Baidu เสิร์ชเอนจิน (search engine) สัญชาติจีน หนึ่งในผู้เล่นรายแรกๆ ที่เริ่มศึกษาแบบเจาะลึกกับเรื่องของ AI (artificial intelligence) และพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภท Smart Home Devices ออกมาจำหน่าย
หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่โด่งดังของ Baidu ก็คือ Smart Speaker หรือลำโพงอัจฉริยะ ที่ปัจจุบันได้ขึ้นแท่นมาเป็นผู้ครองตลาดอันดับสองแซงหน้า Google เป็นที่เรียบร้อย
Baidu ผู้ครองตลาดลำโพงอัจฉริยะอันดับ 2 ที่มีอัตราการเติบโตรายปีมากถึง 3,700 เปอร์เซ็นต์
โดย จากรายงานของ Canalys ก็ได้ระบุให้เห็นว่า Baidu นั้นขึ้นไปอยู่อับดับที่สองด้วยส่วนแบ่งตลาด 17.3 % และยอดจัดส่งสินค้ากว่า 4.5 ล้านชิ้น (ไตรมาสที่ 2 ปี 2019) ซึ่งขึ้นมาจากปีที่แล้วที่ส่วนแบ่งตลาดที่ 0.7 % และยอดจัดส่งสินค้าเพียง 1 แสนชิ้นเท่านั้น
เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ของ Google อย่าง Google home ที่ส่วนแบ่งตลาดถูกลดลงไปถึง 19.8 % จากปีที่แล้ว ทำให้ปัจจุมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 16.7 % และยอดจัดส่งสินค้า 4.3 ล้านชิ้น
แต่ถึงอย่างนั้นเอง ตำแหน่งผู้นำตลาดก็ยังตกเป็นของผู้เล่นอย่าง Amazon อยู่ ที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 25.4 % และยอดจัดส่งสินค้าที่มากถึง 6.6 ล้านชิ้น
ระหว่างช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2018 – 2019 บริษัท Baidu มีอัตราการเติบโตต่อปี (year-on-year growth) สูงถึง 3,700 % ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับผู้เล่นรายใหญ่เจ้าอื่นๆ
ลำโพงอัจฉริยะจาก Baidu
โดยลำโพงอัจฉริยะรุ่นแรกจาก Baidu ก็คือ Raven H ที่มาพร้อมกับระบบสั่งการด้วยเสียงแพลตฟอร์ม AI ที่มีชื่อว่า DuerOS โดยได้พัฒนาร่วมกับบริษัทลูกคือบริษัทลูกอย่าง Raven Tech สตาร์ทอัพที่ Baidu ได้ซื้อมาเมื่อต้นปี ซึ่งระบบสั่งการนี้ก็มีความสามารถไม่แตกต่างจากระบบสั่งการอย่าง Alexa หรือ Google Assistant เลย
เครดิตรูปภาพ : www.youtube.com
จุดเด่นของมันคือแพแนลชั้นบนสุดที่เป็นจอ LED สามารถถอดจากตัวฐานของลำโพงและพกติดตัวนำไปใช้งานได้ปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเพลง ค้นหาคำตอบ หรือควบคุมสมาร์ทโฟนตัวอื่นๆ โดยวางขายในราคา 1,699 หยวน หรือประมาณ 8,500 บาท
นอกจากนี้ก็ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่รันด้วยระสั่งการ DuerOS เช่นเดียวกัน อย่าง ‘Raven R’ ที่เป็นหุ่นยนต์แขนกลระบบ AI ที่มี 6 แกน และมี interface หลักคล้ายคลึงกับ Raven H รวมถึง ‘Raven Q’ หุ่นยนต์ AI ตัวที่ 3 ที่มาพร้อมกับคอนเซปต์ เทคโนโลยี Simultaneous Locallization and Mapping หรือ SLAM (ระบบที่สามารถระบุตำแหน่งของตัวเองได้แบบเรียลไทม์) และเทคโนโลยี Computer Vision (ระบบประมวลผลภาพเพื่อระบุวัตถุต่างๆ) แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่คอนเซปต์เท่านั้น
แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คงเป็นลำโพงอัจฉริยะรุ่น Xiaodu ที่ Baidu ได้ปล่อยออกมาหลังจากที่ยอดขายของรุ่นแรกไม่ค่อยดีนัก โดยพวกเขาขายในราคาที่ถูกลง มีราคาเพียง 89 หยวน หรือประมาณ 400 บาท เพื่อเพิ่มยอดขายและตีตลาดภายในประเทศจีนจนสามารถแซงผู้นำตลาดจีนอย่าง Alibaba ได้
สรุป
อย่างไรก็ตาม สถิติจะออกมาเป็นนี้ แต่นั่นก็ไม่หมายความว่า Baidu นั้นเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Google เพราะ Baidu นั้นทำตลาดเพียงภายในประเทศของตนเองเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจาก Google ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเกือบทุกพื้นที่ยกเว้นประเทศจีนที่เดียว
แล้วคำถามคือ ทำไม Baidu ถึงเติบโตได้ขนาดนี้หละ ถ้าพวกเขาทำตลาดภายในประเทศจีนเท่านั้น ?
และในส่วนคำตอบนั้นก็อาจจะยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่แสดงให้เราเห็นจากปรากฏการณ์นี้ก็คือ ความเปลี่ยนแปลงของระบบ AI Ecosystem ภายในประเทศจีนที่ดูเหมือนจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ