เดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรักที่ผู้คนต่างพากันเลือกซื้อของขวัญเพื่อแสดงความรักให้กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความรักต่อแฟน เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว หรือความรักต่อสัตว์เลี้ยงก็ดี
วันนี้ The Growth Master จะนำเสนอเคล็ดลับการทำ Email Marketing ในช่วงวันวาเลนไทน์ สำหรับเจ้าของแบรนด์หรือผู้ประกอบการ ที่จะนำโอกาสของเดือนแห่งความรักนี้ ส่งมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่ลูกค้ากัน โดยเกิดประโยชน์ทั้งในด้านของ Sales , Engagement และ Customer Loyalty กันด้วย จะมีเคล็ดลับอะไรบ้าง
ไปอัพเดทกันได้เลย !
1. รักนี้ มีแต่ให้ …
ความรักคือการให้ ว่าแต่วาเลนไทน์นี้ จะให้อะไรกับคนรักดีล่ะ ? คำถามเหล่านี้ ต้องเป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในใจใครหลาย ๆ คนในช่วงเทศกาลแห่งความรักนี้อยู่แน่นอน เอาล่ะค่ะ ในฐานะเจ้าของธุรกิจ แบรนด์ของคุณจะเลือกใช้โอกาสตรงนี้อย่างไรดีนะ
ทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ คือการเสนอโปรโมชั่น Gift Card สุดพิเศษ ต้อนรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ โดยนำเสนอคุณประโยชน์ของ Gift Card ในเชิงที่ว่า นอกจากจะได้ส่วนลดพิเศษวันวาเลนไทน์แล้ว ยังมั่นใจได้ว่าผู้รับจะนำ Gift Card ไปซื้อของที่ตัวเองชอบและถูกใจอย่างแน่นอน ไม่ต้องปวดหัวเลือกซื้อของ ที่เผลอ ๆ อาจจะไม่ถูกใจคนรับเสียเปล่า ๆ ด้วยนะคะ
เรามาดูตัวอย่าง การทำ Gift Card สุดพิเศษสำหรับวันวาเลนไทน์กัน…..
ภาพจาก smartrmail
ดังภาพ แบรนด์ Swank เป็นแบรนด์ที่ขายเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง จับโอกาสในช่วงวันวาเลนไทน์ สร้างแคมเปญกระตุ้นให้เหล่าแฟนหนุ่มเลือกซื้อ Gift Card ให้กับแฟนสาวของเขา แทนที่จะให้ช่อดอกไม้ แต่ให้เป็น Gift Card ที่มั่นใจได้ว่า สาว ๆ จะนำไปเลือกซื้อเสื้อผ้าในร้านที่เธอถูกใจอย่างแน่นอน
2. รักนี้ต้องวางแผน…
หลักการก็คือ อย่ารอให้ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ก่อน แล้วถึงค่อยมาโปรโมทแคมเปญวาเลนไทน์ แต่แบรนด์ควรจะมีการวางแผนการสื่อสารล่วงหน้า เพราะในความเป็นจริงแล้ว คนเรามักคิดวางแผนการเลือกซื้อของขวัญล่วงหน้าโดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ ก่อนวันวาเลนไทน์ ดังนั้น ช่วงเวลาประมาณ 1 อาทิตย์นี้ ถือเป็นนาทีทองที่คุณควรโปรโมท หรืออาจจะโปรโมทตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เพื่อเป็นการ remind ผู้บริโภคว่า วันวาเลนไทน์ใกล้เข้ามาแล้วนะ อย่ารอช้า !! รีบมาซื้อของกัน
ตัวอย่างแบรนด์สกินแคร์ philosophy ที่ทำการ remind ผู้บริโภค กระตุ้นให้รีบหาซื้อของขวัญกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ได้แล้ว ดังภาพ
ภาพจาก smartrmail
3. รักต้องแบ่ง
รักต้องแบ่ง… แบ่งในที่นี้คือการแบ่งจำแนกประเภทลูกค้าออกมาเป็นกลุ่ม ๆ ก่อน (Segmentation) เพื่อให้คุณรู้ได้ว่าลูกค้าหลัก ๆ ของคุณมีกี่กลุ่ม และมีกลุ่มประเภทไหนบ้าง
การ Segmentation ก็ใช้เกณฑ์ได้หลายประเภท ทั้ง
- การแบ่งตามประชากรศาสตร์ (demographic) เช่น เพศ อายุ อาชีพ
- การแบ่งตามพฤติกรรมของผู้บริโภค (behavioral) เช่น กลุ่มลูกค้าที่ใช้บ่อย ใช้น้อย
- การแบ่งตามภูมิภาคที่อาศัย (geographic) เช่น กลุ่มลูกค้าสาขาภาคเหนือ ภาคใต้
- การแบ่งตามจิตวิทยา (Psychographic) เช่น กลุ่มลูกค้าที่ชอบความท้าทาย กลุ่มที่ชอบความสนุกสนาน
ซึ่งหากจะให้แนะนำว่าควรแบ่งแบบไหนนั้น ปัจจุบันนี้หลายแบรนด์ มักใช้การแบ่งตาม lifestyle , ความสนใจ มากกว่าการมองที่ประชากรศาสตร์เพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในช่วงวันวาเลนไทน์นี้ แบรนด์ของคุณอาจใช้หลัก Demographic Segmentation ได้แก่ เพศ และ อายุ ประกอบกับ Psychographic Segmentation ได้แก่ ความชอบความสนใจของลูกค้า มาใช้ในการแบ่งประเภทการทำ E-mail Marketing ในช่วงวันวาเลนไทน์นี้ก็ได้ค่ะ
เพราะการใช้เพศและอายุ เป็นตัวแบ่ง ก็พอจะช่วยให้คุณนำเสนอสินค้าและoffer ที่แตกต่างกันได้พอประมาณ ตัวอย่างเช่น แบรนด์ของคุณเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบ เมื่อทำการ Segment ลูกค้าออกมาได้แล้ว คุณก็นำเสนอสินค้าที่แตกต่างกัน ให้กับลูกค้าเพศหญิง เพศชาย วัยรุ่น และผู้ใหญ่ ใน special offer ที่แตกต่างกันได้
เพราะลูกค้าที่เพศและวัยแตกต่างกัน ก็ล้วนมีความต้องการในการเลือกซื้อของขวัญให้กับคนรักที่แตกต่างกันออกไปเช่นกัน แถมยังทำให้อีเมลล์นั้นเหมือนถูก Tailor-made มาให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนด้วย แบบนี้จะช่วยทำให้คุณมีโอกาสปิดการขายได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ
ตัวอย่างการส่งอีเมลล์วันวาเลนไทน์ แยกตามเพศของกลุ่มเป้าหมาย
ที่มาภาพ : getresponse
4. รักนะ จึงแนะนำ
เพราะแบรนด์ของคุณรักลูกค้า แบรนด์ของคุณจึงควรเสนอแนะไอเดียดี ๆ แก่ลูกค้าในการมอบของขวัญให้กับคนรักของเขา โดยคุณอาจจัดทำเป็นหน้า Wish lists หรือ Gift Guides ที่ทำหน้าที่เสมือนคู่มือซื้อของขวัญให้กับมือใหม่ หรือเหล่าคนที่คิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรให้คนรักนั่นเอง
ในคู่มือซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์นี้ คุณอาจนำเสนไอเดียที่มีแบรนด์อื่น (สินค้าชนิดอื่น) รวมอยู่ด้วยก็ได้นะ หรือจะมีแต่แบรนด์ของคุณอย่างเดียวก็ได้เช่นกัน เรามาดูตัวอย่างการทำ Gift Guides ที่น่าอ่านกัน
ตัวอย่าง Valentine’s Day Gift Guides ของแบรนด์ American Apparel
ตัวอย่าง อีเมลล์ Valentine’s Day Gift Guides ของแบรนด์ MVMT
ตัวอย่าง อีเมลล์ Valentine’s Day Gift Guides ของReal Madrid FC
5. รักที่แตกต่าง
อย่าลืมว่าช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ ไม่ได้มีแต่คนมีคู่เท่านั้น แบรนด์ของคุณควรคิดให้แตกต่าง ออกนอกกรอบเดิม ๆ ซะ ! ไม่ว่าจะเป็นความรักรูปแบบไหน ๆ แบรนด์ของคุณก็ไม่ควรละเลย ไม่ว่าจะเป็น ความรักแบบครอบครัว เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน หรืออื่น ๆ
National Retail Federation ให้ข้อมูลไว้ว่า ในวันวาเลนไทน์ผู้คนใช้จ่าย …
- 3.5 พันล้านดอลล่าสหรัฐ ไปการซื้อของให้กับสมาชิกครอบครัว
- 654 ล้านดอลล่าสหรัฐไปกับการซื้อของให้เพื่อนร่วมงาน
- 982 ล้านดอลล่าสหรัฐไปกับการซื้อของให้เพื่อน ๆ
สถิติเหล่านี้ก็บ่งบอกแล้วว่า ไม่ใช่แค่คนเราจะซื้อของให้กับแฟนเท่านั้น แต่ยังมีความรักอีกหลายรูปแบบที่คุณไม่ควรเสียโอกาสทางธุรกิจไปอย่างน่าเสียดาย
รูปแบบความรักที่น่าสนใจที่ไม่ควรมองข้าม
คนโสด
แน่นอนว่าคนมีคู่นั้นมีมากมาย แต่บรรดาคนโสดอาจมีมากกว่า ดังนั้น อย่าลืมนะคะว่าคนโสดก็มีหัวใจ และยิ่งช่วงใกล้วันวาเลนไทน์กลุ่มคนเหล่านี้ก็ยิ่งต้องการความรักมากเป็นพิเศษ หากไม่รู้จะซื้อของขวัญให้ใคร เขาก็จะซื้อให้ตัวเอง แบรนด์ของคุณอย่าลืมที่จะให้กำลังใจคนโสดผ่านแคมเปญน่ารัก ๆ ดังตัวอย่างจากแบรนด์ MAX&Co. ในภาพ
แคมเปญเอาใจคนโสดวันวาเลนไทน์ของร้าน MAX&Co.
ที่มาภาพ : smartrmail
อีกความสัมพันธ์ที่น่ารักและน่าสนใจ คือ ความสัมพันธ์กับน้องหมาและเหล่าสัตว์เลี้ยง
แคมเปญวันวาเลนไทน์ของร้าน pet shop
ที่มาภาพ : smartrmail
คนอกหัก
ไอเดียซื้อของขวัญปลอบใจในวันเศร้า ๆ ของเพื่อนอกหักของคุณ เพื่อช่วยให้วันของเขาสดใสขึ้น ดังไอเดียของแบรนด์ MOUTH ดังภาพตัวอย่าง
แคมเปญวันวาเลนไทน์ของร้าน MOUTH
ที่มาภาพ : getresponse
6. รักต้องทุ่ม
เทศกาลแห่งความรักปีนี้ เป็นโอกาสที่ดี ที่คุณจะได้แสดงความรัก ความเอาใจใส่ ลูกค้าของคุณ โดยการมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับพวกเขา และทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นคนพิเศษสำหรับแบรนด์คุณ ผ่านการมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อยให้ลูกค้า เช่น
- บริการรับห่อของขวัญให้ฟรี
- แถมการ์ดไปให้
- Free-shipping
- แจกโค้ดส่วนลดรับวันวาเลนไทน์
แน่นอนว่านอกจากคุณจะได้ลูกค้ามาเพิ่มแล้ว ยังได้ใจของลูกค้าไปเต็ม ๆ ทำให้ลูกค้าเหล่านั้นกลายมาเป็นลูกค้าที่หลงรักแบรนด์ของคุณไปในทันที (Loyalty)
ตัวอย่างแบรนด์สุดทุ่ม
7. รักต้องTest
ที่มาภาพ : searchbusinessanalytics.techtarget
การทำ A/B Testing เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยคัดเลือกว่าโฆษณารูปแบบใดที่เหมาะกับลูกค้าของคุณและทำให้เกิดประสิทธิภาพมากกว่ากัน เช่น คุณมีภาพ 2 ภาพ หรือ ข้อความ 2 ข้อความ ที่ต้องการโฆษณาแก่ลูกค้า คุณอยากรู้ว่ารูปภาพและข้อความแบบไหนส่งเสริมให้เกิดการปิดการขายได้มากที่สุด คุณจึงควรทำ
A/B Testing คือทดลองทั้งสองรูปแบบแล้วนำผลลัพธ์มาเปรียบเทียบกัน เพื่อดูว่าควรเลือกใช้ Artwork ชิ้นไหน ในการโฆษณา นั่นเองค่ะ
สรุป
นอกจากการทดสอบรูปแบบโฆษณาที่คุณมีอยู่ในปัจจุบันแล้วนั้น คุณอาจนำข้อมูลแคมเปญในอดีตมาวิเคราะห์ร่วมด้วย เช่น วันพิเศษในเทศกาลที่ผ่านมา ลูกค้าของคุณมีแนวโน้มพฤติกรรมเป็นอย่างไรบ้าง ควรใช้ Mood and Tone ประมาณไหน, ช่วงเวลาในการสื่อสารควรเป็นกี่โมง, ลูกค้ามีแนวโน้มชอบความ personalization มากน้อยแค่ไหน เป็นต้น
โดยการนำ Data ต่าง ๆ มาประกอบร่วมกัน จะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์หา Insight ที่เป็นประโยชน์มาช่วยพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย