หลังจากที่มีการเปิดตัว Facebook Watch ฟีเจอร์แสดงวิดีโอบน Facebook ทั่วโลกไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2018 ความนิยมของการดูวิดีโอผ่านช่องทางดังกล่าวก็ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยจากสถิติในปี 2019 ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกที่ดูวิดีโอบน Facebook Watch มากถึง 720 ล้านคนต่อเดือน และ 140 ล้านคนต่อหนึ่งวันเลยทีเดียว
สำหรับผู้ใช้งานในประเทศไทยเอง ก็นับว่าเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ของ Facebook เลยเช่นกัน เนื่องจากมีการค้นพบว่าผู้บริโภคชาวไทยชื่นชอบสื่อที่มีการเคลื่อนไหวได้ จึงทำให้แพลตฟอร์มการดูวิดีโอต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Watch, YouTube หรือ TikTok เป็นที่นิยมอย่างมากนั่นเอง
และในวันนี้ Facebook ก็ได้ตัดสินใจเดินหน้ารุกตลาดวิดีโออีกครั้ง ด้วยการออกเครื่องมือใหม่ ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกหัวข้อของวิดีโอที่ตนสนใจ เพื่อให้มีแค่วิดีโอเหล่านั้นแสดงบนหน้า Facebook Watch ของตัวเองได้แล้ว
ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร จะส่งผลกระทบกับใครบ้าง ไปดูกันเลย
ได้ดูวิดีโอที่ชอบและตอบโจทย์ความสนใจ เครื่องมือใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้งานติดอยู่ใน Facebook Watch นานกว่าเดิม
สำหรับผู้ใช้งาน Facebook แล้ว คงเป็นที่คุ้นหูคุ้นตากันดีว่า Facebook ให้ความสำคัญกับการเลือกโพสต์ต่าง ๆ ที่จะแสดงขึ้นมาบนหน้า News Feed ของแต่ละคนเป็นอย่างมาก ด้วยการพัฒนา A.I. ที่ฉลาดหลักแหลม คอยวิเคราะห์ความชอบและความสนใจของผู้ใช้งานผ่านการอ่านโพสต์ การกดไลค์กดแชร์ และเพจที่ติดตาม ทำให้ผู้ใช้งานสามารถหลงอยู่ในโซเชียลมีเดียเจ้าใหญ่นี้ได้เป็นหลายชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว
แน่นอนว่าอัลกอริทึมดังกล่าวก็ได้ถูกนำมาใช้ใน Facebook Watch เช่นกัน เราจึงสามารถเห็นได้ว่า วิดีโอจากเพจและวิดีโอประเภทที่เรากดดูอยู่บ่อยครั้ง หรือใช้เวลานานในการดู จะถูกแสดงขึ้นมาบนหน้า Facebook Watch อยู่เรื่อย ๆ จนทำให้เกิดอาการ ‘เดี๋ยวดูอีกสักคลิปละกัน’ ขึ้นมาบ่อย ๆ
แต่แน่นอนว่าถึงปัญญาประดิษฐ์จะถูกคิดค้นให้มีความฉลาดแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถรู้ใจผู้ใช้งานได้ 100%
เพราะฉะนั้น Facebook จึงได้ออก ‘Your Topics’ หรือหัวข้อที่คุณสนใจ ฟังก์ชันใหม่ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถดูวิดีโอตามหัวข้อที่สนใจได้
ภาพจาก Facebook
เพราะเวลามีจำกัด การได้ดูแค่วิดีโอที่สนใจจึงเป็นเรื่องจำเป็น
ซึ่งการทำแบบนี้ จะทำให้ผู้ใช้งานได้ดูแค่วิดีโอที่ชื่นชอบ ไม่ต้องเสียเวลานั่งเลื่อนดูสิ่งที่ไม่น่าสนใจ ทำให้พวกเขาอาจได้ใช้เวลามากขึ้นกว่าเดิมใน Facebook Watch นี้
แต่แน่นอนว่าเหรียญมีสองด้านเสมอ เพราะวิดีโอที่ได้ขึ้นชื่อว่า ‘ไม่เกี่ยวข้อง’ ก็จะไม่แสดงขึ้นมาให้ผู้ใช้งานเห็นอีกเลย ซึ่งนับว่าเป็นข้อควรระวังที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์และนักการตลาดควรสังเกตไว้ให้ดี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจหมายถึงการที่มีกลุ่มเป้าหมายมาดูวิดีโอมากขึ้น หรือไม่ก็มีผู้ชมน้อยลงไปเลยก็ได้
เมื่อ YouTube คือคู่แข่ง ทำให้ Facebook Watch ต้องเริ่มสร้างฟีเจอร์นี้ขึ้นมา
เพราะในโลกของธุรกิจ การแข่งขันที่สูงทำให้ผู้เล่นต้องตื่นตัวตลอดเวลา สำหรับ Facebook Watch และ YouTube เองก็เช่นกัน
เป็นที่ทราบกันดีว่า ในวงการคอนเทนต์วิดีโอยาวนั้น YouTube คือเจ้าตลาดที่มีประสบการณ์และครองใจผู้ใช้งานมานานหลายปี เรียกได้ว่าเป็นยุคบุกเบิกของวงการเลยก็ว่าได้
และในขณะเดียวกัน Facebook Watch ที่เพิ่งเปิดตัวได้มานาน ถึงแม้จะมีประสบการณ์น้อยกว่า แต่ก็นับว่ามีฐานผู้ใช้งานที่กว้างและได้เปรียบอยู่มาก
ศึกในการแย่งชิงพื้นที่วิดีโอคอนเทนต์ในครั้งนี้จึงดุเดือดและน่าจับตามองขึ้นเรื่อย ๆ เพราะ YouTube เองก็มีการจัดหัวข้อวิดีโอ ให้ผู้ใช้งานได้เลือกดูตามความชอบ และยังมีการแนะนำวิดีโอที่พวกเขาอาจสนใจให้ดูอีกเช่นกัน
เรียกได้ว่าฟังก์ชันอะไรที่ YouTube มี Facebook Watch ก็จะมี และเครื่องมืออะไรที่ Facebook Watch มี YouTube ก็จะมีเช่นกัน
สรุปทิ้งท้าย
สำหรับวงการวิดีโอคอนเทนต์ไม่ว่าจะเป็นคลิปสั้นหรือยาว ในปัจจุบันนับว่ามีการแข่งขันที่ดุเดือดและท้าทายสำหรับผู้เล่นอยู่มาก การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ถูกนำมาใช้และทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุดสำหรับประโยชน์ของผู้ใช้งาน
เพราะฉะนั้น สิ่งที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์และนักการตลาดควรพึงระวัง คือต้องคอยจับตาสังเกตความเคลื่อนไหวของแพลตฟอร์มที่ใช้เป็นเครื่องมืออยู่ตลอดเวลา เพราะการเปลี่ยนแปลงในการใช้งานแค่เพียงนิดเดียว อาจหมายถึงกลยุทธ์ที่ต้องมานั่งวิเคราะห์กันใหม่ก็เป็นได้