ล่าสุด Meta ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า Facebook จะยุติการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการติดตาม Real-time Location ไม่ว่าจะเป็น Nearby Friends, Weather Alerts, Location History และ Background Location ทั้งนี้ Facebook ให้เหตุผลว่ามาจาก ‘อัตราการใช้งานน้อย’ จากผู้ใช้งาน
และ Facebook ยังกล่าวอีกว่า สำหรับผู้ใช้งานคนใดที่เคยใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้มาก่อน ระบบจะหยุดเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับฟีเจอร์ดังกล่าวในวันที่ 31 พฤษภาคม และจะล้างข้อมูลออกจากระบบทั้งหมดภายในวันที่ 1 สิงหาคมที่จะถึงนี้
สำหรับรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการหยุดบริการในครั้งนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง The Growth Master ก็ได้สรุปมาให้คุณแล้วในบทความนี้
เตรียมโบกมือลาฟีเจอร์ Nearby Friends, Weather Alerts, Location History และ Background Location
สำหรับฟีเจอร์ Nearby Friends เป็นฟีเจอร์ที่ Facebook เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2014 เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถพบปะเพื่อนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกันได้ง่ายมากขึ้น
เช่น ถ้าหากเราเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ Facebook ก็จะแจ้งเตือนมาว่าเพื่อนคนนี้อยู่ใกล้ ๆ เรานะ ซึ่งนั่นก็สามารถช่วยให้เราและเพื่อนคนนั้นนัดเจอกัน กินข้าวด้วยกันสักมื้อ หรือทำให้ได้พูดคุยกันได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้เพื่อลบคำครหาว่า Facebook เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผู้ใช้งานมีความห่างเหินกันกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ในช่วงเปิดตัวใหม่ ๆ ก็มีประเด็นว่าอาจทำให้โดนรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน Facebook เกินไปหรือเปล่า แม้ว่าฟีเจอร์นี้ Facebook บอกว่าตั้งใจทำให้ผู้ใช้งานสามารถเจอกับเพื่อนๆ ของพวกเขาในชีวิตจริงได้มากขึ้น
แต่ปัจจุบันด้วยอัตราการใช้งานที่น้อยลง ทำให้ Facebook ตัดสินใจที่จะลบฟีเจอร์นี้ออกไป รวมถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Location-tracking ด้วย เช่น Weather Alerts (การแจ้งเตือนสภาพอากาศ), Location History (ประวัติตำแหน่ง) และ Background Location (ตำแหน่งเบื้องหลัง)
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า Facebook จะประกาศยุติให้บริการฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับ Location-Based อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้น แต่ Facebook บอกว่าจะยังคงเก็บข้อมูล Location-Based ของผู้ใช้เช่นเดิม โดยทางบริษัทจะเก็บข้อมูลตําแหน่งของผู้ใช้งานต่อไป เพื่อใช้ในการพัฒนาประสบการณ์อื่น ๆ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม
สรุปทั้งหมด
นี่ก็ถือว่าเป็นการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นอีกครั้งหนึ่งของ Facebook ในเมื่อตัวแพลตฟอร์มตระหนักได้แล้วว่าฟีเจอร์เหล่านี้มีผู้ใช้งานน้อย การยุติการให้บริการไปเลยก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี เพื่อให้ทีมไปพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานมากขึ้นในอนาคต หรือพัฒนาฟีเจอร์ที่มีผู้ใช้งานเยอะให้ดีขึ้นยิ่งไปอีก