ในช่วงหลังบทความของ The Growth Master เราได้มีการพูดถึงเรื่องของ เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) มากขึ้น เพราะเทคโนโลยี AR นี้ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทกับธุรกิจอย่างมากในปี 2021 ในการเสริมสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าโดยมีจุดประสงค์แตกต่างกันไปตามธุรกิจนั้น ๆ
ล่าสุด Google ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะขอนำเทคโนโลยี AR มาปรับใช้ในแพลตฟอร์มตัวเอง ด้วยการออกฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Virtual MakeUp ที่ทำให้คุณสามารถลองเครื่องสำอางยี่ห้อดังต่าง ๆ จาก Google Shopping ด้วยเทคโนโลยี AR
ซึ่งสาเหตุที่ Google คิดค้นฟีเจอร์ขวัญใจสาว ๆ ตัวนี้ขึ้นมาก็เพื่อต้องการเพิ่มลูกเล่นให้กับการใช้งาน Google Shopping ที่ถือเป็นฟีเจอร์ด้าน E-Commerce ของ Google เอง ประกอบกับความต้องการในการสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ล้ำขึ้นไปอีกขึ้นบนแพลตฟอร์ม
แต่รายละเอียดทั้งหมดของการนำเทคโนโลยี AR มาใช้ในฟีเจอร์นี้ของ Google จะมีอะไรบ้าง และทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจใช้เทคโนโลยีตัวนี้ ไปติดตามต่อได้เลยในบทความครับ
Virtual Makeup คืออะไร ? รู้จักฟีเจอร์แต่งหน้าออนไลน์ด้วยเครื่องสำอางแบรนด์ดังบน Google
Virtual Makeup คือฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด ที่ทาง Google ได้ทำการซุ่มพัฒนาและทดลองฟีเจอร์นี้มาเป็นระยะเวลานาน โดยฟีเจอร์นี้จะมีความโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยการดึงเอาเทคโนโลยี AR มาเป็นพระเอกของฟีเจอร์ (ถ้าคิดภาพตามไม่ออก ให้คิดถึงการถ่ายใช้ Filter เวลาเราเล่น Instagram Story หรือ Snapchat)
ด้วยการให้คุณสามารถลองเครื่องสำอาง ประเภท Lipstick , Eyeshadows ของแบรนด์ที่เป็นพันธมิตรกับ Google ได้บนหน้า SERP ด้วยการเปิดกล้องเซลฟี่ในสมาร์ทโฟนของคุณ และวางโครงหน้าให้เข้ากับกล้อง
ต้องบอกว่าในการพัฒนาฟีเจอร์นี้ Google ไม่ได้ทำแต่เพียงผู้เดียวนะครับ เพราะ Google ได้ร่วมมือกับ 2 บริษัทที่ถือเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยี AR อย่าง Perfect Corp และ ModiFace (บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยี AR สำหรับเครื่องสำอางโดยเฉพาะ)
ประกอบกับการเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำระดับโลก ได้แก่ L’Oréal (อยู่ในเครือเดียวกับ ModiFace) , Estée Lauder, MAC Cosmetics, Charlotte Tilbury, NYX และอื่นๆ เพื่อนำเฉดสีและรุ่นของเครื่องสำอางแบรนด์นั้น ๆ มาใช้ในฟีเจอร์นี้
ซึ่งแน่นอนว่าการจับมือกับ 2 พันธมิตรเบอร์ใหญ่ขนาดนี้ ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้เลยครับว่า ฟีเจอร์นี้ของ Google ผ่านการพัฒนามาแล้วเป็นอย่างดี ไม่มีบ้งหรือหลอกตาแน่นอน
สำหรับวิธีการใช้งานนั้น Google ออกแบบให้การใช้งานทำได้ง่ายที่สุดครับ โดยคุณเพียงแค่พิมพ์ชื่อเครื่องผลิตภัณฑ์พร้อมแบรนด์ที่ต้องการแล้วกดค้นหาแบบปกติได้เลยครับ ซึ่งถ้าเครื่องสำอางแบรนด์ไหนที่ทาง Google เป็นพันธมิตรด้วย การแสดงผลนั้นจะมีตัวอย่างการใช้งานจริง เมื่ออยู่บนหน้ามนุษย์ในแต่ละสีผิว , เพศ , โครงหน้า ให้เปรียบเทียบกันเลย (ตามตัวอย่างด้านบน)
นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์ไฮไลท์ของเรื่องนี้อย่างโหมด Try It On ที่ทำให้คุณได้ลองเครื่องสำอาง แบรนด์และเฉดสี ที่คุณเลือกกับใบหน้าคุณเองผ่านกล้องเซลฟี่ของสมาร์ทโฟน ให้ความรู้สึกเหมือนตัวคุณเองได้ลองเครื่องสำอางตัวนั้นจริง ๆ พร้อมปรับเปลี่ยนเฉดสีอื่น ๆ ได้ตามต้องการในกรณีที่สีที่คุณค้นหาในตอนแรกยังไม่ถูกใจ
นอกจากนั้น Google ยังไม่ปล่อยให้คุณหนีไปไหนได้ง่าย ๆ ครับเพราะในกรณีที่คุณลองด้วยโหมด Try It On แล้วเกิดถูกใจขึ้นมาก็มีปุ่ม CTA ให้คุณสามารถกดเข้าไปซื้อสินค้าจากทางเว็บไซต์ Official ของแบรนด์นั้นได้เลย (เพราะเป็นพาร์ทเนอร์กันแล้ว)
พัฒนาจากปัญหา ! สาเหตุอะไรที่ทำให้ Google ตัดสินใจคิดค้นฟีเจอร์นี้ขึ้นมา ?
เบื้องหลังที่ทาง Google ตัดสินใจพัฒนาฟีเจอร์นี้ ด้วยการนำเทคโนโลยี AR มาเป็นส่วนหนึ่งด้วย ปัจจัยแรกแน่นอนว่ามาจากสถานการณ์ Covid-19 ที่ทำให้การซื้อสินค้าแบบ In Store ไม่สามารถทำได้เหมือนเช่นปกติ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป หันมาพึ่งการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น (และจะเพิ่มขึ้นกว่า 73% เมื่อถึงช่วงใกล้เทศกาลสำคัญ)
ซึ่งความเจ็บปวดของการซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับความสวยความงาม คือเราไม่สามารถ “ทดลอง” สินค้านั้นกับตัวเราได้จริง ๆ และคงไม่มีใครที่อยากเสียทั้งเงินและความรู้สึกกับสินค้าที่เราซื้อมาแล้ว ดูไม่เข้ากับร่างกายของเรา ทำให้สินค้าจำพวกดังกล่าว ยังไม่ได้รับความนิยมกับการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์มากเท่าที่ควร
Google จึงได้ตัดสินใจออกฟีเจอร์นี้ขึ้นมา โดยมีความต้องการให้ผู้ใช้งานได้ประสบการณ์เหมือนคุณกำลังลองเครื่องสำอางหน้าเคาน์เตอร์แบรนด์ที่คุณต้องการจริง ๆ ผ่านสมาร์ทโฟน และยังสามารถซื้อสินค้าได้เลยอีกด้วย
เรียกได้ว่าการปล่อยฟีเจอร์นี้ออกมา แสดงให้เห็นถึงการที่ Google เล็งเห็นถึงปัญหาของการซื้อสินค้า ผ่านช่องทางออนไลน์จริง ๆ และทำการแก้ปัญหาโดยใช้ “เทคโนโลยี” ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้ใช้งานอย่างชาญฉลาด
สรุปทั้งหมด
สำหรับฟีเจอร์ Virtual Makeup ทาง Google ได้ทำการปล่อยฟีเจอร์นี้ร่วมกับแบรนด์เครื่องสำอางที่เป็นพันธมิตรออกมาให้ทุกคนได้ใช้งานแล้ว ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป โดยเริ่มจากอเมริการเป็นที่แรก ส่วนของประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ก็อาจจะมีข่าวดีได้ลองเล่นฟีเจอร์นี้กันในช่วงต้นปีหน้า
และถึงแม้ว่า AR Makeup ลักษณะแบบนี้ Google จะไม่ใช่เจ้าแรกที่คิดค้นฟีเจอร์แบบนี้ขึ้นมา (Youtube เคยทำมาก่อนแต่ไม่ประสบความสำเร็จ) แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเดินเกมส์ของ Google ที่ร่วมมือกับพันธมิตรมากมายในครั้งนี้ พวกเขาเอาจริงขนาดไหนกับการใช้เทคโนโลยี AR
ไม่แน่ว่าในปีหน้าเราอาจได้เห็นแบรนด์เครื่องสำอาง รวมไปถึงสินค้าต่าง ๆ หันมาพึ่งพาเทคโนโลยี AR เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจมากขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้