The Growth Master Team
The Growth Master Team ผู้รักในการเรียนรู้ หลงใหลในเทคโนโลยี และแฮปปี้กับการเติบโต
นักเขียน
ทำไมต้อง Affiliate Marketing "การตลาด คือความพยายามทําให้การขายขยายกว้างออกไป และด้วยความรวดเร็วที่สุด" - William J. Stanton ธุรกิจจะสามารถประสบความสำเร็จ ยั่งยืน ยาวนานได้นั้น การตลาดถือเป็นหัวใจสำคัญ ปัจจุบันมีแนวทางการทำการตลาดมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมการขายและเพิ่มยอดขายให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หนึ่งในหลักการตลาดที่สำคัญและน่าจับตามองตอนนี้ก็คือ Affiliate Marketing
รู้หรือไม่? : รายได้จาก Affiliate Marketing เพิ่มขึ้น 10% ทุก ๆ ปี โดยปัจจุบันถือว่าเป็นอุตสาหกรรมระดับโลกที่มีมูลค่ามากกว่า 12 พันล้านดอลลาร์ ถ้าถามว่า Affiliate Marketing คืออะไร หลักการของมันง่ายๆเลยคือการทำการตลาดออนไลน์โดยอาศัยตัวแทนโฆษณา, ตัวแทนจำหน่าย, เซลล์แมน, influencer, หรือใครก็ตาม ให้นำลิงก์เฉพาะบุคคลจากแบรนด์ไปเผยแพร่ เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการ และจะมีค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายสินค้าหรือบริการนั้นๆเป็นผลตอบแทน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: สร้างแบรนด์ให้ดังด้วยพลังของการบอกต่อ
แล้วทำไมแบรนด์ส่วนใหญ่ถึงเลือกที่จะทำ Affiliate Marketing ปัจจุบัน กว่า 81% ของแบรนด์ทั้งหมด ได้มีการทำ Affiliate Marketing กันแล้ว – Truelist คำตอบน่าจะเป็นเพราะเป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว และค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ นั่นก็คือจ่ายให้เฉพาะเมื่อเกิด Conversion ด้วยเหตุนี้เองทำให้ ROI (Return On Investment) ของแบรนด์ดีขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้นวันนี้ The Growth Master เลยอยากมาแนะนำซอฟต์แวร์สำหรับการจัดการ Affiliate Marketing ที่จะมาช่วยให้คุณติดตามการขายให้ง่ายและเป็นระบบขึ้น
นั่นก็คือซอฟท์แวร์ที่มีชื่อว่า ‘Refersion’
ติดตามการขายได้ง่ายขึ้นด้วย Refersion Refersion มีผู้ใช้กว่าหนึ่งล้านบัญชี สองแสนออเดอร์ต่อวัน และได้รับการยอมรับจากกว่าสองพันบริษัททั่วโลก Refersion คือ ซอฟต์แวร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดตามการขายจากการทำการตลาดแบบ Affiliate ซึ่งเจ้าซอฟต์แวร์นี้มีประโยชน์ทั้งกับฝั่งแบรนด์และฝั่งผู้ช่วยขายเลย
แบรนด์สามารถสร้างลิงก์ ติดตามผล เช็กยอดขาย จ่ายค่าคอมมิชชั่น ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ และสรุปรายงานผลการดำเนินงาน เพื่อนำไปประเมินและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด
ในขณะที่ผู้ช่วยขายสามารถสร้างลิงก์เป็นของตัวเองเพื่อนำไปเผยแพร่ นำ lead ไปยังเว็บไซต์ ติดตามยอดขาย และเช็กค่าคอมมิชชั่นที่จะได้รับได้อีกด้วย เรียกได้ว่า Refersion รวมทุกฟังก์ชั่นที่จำเป็น ครบจบในโปรแกรมเดียว
ทั้งนี้ไม่ว่าธุรกิจคุณจะเล็กหรือใหญ่ Refersion เหมาะกับธุรกิจทุกขนาด หรือไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมไหน ก็สามารถนำ Refersion ไปปรับใช้ได้เช่นกัน
หากคุณมีร้านค้าออนไลน์ Refersion นี้แหละจะช่วยเอื้อให้ธุรกิจคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้น และยังสามารถเปลี่ยนลูกค้าเป็นพันธมิตรช่วยขายได้อีกด้วย
ตัวอย่างบริษัทที่ได้มีการนำ Refersion ไปใช้แล้วก็อย่างเช่น Bosch, Webflow, Performix, Ofra, Puravida, De Beers, Steelseries, และ Dxracer เป็นต้น
ภาพจาก enlyft
จากสถิติของ Enlyft จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมที่มีการนำ Refersion ไปใช้มากที่สุดคือกลุ่มธุรกิจค้าปลีก คิดเป็น 14%, กลุ่มสุขภาพและฟิตเนส 9%, กลุ่มเครื่องแต่งกายและแฟชั่น 8% และกลุ่มเครื่องอุปโภคและบริโภค 7% ฟีเจอร์และการใช้งานหลัก ลงทะเบียนง่ายๆภายใน 6 นาที เริ่มต้นใช้งาน Refersion ที่นี่
การลงทะเบียนสร้าง Account ของแบรนด์ที่ต้องการทำ Affiliate program โดย Refersion สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม Shopping cart และแอปพลิเคชั่น ซอฟต์แวร์อื่นๆที่เป็นพาร์ทเนอร์กัน อย่างเช่น Google Analytics, Zapier, Shopify, WooCommerce เพื่อสามารถที่จะติดตามการขายจากเว็บนั้นๆ หรือถ้าสมมติเรามีเว็บไซต์เป็นของแบรนด์เราเอง เราก็สามารถสร้าง subdomain ของเราและเชื่อมต่อได้เลยเหมือนกัน
ภาพจาก capterra หลังจากเชื่อมต่อและกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับแบรนด์แล้ว เราจำเป็นต้องตั้งค่าการคิดราคา commission ด้วย โดยเราสามารถตั้งได้ว่าจะจ่ายให้เป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย หรือ ราคาคงที่ก็ได้
นอกจากนี้ยังสามารถตั้งได้ว่าให้อนุมัติการจ่าย affiliate อัตโนมัติเลยไหม แต่ขอแนะนำให้ตั้งเป็น ‘No’ เพราะบางทีหากลูกค้ากดสั่งซื้อผ่านลิงก์นั้นๆก็จริง แต่มีการยกเลิกคำสั่งซื้อทีหลังหรือมีการขอเคลมคืนต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง
นั่นแสดงว่าเราจะไม่ได้รายได้จากคำสั่งซื้อนี้ ดังนั้นค่าคอมมิชชั่นของคำสั่งซื้อนี้ถือเป็นโมฆะ และจะไม่มีการจ่ายออกไป
ขั้นสุดท้ายของการลงทะเบียน คือ การสร้างหน้าเว็บสำหรับให้ผู้ช่วยขายเข้ามาลงทะเบียนสมัครเป็นตัวแทนการขายของแบรนด์เรา โดยเราสามารถปรับแต่งสีและโลโก้ ให้เข้ากับสไตล์ของแบรนด์ได้เลย
หลังจากผู้ช่วยขายได้สมัครเข้ามาผ่านหน้าลิงก์นั้นๆแล้ว เราในฐานะคนดูแลหรือเจ้าของแบรนด์มีสิทธิ์กำหนดได้ว่าจะรับหรือไม่รับก็ได้ ถือเป็นการคัดกรองเบื้องต้น และควบคุมกำหนดปริมาณผู้ช่วยขาย
เริ่มต้นใช้งาน ก่อนอื่นเลย แบรนด์สามารถเริ่มใช้งานโดยการรับผู้ช่วยขายที่จะนำลิงก์ของเราไปเผยแพร่ โดยคัดลอกลิงก์จาก Dashboard > Affiliate Sign-up เพื่อให้ผู้ช่วยขายไปลงทะเบียนได้เลย
ถัดมาคือการติดตามผล แบรนด์สามารถดูผลการดำเนินงานได้ที่หน้าหลัก Dashboard โดยโปรแกรมจะแสดงในรูปแบบกราฟ และเขียนสรุปให้ว่า เราได้รายได้จากการทำ Affiliate Marketing ทั้งหมดเท่าไหร่ คิดเป็นค่าคอมมิชชั่นเท่าไหร่ และเกิดเป็น Converison rate เท่าไหร่ ช่วยให้เราเข้าใจเทรนด์และภาพรวมได้ดียิ่งขึ้น
ภาพจาก stripe แถบ Manage จะช่วยให้เราจัดการและดูรายละเอียดที่ลึกลงไป เช่น ดู Conversion ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา, ดู Affiliate หรือผู้ช่วยขายเป็นรายบุคคล ว่าคนนี้ทำงานเป็นอย่างไร ได้ค่าคอมมิชชั่นไปเท่าไร จ่ายให้แล้วหรือยัง เป็นต้น
ส่วน Channel จะช่วยให้เราจัดการช่องทางการติดต่อต่างๆ ทั้งลิงก์, อีเมลล์, Marketplace, และการดูแลหลังการขาย
อัปเดตทุกรายละเอียด ผ่านสรุปรายงานการติดตาม ในส่วนของ Reporting แบรนด์สามารถดูข้อมูลเชิงลึกและ export ข้อมูลเหล่ามาเป็นรายงานในรูปแบบ .CSV file ส่งผ่านทางอีเมลล์ โดยข้อมูลสามารถดูได้ 4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่
ภาพจาก refersion
Affiliate หรือการดูรายละเอียดของผู้ช่วยขาย โดยจะเน้นดูประสิทธิภาพการทำงาน เช่น ใครมี Conversions ดีหรือแย่ที่สุด แล้วเราสามารถนำข้อมูลตรงนี้มาใช้จัดสรรทรัพยากรบุคคลและงบที่มีเพื่อที่จะได้ปรับปรุง ROI ให้ดีขึ้น ถ้าหากจำนวนผู้ช่วยขายที่เรามีนั้นเยอะเกินไป ทำให้ดูยาก เราสามารถตั้ง SubID เพื่อจัดกลุ่มผู้ช่วยขาย และเลือก Search Criteria ให้การค้นหาง่ายขึ้นOffer หรือการดูข้อเสนอที่แบรนด์เราได้เสนอไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และดูผลตอบรับที่ได้กลับมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง อาจใช้เปรียบเทียบได้ว่าแบรนด์ควรใช้ข้อเสนอไหนถึงให้ประสิทธิภาพดีที่สุด Creative หรือการใช้งานกราฟฟิค รูปภาพต่างๆ หรือ แบนเนอร์(Banner) มาจูงใจให้เกิดการกดคลิ๊กเข้าไปดู ซึ่ง Reporting จะช่วยบอกว่าแบนเนอร์ใดมีจำนวนคลิกมากที่สุด เกิดการซื้อเยอะที่สุด เมื่อเปรียบเทียบในหลายๆแบบ หลายๆดีไซน์ และสุดท้ายแบรนด์จะได้นำ insight ตรงนี้ไปปรับปรุงSKU (Stock Keeping Unit) หรือการดูโดยใช้หน่วยสินค้า อาจมีการให้เรทราคาคอมมิชชั่นพิเศษในสินค้าเฉพาะอย่าง เช่น ในรายงานจะช่วยชี้ว่าสินค้าใดถูกขายไปมากที่สุดโดยผู้ช่วยขาย และหากชิ้นใดขายได้น้อย ทางแบรนด์สามารถเพิ่มค่าคอมมิชชั่นเพื่อกระตุ้นให้ผู้ช่วยขายโฟกัสไปที่สินค้านั้น และช่วยเพิ่มยอดขายสินค้านั้นทั้งนี้ เราสามารถตั้งค่าให้มีการดึงรายงานอัตโนมัติได้ โดยไปที่ Report setting และเลือกแบบ Recurring เพียงเท่านี้ก็จะมีรายงานส่งเข้าอีเมลเราอัตโนมัติตามเวลาที่ตั้งไว้
คอมมิชชั่นและการชำระเงิน ตามที่ได้บอกไปในขั้นตอนการสมัครแล้วนั้นว่าการคิดคอมมิชชั่นมีทั้งแบบเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย, ราคาคงที่ต่อคำสั่งซื้อ และราคาคงที่ต่อสินค้า
แต่อีกรูปแบบของการจ่ายคอมมิชชั่นนั่นก็คือ การคิดราคาแบบเป็นขั้น (Tiered Structure) โดยแบ่งเป็นตามจำนวนยอดขาย (Affiliate sales) หรือตามจำนวนออเดอร์ที่ขายได้(Conversion counts) แต่หลักๆคือยิ่งขายได้มาก ยิ่งได้มาก จึงเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้ช่วยขายขยันขายมากขึ้น
เพื่อให้เห็นภาพ Tiered Structure ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้านับแบบ Conversions Counts ขายได้ 10-20 ชิ้น จะได้ค่าคอมมิชชั่น 10% แต่หากขายได้ถึง 20-30 ชิ้น ได้เพิ่มเป็น 15% เป็นต้น โดยการคำนวณจะคิดจากยอดทั้งหมดในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ตั้งแต่ 1 วัน 1 ปี ไปจนถึงตลอดชีพ
ภาพจาก refersion
ภาพจาก capterra ทีนี้มาดูกันว่ามีวิธีไหนในการที่เราสามารถจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้แก่ผู้ช่วยขายของแบรนด์เราได้บ้าง
ถ้าเราเข้าไปที่หน้า Payment จะเห็นได้ว่าเราสามารถดูยอดค้างชำระที่ต้องจ่ายให้กับผู้ช่วยขาย และเมื่อกดเข้าไป เราสามารถเลือกได้เลยว่าจะจ่ายให้ในรูปแบบใด ไม่ว่าจะเป็นจ่ายผ่าน Paypal, Giftcard, หรือโอนแยกต่างหากก็ได้
ไม่ใช่เจ้าของแบรนด์ ก็ใช้ Refersion ได้ เริ่มต้นใช้งาน Refersion ที่นี่
ผู้ช่วยขายสามารถสมัครเป็นตัวแทนได้ง่ายๆเพียงไปลงทะเบียนในลิงก์ที่แบรนด์เปิดรับสมัคร โดยในหน้าลงทะเบียนนั้นจะมีแจ้งตั้งแต่ต้นเลยว่า ผู้ช่วยขายจะได้ค่าคอมมิชชั่นเท่าไหร่เพื่อชี้แจงให้ชัดเจนกันไปเลย เมื่อกรอกรายละเอียด สมัครเรียบร้อย รอทางแบรนด์อนุมัติ หลังจากนั้นผู้ช่วยขายจะได้รับเลขประจำตัว รวมถึง Referral link หรือลิ้งก์ประจำตัวสำหรับนำไปเผยแพร่ให้ลูกค้ากดผ่านลิงก์นั่นเอง
ภาพจาก Bigcommerce ผู้ช่วยขายสามารถสร้างลิงก์ affiliate แบบเจาะจงมากขึ้นเองได้ ด้วยฟีเจอร์ ‘Create Link To A Specific Page’ เช่น แบรนด์มีคอลเลคชั่นพิเศษลาย Harry Potter แล้วต้องการเฉพาะสินค้านี้ไปโพสต์ขายลงกลุ่มเฟซบุ๊กคนรัก Harry Potter (แทนที่จะเป็นลิงก์รวมสินค้าทุกอย่างของแบรนด์นั้นๆ) เป็นต้น
ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานของทางผู้ช่วยขายภายในโปรแกรมก็จะคล้ายกับฝั่งแบรนด์เลย เพราะสามารถเช็กยอดคอมมิชชั่น ดูรายละเอียด และดึงสรุปรายงานได้เหมือนกัน
จริงๆแล้วผู้ช่วยขาย 1 คน สามารถสมัครเป็นตัวแทนทีเดียวหลายๆบริษัทได้ โดยไม่จำเป็นต้องสมัครแยกหลายบัญชี ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ช่วยขายหนึ่งคนได้รับรายได้หลายทางอย่างไม่จำกัด รวมถึงช่วยให้แบรนด์มีโอกาสได้ผู้ช่วยขายมากประสบการณ์ด้วย
มาต่อกันที่ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ความพิเศษของ Refersion คือ หากลูกค้าเคยเข้าลิงก์จากผู้ช่วยขาย ไปครั้งหนึ่งแล้ว มันจะมีการติดตั้ง คุ้กกี้(Cookie) บนหน้าบราว์เซอร์ของลูกค้าเป็นเวลา 30 วัน นั่นแสดงว่าถ้าลูกค้าเข้าใช้เว็บไซต์อีกครั้งภายใน 30 วัน ถึงแม้จะเสิร์ชหาลิงก์เองก็ตาม ไม่ได้กดผ่านลิงก์ของผู้ช่วยขาย เจ้าคุ้กกี้ก็จะยังคงติดตามการซื้ออยู่
ดังนั้นผู้ช่วยขายก็วางใจได้เลยเพราะคุณจะได้ค่าคอมมิชชั่นเหมือนเดิม แม้ลูกค้าไม่ได้กดซื้อในทันทีที่เข้าเว็บไป
นอกจากนี้ ในกรณีที่แบรนด์ต้องการหาพันธมิตรเพื่อช่วยกระจายสินค้ามากขึ้น แต่ไม่รู้ว่าควรไปหาจากไหน
ทาง Refersion ก็ได้ช่วยสร้าง Community ที่เรียกว่า Refersion Marketplace ขึ้นมา เพื่อเชื่อมธุรกิจที่ต้องการคนช่วยกระจายสินค้า กับผู้ช่วยขายหรือนักการตลาดที่อยากทำเข้าด้วยกัน วินวินกันทั้งสองฝ่ายเลย
ภาพจาก refersion หากพูดถึงการใช้งานลิงก์ บางทีการกดผ่านลิงก์อย่างเดียวอาจยังไม่ตอบโจทย์ ทางซอฟต์แวร์เลยมีทางเลือกเสริมให้ได้เลือกใช้กัน เรียกว่า Conversion Trigger ที่จะสามารถติดตามการขายและนำมาคิดคอมมิชชั่นได้เหมือนกัน เพียงแต่มาในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งได้แก่
Coupon code หรือการใช้คูปองโค้ด ผู้ช่วยขายแต่ละคนจะได้รับโค้ดเป็นของตัวเอง และหากลูกค้าสั่งซื้อสินค้าและกรอกโค้ดนี้ไป ผู้ช่วยขายคนนั้นๆก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากยอดซื้อนี้ การใช้คูปองโค้ดนี้มีข้อดีคือ มันเหมาะกับการทำ Affiliate บนแพลตฟอร์ม Social media โดยเฉพาะ Instagram ที่การแนบลิ้งก์ไม่สะดวกสักเท่าไหร่ ซึ่งเราอาจเคยเห็นวิธีนี้กันมาแล้วบ้างผ่านทาง Influencer หลายๆคนE-mail โดยผู้ช่วยขายสามารถส่งอีเมลล์ของลูกค้ามาให้ทางแบรนด์ แล้วทางแบรด์จะส่งอีเมลล์ไปหาลูกค้าโดยตรง หากลูกค้าสั่งซื้อ ผู้ช่วยขายก็จะได้รับเครดิตนี้ไป วิธีนี้เหมาะกับผู้ช่วยขายที่มีเครือข่ายลูกค้าที่ค่อนข้างสนิท เข้าใจลูกค้าเป็นอย่างดี และลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าและบริการที่เสนอไป SKU หรือการใช้หน่วยที่จำแนกประเภทสินค้า โดยผู้ช่วยขายจะได้ส่วนแบ่งเมื่อสินค้านั้นๆขายออก แพ็กเกจราคา แต่ละแพลนราคาเท่าไร และเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ถึงแม้ Refersion นั้นไม่มีเวอร์ชั่นฟรีแต่ก็มีช่วงทดลอง 14 วันให้ได้ลองใช้กัน ส่วนค่าบริการของ Refersion นั้นเริ่มที่แพลน Professional ราคาสุทธิ $80 ต่อเดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติม
ด้วยราคาเท่านี้ เราสามารถติดตามการขายได้มากถึง 130 รายการต่อเดือนเลยทีเดียว แพลนนี้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่มีออเดอร์หลักร้อยนิดๆ และการติดตามการขายที่ไม่ได้ซับซ้อนมาก
หรือถ้าใครมีออเดอร์เยอะ แล้วต้องการการติดตามการขายแบบ Unlimited อาจจะต้องอัพเกรดเป็นแพลน Enterprise แทน แต่ราคาก็จะแตกต่างกันไปเพราะต้องติดต่อกับฝ่ายขายของทางซอฟต์แวร์เอง
นอกจากจำนวนออเดอร์แล้ว แพลน Enterprise ยังสามารถกำหนดการติดตามได้แบบตั้งค่าเฉพาะเอง สำหรับดูข้อมูลเชิงลึกและ insight แพลนนี้จึงเหมาะกับธุรกิจขนาดกลางไปจนขนาดใหญ่ มีพาร์ทเนอร์เยอะและเครือข่ายกว้างขวาง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะแพลนไหน Refersion สามารถใช้ Conversion Trigger ได้ทั้ง 3 รูปแบบคือคูปองโค้ด อีเมลล์และ SKU รวมถึงใช้บริการ Refersion Marketplace เพื่อหาผู้ช่วยขายได้เหมือนกัน
ในกรณีที่เราไม่มีแบรนด์แต่อยากสมัครเป็นผู้ช่วยขายของแบรนด์ในตลาด เราไม่จำเป็นต้องเสียค่าสมัครใดๆ เรียกได้ว่างานนี้นอกจากฟรีแล้ว ยังทำเงินได้อีกด้วย!
ข้อดีข้อเสีย ข้อดี คือซอฟต์แวร์ถูกสร้างมาเพื่อจุดประสงค์การติดตามการขายโดยเฉพาะ ฟังก์ชั่นการใช้งานที่จำเป็นต้องใช้จึงมีครบและจบภายในซอฟต์แวร์เดียว ทำให้ง่ายต่อการจัดการของทั้งแบรนด์และผู้ช่วยขาย นอกจากนี้การจ่ายค่าคอมมิชชั่น ก็สามารถทำได้ผ่านทางซอฟต์แวร์โดยตรงเลย สุดท้ายคือตัวรีพอร์ทหรือรายงาน ที่ถูกออกแบบมาให้อ่านง่าย และข้อมูลก็อัปเดต real-time ด้วย
ในขณะที่ข้อเสีย คือเรื่องของราคา เพราะราคาเริ่มต้นนั้นค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับซอฟต์แวร์ในหมวด Affiliate ตัวอื่นๆ อย่าง LeadDyno หรือ Affiliatly ที่ราคาถูกกว่า แต่ก็แลกมาด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่น้อยกว่าตามราคา อีกเรื่องคือเรื่องการตั้งอัตราค่าคอมมิชชั่น เพราะ Referral Link 1ลิงก์ มีการคิดค่าคอมมิชชั่นได้เพียงแบบเดียวเท่านั้น
ดังนั้น ใครที่ต้องการให้ค่าคอมมิชชั่นต่างกันในแต่ละผู้ช่วยขายแต่ละคน ก็อาจต้องแยกเป็นหลายลิงก์ จึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไร
เริ่มต้นใช้งาน Refersion ที่นี่
สรุปทิ้งท้าย Affiliate Marketing คือการทำการตลาดที่เน้นอาศัยนายหน้าหรือผู้ช่วยขายมาช่วยโปรโมทสินค้าและบริการ ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเพิ่มยอดขาย ดังนั้นแบรนด์ไหนที่สนใจและกำลังมองหาโปรแกรมที่ช่วยจัดการให้การทำการตลาดแบบ Affiliate ง่ายขึ้น รวมถึงมีเครื่องมือให้เลือกใช้ครบทุกฟังก์ชั่นที่จำเป็น Refersion เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจและน่าจะตอบโจทย์ของคุณได้เป็นอย่างดี ส่วนนักการตลาดแบบ affiliate หรือผู้เผยแพร่คนไหนที่สนใจจะช่วยและต้องการค่าคอมมิชชั่นตอนแทน ก็สามารถใช้โปรแกรมนี้ได้เช่นกัน
ช่องทางอัปเดตซอฟต์แวร์กับ The Growth Master ติดตาม Youtube Channel ‘The Growth Master’ และ We Need TOOL Talk ได้ก่อนใคร ไม่พลาดทุกการแชร์ซอฟต์แวร์น่าใช้ที่จะทำให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น
และช่องทางอัปเดตข่าวสารการตลาดที่สดใหม่
Facebook : The Growth Master
Facebook Group : TechTribe Thailand
Blockdit : The Growth Master
Line@ : @thegrowthmaster
สามารถให้กำลังใจพวกเราได้ผ่านการกดไลก์ กดแชร์ และกดติดตาม รวมไปถึงการสมัครใช้งานผ่านลิงก์ด้านบน โดย The Growth Master จะได้รับค่าแนะนำจากซอฟต์แวร์บางตัวเท่านั้นเมื่อมีการกดสมัครใช้งานซอฟต์แวร์นั้น ๆ