ทุกวันนี้เราต่างสร้างตัวตนของเราในโลกออนไลน์ขึ้นมา (Digital Identity) เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเพื่อเชื่อมต่อให้เราและเพื่อนๆอยู่ใกล้กันมากขึ้นอย่างการใช้โซเชียลมีเดีย หรือเพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน การช็อปปิ้งออนไลน์ ติดตามข่าวสารและอื่นๆ โดยไม่ว่าจะกิจกรรมใด เราต่างก็ต้องมีบัญชีผู้ใช้เพื่อยืนยันตัวตนของเราบนโลกออนไลน์นี้ กล่าวได้ว่าเราได้ย้ายข้อมูลและทรัพย์สินของเราไปอยู่บนโลกออนไลน์ ดังนั้นเพื่อที่จะปกป้องทรัพย์สินเหล่านี้ รหัสผ่านจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
เชื่อว่าทุกคนคงเคยประสบปัญหาการลืมรหัสผ่านกันมาก่อน บางคนเลือกแก้ปัญหาโดยการตั้งรหัสผ่านให้เหมือนกันในทุกเว็บไซต์ที่เข้าใช้งาน แต่รู้ไหมว่าการกระทำนี้มีความเสี่ยงมากขนาดไหน เพราะถ้ามีช่องทางใดช่องทางหนึ่งถูกแฮ็ก ช่องทางที่เหลือก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่ควรมีรหัสผ่านเพียงรหัสเดียว แต่ถ้าจะให้มีหลายรหัสผ่าน ก็คงจะสร้างความสับสนไม่น้อยเลย โดยเฉพาะคนที่ต้องดูแลหลายบัญชีอย่างอาชีพแอดมิน นอกจากนี้บางทีรหัสผ่านที่เราตั้งนั้นอาจง่ายเกินไปและเสี่ยงต่อการถูกแฮ็ก ดังนั้นการใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่านอย่างเช่น Chrome Password Manager อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด
‘รหัสผ่าน’ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ใช้ Chrome Password Manager ช่วยได้
Chrome Password Manager หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า Google Password Manager คือเครื่องมือหนึ่งที่มีให้ใช้กันฟรีๆ และมีหน้าที่หลักคือการบันทึกชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน ที่อยู่ และวิธีชำระเงินที่ผู้ใช้ใช้ในโลกออนไลน์
อันที่จริงเครื่องมือนี้จะมีติดมาให้อัตโนมัติอยู่แล้วสำหรับผู้ใช้เว็บบราวเซอร์ Chrome และหากเราติดตั้ง Chrome ไว้ในหลายๆอุปกรณ์ ชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านที่ถูกบันทึกไว้จะซิงค์เข้าระบบอัตโนมัติบนทุกอุปกรณ์

ถ้าถามว่าเราจะสามารถบันทึกรหัสผ่านเหล่านั้นได้อย่างไร? ย้อนกลับไปตอนที่เรากรอกชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านบนเว็บไซต์ จะมี pop-up เด้งขึ้นมาถามเราว่าเราต้องการบันทึกข้อมูลนี้หรือไหม เมื่อเราตอบตกลง ระบบก็จะบันทึกข้อมูลเราไว้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
เมื่อเรากลับมาลงชื่อเข้าใช้งานอีกครั้งหลังจากปิดเว็บนั้นๆไปแล้ว ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านจะขึ้นมาให้อัตโนมัติ หรือ Autofill นั่นเอง และเราก็สามารถล็อคอินได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องมานั่งนึกรหัสผ่านให้เสียเวลา
ส่วนในกรณีที่เรามีหลายบัญชีในเว็บไซต์นั้นๆ Chrome Password Manager ก็สามารถบันทึกข้อมูลแต่ละบัญชีไว้ได้ทั้งหมด และจะให้เราเลือกว่าจะเข้าใช้ด้วยบัญชีไหนในลักษณะ drop-down menu
หากเราต้องการตรวจสอบการบันทึกทั้งข้อมูลบัญชีและรหัสผ่านทั้งหมด เราสามารถเข้าไปดูได้ โดยกดไปที่รูปโปรไฟล์ของเรามุมขวาบนบริเวณแท็บบราวเซอร์ แล้วกดไปที่สัญลักษณ์ลูกกุญแจ เพียงเท่านี้ข้อมูลบัญชีและรหัสผ่านที่ถูกบันทึกทั้งหมดก็จะขึ้นมา โดยเราสามารถแก้ เพิ่ม หรือลบข้อมูลเหล่านั้นได้
รหัสผ่านและความปลอดภัยคือของคู่กัน
เคยสงสัยกันไหมว่าพาสเวิร์ดที่เราตั้งนั้นแข็งแรงแค่ไหน? เจ้า Chrome Password Manager ช่วยเราตรวจสอบได้ว่ารหัสที่เราตั้งนั้นโอเคแล้วหรือไม่ ปลอดภัยเพียงพอแล้วหรือยัง รหัสนั้นเคยมีประวัติโดนแฮ็กมาก่อนหรือเปล่า แล้วยังสามารถดูได้ด้วยว่าเราใช้รหัสนั้นซ้ำกันในหลายบัญชีหรือหลายเว็บไซต์มากน้อยแค่ไหน และหากมีส่วนใดที่มีปัญหา ในรายงานก็จะมีแจ้งว่าเราควรทำอย่างไรต่อไป โดยสามารถเข้ามาเช็คและดูรายงานได้ที่นี่ passwords.google.com

การคิดพาสเวิร์ดขึ้นมาแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน เพราะรหัสผ่านเหล่านี้จำเป็นต้องยากในการคาดเดาระดับนึงเพื่อป้องกันการถูกโจรกรรมข้อมูล ซึ่งถ้าเราไม่รู้ว่าควรจะตั้งรหัสอย่างไร ตอนสมัครบัญชีใหม่ ให้ลองกดบริเวณช่องที่ให้กรอกรหัส พร้อมเลือก ‘Suggest Strong Password’ หรือ ‘แนะนำรหัสผ่านที่รัดกุม’ Chrome Password Manager จะช่วยออกแบบรหัสผ่านสำเร็จรูปมาให้เรา หรืออีกวิธีคือเราสามารถคลิกขวาและเลือก ‘Suggest password’ ก็ได้เช่นกัน

รหัสที่ได้จะมีทั้งตัวอักษร พิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ ตัวเลข และสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งถ้าให้เราจำ คงจำไม่ได้แน่นอน Chrome Password Manager เลยจะบันทึกรหัสผ่านนั้นให้อัตโนมัติ

แล้วตัว Chrome Password Manager มันปลอดภัยจริงหรือเปล่า?
เราสามารถวางใจได้เลยว่าเจ้าเครื่องมือนี้นั่นปลอดภัยระดับนึงเลยทีเดียว เห็นได้จากการเข้าใช้ Google Account ของเราที่ต้องมีการยืนยันตัวตนถึง 2 ขั้น หรือ Two-step authentication ที่ต้องใช้สิ่งที่เรารู้ อย่างรหัสผ่าน และสิ่งที่เรามี อย่างการยืนยันตัวตนทางโทรศัพท์ ก่อนจะสามารถล็อกอินเข้าใช้งานได้
อย่างไรก็ดี Chrome Password Manager ก็มีข้อจำกัดอยู่ นั่นก็คือมันสามารถใช้ได้แค่กับเว็บบราวเซอร์ Chrome เท่านั้น และหากมีการใช้เว็บบราวเซอร์อื่นอย่าง Safari หรือ Firefox ตัว Autofill จะไม่สามารถใช้งานได้ อีกข้อจำกัดนึงคือการที่ไม่สามารถแชร์รหัสกับสมาชิกคนอื่นๆ แต่ซอฟต์แวร์จัดการรหัสผ่านตัวอื่นที่มีค่าใช้จ่าย ส่วนใหญ่จะสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้
ตัวเลือกอื่นสำหรับเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
สำหรับใครที่ไม่ได้ใช้เว็บบราวเซอร์อย่าง Chrome หรืออยากใช้ตัวจัดการรหัสผ่านที่มีฟีเจอร์ที่แอดวานซ์ยิ่งขึ้น
ก็มีตัวช่วยอื่นอย่าง Lastpass หรือ Dashlane ที่สามารถนำมาใช้แทน Chrome Password Manager ได้
Lastpass นั้นเค้ามีข้อดีตรงที่ว่าสามารถเป็นส่วนขยายของเบราว์เซอร์สำหรับ Mac, Windows, Linux, Chrome, Firefox, Safari หรือแม้กระทั่ง Internet Explorer, Opera และ Microsoft Edge! เรียกได้ว่าใช้ได้กับทุกบราวเซอร์เลย นอกจากนี้การใช้งานก็ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ตรงไปตรงมา มีฟีเจอร์แบ่งปันรหัสผ่านที่ไม่จำกัด และสามารถบันทึกข้อมูลได้ทั้งรหัสผ่าน ข้อมูลทางการเงิน บัตรเครดิต บัญชีธนาคาร ที่อยู่ หรือแม้กระทั่งโน้ตบันทึกที่สำคัญ

ภาพจาก: Lastpass
ในขณะที่ Dashlane ก็มีฟีเจอร์ส่วนใหญ่เหมือนกันกับ Lastpass แต่มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ Password Changer ที่ช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนรหัสผ่านของเว็บไซต์และบริการต่างๆ มากกว่า 50 รายการเพียงการคลิกเพียงคลิกเดียว

ภาพจาก: cultofmac
ในส่วนของราคาของทั้งคู่ ก็มีให้เลือกตามแต่จุดประสงค์การใช้งาน มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน โดยสามารถเข้าไปดูกันได้ที่เว็บไซต์ของโปรแกรมเลย
ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเราตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้โปรแกรมจัดการรหัสผ่านแบบมีค่าใช้จ่ายอย่าง Lastpass หรือ Dashlane เราอาจต้องปิดการทำงานของ Chrome Password Manager เสียก่อนเพื่อไม่ให้การทำงานทับซ้อนกัน โดยเข้าไปที่ Setting>Autofill>Passwords>และปิด Auto Sign-in และ Offer to Save Passwords
สรุปทิ้งท้าย
เพราะรหัสผ่านคือกุญแจสำคัญที่ใช้ในการเข้าถึงตัวตนของเราบนโลกออนไลน์ ดังนั้นเพื่อปกป้องข้อมูลและความปลอดภัยของเรา เราจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลจัดการรหัสผ่าน ซึ่ง Chrome Password Manager ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยในขั้นตอนนี้ เพราะนอกจากมันจะช่วยบันทึกรหัสผ่านของเราไว้ทำให้สะดวกต่อการลงชื่อเข้าใช้งานบัญชีต่างๆแล้ว เครื่องมือนี้ยังช่วยประเมินความปลอดภัยของรหัสผ่าน รวมถึงสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มที่ยากต่อการคาดเดาให้เรานำไปใช้ได้ด้วย สุดท้ายนี้อยากให้เราลองถามตัวเองดูว่ากุญแจหรือรหัสผ่านที่เราถืออยู่นั้น เราดูแลมันดีพอแล้วหรือยัง หรือมันถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้ว
ตามติดทุกข่าวสารอัพเดทจากเราได้ที่นี่ The Growth Master
แล้วอย่าลืมกด Subscribe เพื่อรอรับสิ่งดีๆจากเรานะคะ :-)