ต้องแลกเลย เราจะเห็นบ่อย ๆ เช่น การแลกตั๋วหนังที่กดแลกในแอปแล้วต้องใช้เลยในเวลาครึ่งชั่วโมง รับด้วยตัวเอง จะเป็นการไปรับที่ร้าน แต่ข้อแตกต่างคือ สามารถกดรับไว้ก่อนแล้วค่อยมาแลกได้ รับโดยการจัดส่ง ส่วนนี้ก็จะมีช่องให้ลูกค้ากรอกที่อยู่ในการจัดส่งเพิ่มเติมเข้ามา ส่วนรับด้วยตัวเองหรือจัดส่งก็ได้ ก็มีให้ลูกค้าเลือกก่อนว่าต้องการรับแบบไหน นอกจากนี้จะมีการจำกัดสิทธิ์ในการแลกของรางวัลได้ด้วย คนหนึ่งรับได้กี่สิทธิ์ หรือ การกำหนดว่า จะมีกี่สิทธิ์ให้แลก รวมถึงตั้งได้ด้วยว่าพอสิทธิ์ใกล้จะหมด ให้แสดงว่าเหลืออีกกี่สิทธิ์ ยิ่งเหลือน้อย ก็ยิ่งทำให้ลูกค้าอยากรีบแลกก่อนที่มันจะหมด เป็นการกระตุ้นให้พอยท์กลับคืนมาในธุรกิจได้เป็นอย่างดี และอย่างที่เราแอบเปิดให้ดูไปตอนต้นคือมีระดับของบัตรสมาชิกอยู่ เราสามารถตั้งค่าได้ว่าสมาชิกที่ถือบัตรต่างกันเห็นรางวัลต่างกัน เช่น บัตร Gold อาจจะตั้งค่าให้เห็นสินค้าแบบเดียวกันเลย แต่เราตั้งว่าสมาชิกที่ถือบัตร Gold แลกได้ด้วยจำนวนพอยท์ที่น้อยกว่าได้เช่นกัน
คูปองโปรโมชัน จะเลือกได้ว่าจะเป็นรางวัลหรือจะเป็นส่วนลด จะใช้เมื่อร้านค้าต้องการทำโปรโมชันกระตุ้นการขายให้ลูกค้ากลับมาในธุรกิจอีกครั้ง จุดเด่นของคูปองตัวนี้คือ กลุ่มเป้าหมายที่จะแลกคูปองนี้ เราสามารถกำหนดได้ละเอียดมาก ๆ สมาชิกกลุ่ม RFM - recency, frequency, monetary คือ กลุ่มลูกค้าที่ PointSpot จะเก็บพฤติกรรมการซื้อสินค้าของเขาไว้ โดยอิงจาก ความใหม่ ใช้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่, ความถี่ ซื้อบ่อยแค่ไหน, และจำนวนเงินที่เขาใช้ในการซื้อของ บางคนไม่ได้ซื้อบ่อยแต่ซื้อทีหนึ่งเป็นสินค้าราคาแพง ภายในก็จะมีการแบ่งเป็นกลุ่มต่าง ๆ 10 กลุ่มโดยอัตโนมัติ ซึ่งกลุ่ม Champion ก็จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ดีที่สุด คือ มีทั้ง 3 ค่านั้นสูง สำหรับการใช้สมาชิกกลุ่ม RFM ในการกำหนดเป้าหมายจะช่วยให้เราส่งโปรโมชันไปให้ลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างถูกต้อง เช่น กลุ่ม Loyalty, Champion ใช้บริการบ่อยและซื้อเยอะอยู่แล้ว ดังนั้น โปรโมชันที่ถูกใจอาจจะเป็นส่วนลด 50% แต่สำหรับกลุ่มล่าง ๆ เช่น About to sleep นาน ๆ จะกลับมาซื้อสักที อาจจะเป็นการสร้างโปรโมชันที่ดึงดูดให้เขากลับมาใช้ คูปองลดทันที 200 บาท เมื่อซื้อสินค้าภายในวันที่… ด้วยกรอบเวลาก็จะทำให้ลูกค้ามีโอกาสที่จะกลับมาใช้งานบ่อยมากขึ้นกลุ่มบัตรสมาชิก - บัตรสมาชิกจะเป็นเรื่องที่แล้วแต่ว่าธุรกิจจะนำไปใช้ในลักษณะไหนบ้าง อาจใช้แบบทั่วไป หรือ ใช้เป็นการสมัครสมาชิกรายเดือน แล้วให้โปรโมชันที่ต่างกันไปตามกลุ่มบัตรให้เป็นส่วนลดหรือรางวัลในเดือนเกิดของสมาชิกก็ได้ สำหรับการให้สมาชิกของธุรกิจจะเป็นการให้แบบเจาะจงรายบุคคลไป หรืออย่างกรณี สมาชิกเพิ่งอัปเกรดบัตรสมาชิก แต่รันโปรโมชันไปแล้ว เราอาจจะส่งให้เขาเป็นกรณีพิเศษเลือกตามกลุ่มป้ายสมาชิก อย่างป้ายสมาชิก ถ้าเราระบุเป็นกลุ่มสินค้า เช่น คอร์สเรียนทำอาหาร เราอาจจะส่งเป็นโปรโมชันส่วนลดคอร์สเรียนทำอาหาร 2 ให้เฉพาะกับคนกลุ่มนี้ ไม่จำเป็นต้องส่งให้ทุกคนสำหรับคูปองต้อนรับจะเป็นคูปองที่สมาชิกทุกคนได้รับทันทีที่สมัครเข้ามา อาจจะกำหนดเป็นแบบฟิกเลยว่าทุกคนเข้ามาจะได้แบบนี้ หรือ กระตุ้นการสมัครสมาชิก เช่น สมัครช่วงนี้รับฟรีของรางวัล คูปองแนบท้าย อาจจะอธิบายให้เห็นภาพชัด ๆ เวลาเราไปซื้อของในห้างหรือร้านสะดวกซื้อ หลายครั้งจะมีคูปองแนบมาท้ายใบเสร็จ ส่วนลด 5 บาทเมื่อซื้อสินค้าประเภท A หรือ เมื่อซื้อครบ 100 บาทในครั้งถัด รับฟรีเครื่องดื่ม สำหรับใน PointSpot เมื่อมีการซื้อและส่งพอยท์ให้ลูกค้า เราก็สามารถแนบส่วนนี้ไปให้เขาได้เลย เป็นการกระตุ้นให้เขากลับมาซื้อของในครั้งถัดไป คูปองแจกฟรี ก็จะคล้าย ๆ โปรโมชันที่แจกให้และทำให้ลูกค้ากลับมาในธุรกิจอีกครั้ง หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่ามันมีข้อดีอย่างไร อย่างกรณีที่ร้านเราขายสินค้าหลายประเภท เราแจกชิ้นนี้ แต่เราก็มีโอกาสได้ขายสินค้าชิ้นอื่นเพิ่มเติมให้กับเขาได้เช่นกัน หรือจะใส่เงื่อนไขการใช้งาน เช่น แลกฟรีเมื่อซื้อครบ 500 บาท Gift Voucher จะเป็นลักษณะแบบที่แทนเงินสดมูลค่า 500 บาท แต่ลูกค้าซื้อเก็บไว้ได้ในราคาถูกกว่า ราคา 400 บาท ส่วนนี้จะใช้พอยท์แลกไม่ได้ ตัว Gift Voucher จะเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มกระแสเงินสดในธุรกิจอย่างรวดเร็ว ทั้ง 6 รูปแบบนี้ ครอบคลุมเพียงพอในการสร้างโปรโมชันหลากหลายรูปแบบออกมา ปรับแต่งและเลือกกลุ่มเป้าหมายเองได้ นี่เป็นข้อดีข้อใหญ่อีกข้อหนึ่งของ PointSpot
5. สร้างฐานลูกค้าใหม่จากลูกค้าเก่าด้วย Friend get Friend การทำ Loyalty Program นั้นมีอยู่หลายรูปแบบ อีกหนึ่งรูปแบบที่นิยมใช้กันคือ การสร้าง Referral Program ให้ผู้ใช้เก่าได้บอกต่อและดึงผู้ใช้ใหม่ให้เข้ามาใช้งาน ทั้งคู่จะรางวัลจากระบบไป
ปัญหาอยู่ที่นอกจากเราจะมีระบบสะสมแต้มแบบใช้กระดาษแล้ว ถ้าอยากจะมี Referral Program มาหนุนอีกที อาจจะต้องใช้เครื่องมือเพิ่มเข้ามาอีก เช่น Viral loops , Referralcandy
ภาพจาก PointSpot
แต่บน PointSpot มีฟีเจอร์ Friend get Friend ที่ลูกค้าของร้านค้าสามารถชวนเพื่อนมาใช้งานบนแพลตฟอร์มของ PointSpot ได้ พร้อมกับตั้งเงื่อนไขได้ ว่าจะทำ Referral Program สำเร็จตั้งแต่สมัครใช้งานเลยหรือว่าต้องมีการใช้งานคูปองอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนจึงจะได้พอยท์ไป วิธีนี้จะนำไปสู่การใช้งานของลูกค้าที่ซื้อสินค้าเพื่อเก็บพอยท์สะสมอีกต่อหนึ่ง
นอกจากทางร้านจะได้ขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มแล้ว ยังสร้าง Loyalty ให้กับลูกค้าเก่า เพราะ ตามปกติของ Referral Program ลูกค้าเก่าและใหม่จะได้รับรางวัลทั้งคู่ ในที่นี้คือแต้มที่จะได้เพิ่มให้พิเศษนั่นเอง
รวมถึงสามารถ integrate ความสนุกโดยสะสมแต้มร่วมเพื่อใช้แลกของด้วยกันได้ (ในกรณีที่ทางร้านเปิดให้โอนแต้มให้เพื่อนได้ แล้วแอคเคาท์ของคนใดคนหนึ่งแลก)
6. รายงานสรุป นำ Data มาต่อยอดในธุรกิจได้ง่ายยิ่งขึ้น PointSpot มีรูปแบบรายงานให้ค่อนข้างเยอะ โดยอิงจากคะแนนสะสม, พฤติกรรมการใช้งานของสมาชิก, ประวัติส่วนตัวสมาชิก, การกลับมาใช้งานซ้ำของสมาชิก และอื่น ๆ
อย่างที่ได้บอกไปว่าการเก็บข้อมูลไว้ เป็นสิ่งที่บัตรสะสมแบบกระดาษทำไม่ได้ คุณอาจจะนับจากยอดขายได้ว่าวันนี้ขายไปเท่าไร น่าจะเป็นพอยท์เท่าไร แต่เวลาที่ลูกค้ากลับมาใช้เราไม่รู้หรอกว่าใครบ้าง แลกรางวัล แลกส่วนลดไปเท่าไรบ้าง แล้วแต่ละคนชอบสินค้าตัวไหน ถ้าไม่ใช่ลูกค้าประจำจริง ๆ ก็คงจะจำไม่ได้ทั้งหมด ลูกค้าบางคนมาซื้อบ่อย แต่ก็ยังถูกพนักงานให้บริการเหมือนเป็นลูกค้าใหม่ทุกครั้งไป
บน PointSpot จะวิเคราะห์แล้วทำเป็นกราฟให้อีกเองไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัว และรายงานเหล่านี้สามารถส่งเป็นสรุปรายวันให้ในอีเมลได้เลยอัตโนมัติ เมื่อกรอกเบอร์ของลูกค้าในระบุเราจะเห็นข้อมูลของเขาทันที นำเสนอสิ่งที่เขาต้องการให้ได้อย่างรวดเร็ว มอบความประทับใจให้กับลูกค้า โดยรายงานจะมีดังนี้
Points flow - ในแต่ละวันจะมีการสรุปพอยท์ให้ว่ามีการส่งออกและได้กลับคืนมาของพอยท์แต่ละวันในรูปแบบของกราฟ พร้อมให้คำแนะนำทางการตลาดโดยประมวลผลจากสถิติ 30 วันล่าสุดRFM Analysis - แบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการซื้อ การได้รับพอยท์ จากครั้งล่าสุดที่มาใช้ ความถี่ในการมาใช้ และจำนวนเงินที่ใช้ ที่น่าสนใจคือ เจ้ารีพอร์ตตัวนี้แบ่งกลุ่มให้เองโดยอัตโนมัติ และเข้าดูเป็นรายบุคคลได้เลยว่าในแต่ละกลุ่มนี้ คือ ลูกค้าคนไหนบ้างข้อมูลประชากร - กลุ่มลูกค้าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ช่วงอายุเท่าไร ทำให้ทางแบรนด์ก็เลือกใช้กลยุทธ์ให้เหมาะกับกลุ่มของลูกค้าลูกค้าประจำ - มีรายงานบอกการใช้งานของลูกค้า อย่างในเดือนนี้ มีลูกค้าคนเดิมมาใช้งานกี่ครั้ง กี่คน รางวัล/คูปอง - รายงานการแลกรางวัล/คูปองต่าง ๆ เราสามารถนำกลับมาย้อนดูได้ว่าคูปองแบบไหนที่ลูกค้าสนใจแลกกันเป็นพิเศษ อาจจะวนโปรโมชันกลับมาเพื่อกระตุ้นยอดขายได้เต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง หรือ ลดโปรโมชันที่ลูกค้าสนใจน้อยออกไปสินค้า - เมื่อมีการขายสินค้าออกไปและเก็บแต้ม จะมีการเก็บข้อมูลให้ว่าเป็นพอยท์มาจากสินค้าชิ้นไหนบ้าง ข้อมูลส่วนนี้ก็ทำให้คุณใช้ดูได้เช่นกันว่าสินค้าตัวไหนที่ขายไม่ดี หรือ สินค้าตัวไหนถูกกระตุ้นยอดขายจากคูปองได้ดีความพึงพอใจและความเห็น - การเก็บ Feedback จากลูกค้า ทุกครั้งที่ลูกค้าซื้อสินค้าและได้รับพอยท์จะมีการส่ง SMS แจ้งให้ทราบ เป็นลิงก์ที่ลูกค้าสามารถเข้าไปตรวจสอบพอยท์ได้และยังสามารถส่งความคิดเห็นกลับยังธุรกิจได้ด้วย เช่น วันนี้อาหารอร่อยมาก, แอร์ที่ฟิตเนสเสีย, พนักงานชื่อ… บริการไม่ดี Feedback คือ กุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเรียนรู้ขอผิดพลาด พัฒนาและแก้ไขเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ แต่ถ้าหากเป็นการสะสมแต้มแบบทั่วไป คงยากที่เจ้าของธุรกิจหรือผู้จัดการจะได้รับความคิดจากลูกค้าได้โดยตรง
7. การใช้งานจากฝั่งลูกค้า สำหรับการใช้งานด้านลูกค้า จะใช้งานง่าย ๆ เพียงทางร้านปรินท์คิวอาร์โค้ด PointSpot ของร้านค้าออกมาจากโปสเตอร์ธุรกิจ (เป็น QR Code)
หรืออีกวิธีคือตามที่ได้กล่าวไปด้านบน นั่นคือ ให้ลูกค้าเพิ่มเพื่อน Line Official ของร้านค้า
เมื่อสแกน QR Code หรือกดปุ่มสะสมแต้มบน Rich Menu ใน LINE จากนั้นจะขึ้นให้ลูกค้ากรอกเบอร์โทรศัพท์และรหัส OTP ยืนยันเข้าไป หากไม่เคยใช้งาน PointSpot มาก่อนก็จะมีการกรอกข้อมูลส่วนตัว ชื่อ, อีเมล และ วันเกิดเข้าไปด้วย ในหน้านี้ลูกค้าสามารถใช้พอยท์แลกคูปองได้และนำมายื่นที่หน้าร้าน หรือ ใช้ผ่าน R-Web, R-Shop ได้เอง
สำหรับการรับพอยท์ เพียงแจ้งเบอร์โทรกับร้านหรือเปิด QR Code ของตัวเองใน PointSpot และยื่นให้ร้านสแกนก็สามารถรับพอยท์ได้ทันที ต้องบอกว่าในฝั่งของลูกค้าตัวแพลตฟอร์มไม่มีความซับซ้อนเลย แค่สมัครและบอกเบอร์โทรเพื่อสะสมพอยท์เท่านั้น
ด้านของทางร้านให้เข้าที่เมนูส่งพอยท์ หลังจากกรอกเบอร์โทรหรือสแกน QR Code ของสมาชิก จะเข้ามาที่หน้าข้อมูลของสมาชิก จากนั้นกรอกตามบิลของลูกค้าแล้วระบบจะคำนวณพอยท์ให้โดยอัตโนมัติ ส่วนการแนบข้างล่างอาจจะแนบเป็นรูปใบเสร็จหรือคูปองแนบท้ายได้
ราคา PointSpot เริ่มต้นใช้งานได้ฟรี โดยจะจำกัดสมาชิก 20 รายและทำรายการได้ 20 ครั้งต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งรายการนี้จะนับจากการทำรายการผ่าน SMS ทั้งการยืนยันสมัครสมาชิก การส่งคูปอง การออกบัตร
Premium Package ราคา 1,490/เดือน มีสมาชิกได้ 3000 คน ทำรายการได้ 1000 รายการ จะมีเพิ่มเรื่อง
สามารถตั้งชื่อผู้ส่ง SMS ได้ ใส่ Premium ID ให้กับธุรกิจได้ ตั้งค่าให้สมาชิกโอนพอยท์ให้เพื่อน ใช้งานคูปองต่างทั้ง ๆ ทั้งคูปองโปรโมชั่น, คูปองแนบท้าย, บัตรกำนัล สามารถดูรายงานเพิ่มเติมอย่าง รายงานลูกค้าประจำ และรายงานประวัติรายการโดยผู้ดูแลระบบได้ มีเกมวงล้อ Gold ราคา 2,990 บาท/เดือน จะเพิ่มเรื่อง
การให้พอยท์รายสินค้าสำหรับธุรกิจที่ต้องการตั้งเงื่อนไขการให้พอยท์ที่ต่างกัน สมาชิกไม่จำกัดจำนวน รองรับการทำรายการถึง 2000 รายการต่อเดือน ในแพ็กเกจ Premium และ Gold หากมีสมาชิกหรือการทำรายการเกินที่กำหนด จะมีค่าบริการเพิ่มเติมต่อสมาชิกที่เพิ่มหรือต่อรายการ 60 สตางค์
มีค่าบริการส่วนเสริมสำหรับการบรอดแคสต์ผ่าน SMS หรือใช้ทำ SMS Marketing โดยเริ่มต้นที่ข้อความละ 1.20 บาท
หากเราไม่ได้จำเป็นต้องใช้ฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมมาใน Gold เลือกใช้เป็น Premium และคำนวณเพิ่มจากรายสมาชิกก็ได้ อย่างสมมติ ณ ปัจจุบันมีสมาชิก 3500 คน จำนวนคนที่เกินแพ็กเกจมา 500 คนคิดเป็น 300 บาทเท่านั้น ธุรกิจไม่จำเป็นต้องอัปทั้งแพ็กเกจขึ้นไปยัง Gold แต่จ่ายเท่าที่ใช้ก็ได้
ดูรายละเอียดราคาเพิ่มเติมได้ที่นี่
ข้อเด่นและข้อด้อย ข้อเด่น เป็นการทำการตลาดที่ลงทุนต่ำ ถึงแม้ว่าจะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของรางวัลและการให้ส่วนลด แต่จากสถิติแล้วการทำการตลาดกับลูกค้าประจำจะถูกกว่าการมองหาลูกค้าใหม่อยู่เรื่อย ๆ ถึง 5 เท่า แต่มีโอกาสขายได้กว่า 80% ลูกค้าใช้งานง่าย ไม่ต้องห่วงเรื่องบัตรหาย บอกแค่เบอร์ก็สะสมแต้มได้ทันที ร้านไม่ต้องลงทุนค่าบัตรกระดาษ ระบบไม่ซับซ้อน ฝั่งธุรกิจสร้างโปรโมชันเองได้สบาย ๆ และยืดหยุ่นในการปรับแต่งโปรโมชันเอง เลือกกลุ่มลูกค้าที่จะส่งโปรโมชันได้ รวมถึงเก็บข้อมูลลูกค้าให้ การมี Data ซัพพอร์ตทำให้การทำการตลาดมีประสิทธิภาพและหวังผลได้จริง ช่วยกระตุ้นการกลับมาซื้อซ้ำ มี Referral Program ชวนเพื่อนของลูกค้าให้มาสมัคร ทำให้ธุรกิจต่อมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ไม่ต้องลงทุนสูงหรือสร้างแคมเปญใหญ่ ๆ เก็บฟีดแบ็กจากลูกค้าได้โดยตรง นำกลับมาปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจได้ทันที ไม่จำเป็นต้องลงแอปพลิเคชันโดยตรง สามารถเพิ่มเว็บบนเมนูในโทรศัพท์ได้เลย มีระบบสกรีนสมาชิกที่พัฒนามาให้ตอบโจทย์ธุรกิจ เวลาสมาชิกสมัครใช้งานผ่านระบบของ PointSpot จะต้องผ่านการอนุมัติจากแอดมินก่อน ข้อด้อย มีเรื่องจุดปักหมุดธุรกิจ ตอนยืนยันเราต้องปักแสดงตำแหน่งของธุรกิจ โดยที่จิ้มแล้วปักเอง ส่วนนี้น่าจะพัฒนาเพิ่มเติมให้สามารถเสิร์ชได้ การเชื่อมต่อกับ R-CRM ที่ยังไม่ซัพพอร์ตจุดนี้ ส่วนนี้มองว่าระบบ Ecosystem ของ Readyplanet ที่เชื่อมต่อกัน อย่าง PointSpot สามารถเชื่อมกับ R-Web และ R-Shop ได้ ถ้าสามารถเชื่อม R-CRM ได้ด้วย น่าจะทำให้การบริหารลูกค้าสัมพันธ์และการเก็บ Data ต่าง ๆ อยู่ใน Loop เดียวกันและทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น สรุป หลังจากที่เราได้ทดลองใช้งาน PointSpot เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องวางระบบอะไรซับซ้อนและสามารถสร้างโปรโมชันจากคูปองและของรางวัลได้หลายรูปแบบมาก ๆ สิ่งที่สำคัญคือการใช้งานที่นอกจากจะง่ายต่อหลังบ้านแล้ว ยังสะดวกสบายต่อผู้ใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ The Growth Master เชื่อว่ามันเป็นคีย์สำคัญเมื่อต้องการให้ผู้ใช้เข้ามามีส่วนร่วมในการใช้บนแพลตฟอร์มของ PointSpot และนำไปสู่การทำการตลาดที่ประสบความสำเร็จในที่สุด
สำหรับใครที่สนใจทำ Loyalty Program ด้วยการนำระบบสะสมแต้มมาใช้ นี่จะเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ธุรกิจสามารถเริ่มต้นใช้งานได้ทันที ไม่ต้องวางระบบให้วุ่นวาย ทั้งยังมีทีมงานคอยซัพพอร์ตและให้คำปรึกษาอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
Happy Building :)
ช่องทางอัปเดตซอฟต์แวร์กับ The Growth Master ติดตาม Youtube Channel ‘The Growth Master’ และ We Need TOOL Talk ได้ก่อนใคร ไม่พลาดทุกการแชร์ซอฟต์แวร์น่าใช้ที่จะทำให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น
และช่องทางอัปเดตข่าวสารการตลาดที่สดใหม่
Facebook : The Growth Master
Facebook Group : TechTribe Thailand
Blockdit : The Growth Master
Line@ : @thegrowthmaster
===================================
สามารถให้กำลังใจพวกเราได้ผ่านการกดไลก์ กดแชร์ และกดติดตาม รวมไปถึงการสมัครใช้งานผ่านลิงก์ด้านบน โดย The Growth Master จะได้รับค่าแนะนำจากซอฟต์แวร์บางตัวเท่านั้นเมื่อมีการกดสมัครใช้งานซอฟต์แวร์นั้น ๆ