อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีครับ ตอนนี้คือช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเจ้าของธุรกิจต่าง ๆ รวมไปถึงนักการตลาด เพราะสถานการณ์ไวรัสโคโรน่ามันส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทุกประเภทจริง ๆ
และสิ่งที่ทำให้ธุรกิจควรกังวลคือ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสถานการณ์มันจะดีขึ้นเมื่อไร หรือจะเลวร้ายลงไปกว่าเดิมไหม ซึ่งความกังวลนี้แหละที่เป็นตัวแปรสำคัญซึ่งส่งผลต่อทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่จากเดิมต้องเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศกลับต้องมานั่งทำงานที่บ้านแทน และยังสะท้อนไปถึงพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยด้วย ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้จึงไม่ค่อยมีใครอยากใช้จ่ายเงินมากเท่าไรนัก
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น จึงส่งผลให้เจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดยากที่จะตัดสินใจว่าควรทำอย่างไรดีในตอนนี้ เราควรหยุดการตลาดและการโฆษณาไว้ชั่วคราวไหม หรือถ้าเรายังตัดสินใจทำการตลาดและโฆษณาต่อในช่วงเวลาแบบนี้ (ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายตามมา) ข้อความหรือแคมเปญต่าง ๆ ที่เรายิงไปหาผู้บริโภค มันจะยังได้ผลอยู่หรือเปล่า
ในท้ายที่สุดแล้ว แต่ละธุรกิจและนักการตลาดจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ที่แต่ละองค์กรต้องพบเจอครับ เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจของพวกเขาจะอยู่รอดไปจนจบเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตามหากคุณสามารถทำการตลาดต่อได้ แม้เป็นระดับที่ต่ำกว่าเดิม ก็อาจเป็นไปได้ที่จะเป็นประโยชน์และกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจของคุณลอยลำไปได้อีกหลายเดือนข้างหน้า
และนี่คือ 4 เหตุผล ว่าทำไม Facebook Ads ถึงมีความสำคัญต่อธุรกิจของคุณในช่วง COVID-19
1. เพราะทุกคนใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น
เมื่อธุรกิจส่วนใหญ่ปิดตัวลง ห้างสรรรพสินค้าก็ไปไม่ได้เหมือนเคย ประกอบกับผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่บ้านตามาตรการของรัฐบาล เพื่อเป็นการลดการแพร่กระจายของไวรัส ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้การใช้งานโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เนื่องจากผู้บริโภคไม่ได้ออกไปพักผ่อนหรือทำกิจกรรมร่วมกันอย่างที่เคย พวกเขาจึงหันไปใช้ Facebook และ Instagram มากกว่าปกติ
เพราะจากสถิติที่ทาง Facebook ได้เผยมานั้นจะเห็นได้ว่า
- ทั้ง Whatsapp และ Messenger มียอดการส่งข้อความโดยรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า 50%
- การโทรแบบ Video Calls ในช่วงนี้ มียอดเพิ่มขึ้นถึง 70% สำหรับ Messenger และในส่วนของ Whatsapp ยอด Video Calls ก็เพิ่มขึ้นสูงถึงสองเท่าเช่นเดียวกัน (ถ้าเทียบกับในช่วงเวลาปกติที่ยังไม่มีการ Quarantine)
- ปริมาณการใช้งานโดยรวมของสหรัฐอเมริกาจาก Facebook ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
นั่นหมายความว่าจำนวนการแสดงผลที่มีอยู่ก็เพิ่มขึ้น และความสามารถในการเข้าถึงโฆษณาของคุณ กลุ่มเป้าหมายของคุณเพิ่มขึ้น สิ่งนี้จะนำไปสู่การลดต้นทุนการดำเนินงานโดยรวมสำหรับแคมเปญของคุณ
2. คู่แข่งเริ่มหยุดแคมเปญ
จากเดิมที่ธุรกิจสามารถทำยอดได้ตามปกติ แต่อยู่มาวันหนึ่งกลับต้องหยุดชะงักลง สิ่งแรกที่ธุรกิจหลายเจ้าทำก่อนเลย นั่นก็คือการหยุดแคมเปญโฆษณาไว้ชั่วคราวเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น และนั่นคือเหตุผลที่คุณควรให้โฆษณาบน Facebook ของคุณดำเนินต่อไปในช่วงวิกฤตการณ์นี้โดยเฉพาะ (หากคุณยังสามารถจ่ายได้) เพราะในเมื่อคู่แข่งหยุด แล้วถ้าเหลือของเราไว้เจ้าเดียว นั่นหมายความว่าเป็นโอกาสดีที่กลุ่มเป้าหมายเราจะเห็นเราได้ชัดยิ่งขึ้น แถมเมื่อคู่แข่งของเราไม่สามารถทำงาน ได้ฐานลูกค้าที่ใช้ร่วมกันของเราก็จจะถูกนำไปใช้อย่างเต็มที่นั่นเอง
และด้วยการอ้างอิงจาก Socialbaker จะเห็นได้ว่า แบรนด์ต่าง ๆ จากทั่วโลกมีการโพสท์เนื้อหาที่เป็น Organic มากขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงมกราคมที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าหลายบริษัทเริ่มหยุดการโฆษณาบนโลกออนไลน์ของพวกเขา เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของไวรัสนั่นเองครับ
นอกจากนี้ยังได้ทำการวิเคราะห์โพสต์ของ Facebook เป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,376,721 โพสต์จากแบรนด์กว่า 40,563 แบรนด์ในหลายภูมิภาคทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 15 มีนาคมและพบว่าจำนวนโฆษณา (Paid Ads) มียอดลดลงเช่นเดียวกันตามกราฟที่แสดงด้านบน
3. Brand Awareness มีต้นทุนที่ต่ำลง
อย่างที่รู้กันดีนะครับว่าโฆษณาประเภท Brand Awareness บน Facebook Ads จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างการแสดงผลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อที่กลุ่มเป้าหมายสามารถ Recall ถึงแบรนด์เราได้ในอนาคต Facebook ใช้มาตรการนี้โดยให้ผู้ที่ได้รับโฆษณาแสดงว่าพวกเขาจำแบรนด์ได้หรือไม่ หลังจากที่เห็น Ads นี้ไปแล้วสองวันก่อน
นี่จึงเหมือนเป็นข้อดีสองเด้ง เพราะเด้งแรกคือกลุ่มเป้าหมายของเราได้เห็น Ads แล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่หากพวกเขาจำไม่ได้พวกเขาจะถูกเตือนผ่านกระบวนการนี้อีกครั้งครับ
โดยข้อมูลนี้ สามารถอิงได้จากตารางข้างต้นนะครับ จะเห็นได้ว่าตารางนี้แสดงให้เห็นถึงค่าเฉลี่ยของ CPM (Cost Per 1000 Impressions) เปรียบเทียบช่วงของปลายปีที่แล้วกับช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสในเดือนมีนาคมนะครับ ซึ่งผลลัพธ์ที่เห็นได้ตารางคือ ช่วงเดือนมีนาคมกราฟลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่ต้องเสียค่า CPM $1.88 กลับกลายมาเสียแค่ $0.81 เท่านั้น (ซึ่งถือว่าถูกมาก) แสดงให้เห็นถึงต้นทุนที่ต่ำลงนั่นเองครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม : สำหรับท่านที่ยังไม่รู้นะครับว่า CPM คืออะไร ข้อมูลจาก Google ได้บอกไว้ว่า CPM คือ ต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง โดยที่ผู้สร้างโฆษณาสามารถตั้งราคาที่ต้องการได้ โดยผู้ลงโฆษณาจะจ่ายตามจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณาเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับจำนวนคลิกที่เกิดขึ้น
4. มีโอกาสได้ใส่ใจผู้บริโภคมากขึ้น
ในขณะที่เหตุผลทางธุรกิจที่สำคัญบางประการทำให้เราต้องการให้แคมเปญโฆษณา Facebook ของเรายังคงใช้งานได้ต่อเนื่อง แต่ในช่วงเวลาแบบนี้มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาว่าธุรกิจหรือภาพลักษณ์ของแบรนด์ของเราจะได้รับการรับรู้จากผู้ชมอย่างไร
เพราะถ้าเอาแต่ขาย Hard Sales โต้ง ๆ แบบนี้ สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายหลักของเราหรือคนทั่วไปก็อาจจะมองได้ว่า แบรนด์เราเอาแต่ฉวยโอกาส ไม่เห็นใจผู้คนที่ประสบปัญหานี้กันบ้างเลย
เมื่อพิจารณาถึงสิ่งนี้เราขอแนะนำให้แบรนด์ต่าง ๆ พิจารณาการเปลี่ยนเนื้อหาข้อความหรือข้อเสนอต่าง ๆ เพื่อเป็นการแสดงถึงความเป็นห่วงต่อผู้บริโภค ซึ่งต่างจากการขายในขั้นตอนนี้นั่นเองครับ
ข้อดีของการทำแบบนี้คือ การเปลี่ยนแนวทางเพียงเล็กน้อยในระยะสั้น จะสามารถช่วยให้ธุรกิจได้รับความไว้วางใจและความชื่นชมจากผู้บริโภคในมุมมองที่ยาวขึ้น ดังสุภาษิตไทยที่ว่า ‘อดเปรี้ยวไว้กินหวาน’
แทนที่จะเป็นการขายแบบ Hard Sales ลองเปลี่ยนเป็นการ Offer หรือนำเสนอโปรโมชั่นที่น่าสนใจต่าง ๆ แทนดีกว่า เช่น เพราะเราเข้าใจคุณเราจึงให้คุณได้ใช้บริการแบบฟรีเมี่ยมฟรี 30 วัน / หรือมีการแถมของสมนาคุณทุกครั้งเมื่อมีการสั่งซื้อเกิดขึ้น