อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าข่าวใหญ่ระดับโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ เหตุการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน สืบเนื่องมาจากปัญหาที่ทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งกันมาอย่างยาวนาน จนในที่สุดทำให้รัสเซียได้นำกองทัพบุกเข้าไปถล่มยูเครน แน่นอนว่าจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ประชากรจากในหลาย ๆ ประเทศมีความไม่พอใจในการกระทำของรัสเซียเป็นอย่างมาก
เช่นเดียวกับในโลกโซเชียลมีเดียที่หลายแพลตฟอร์มทั้ง Facebook (จาก Meta), YouTube, Twitter และ TikTok ได้เริ่มออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเหตุการณ์การรุกรานยูเครนของรัสเซียในครั้งนี้แล้ว โดยแต่ละโซเชียลมีเดียมีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง The Growth Master สรุปมาให้คุณแล้วในบทความนี้
Facebook ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย และจัดตั้งศูนย์ Special Operations Center เฝ้าระวังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 2 ประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นในรัสเซียหรือยูเครน Facebook ถือว่าเป็นโซเชียลมีเดียที่ประชากรส่วนใหญ่ของ 2 ประเทศเลือกใช้เป็นศูนย์กลางในการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ เพราะในรัสเซียมีผู้ใช้งาน Facebook ประมาณ 70 ล้านคน และในยูเครน 24 ล้านคน (คิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งหมดของแต่ละประเทศ)
เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียประกาศว่าจะปิดกั้นการเข้าถึง Facebook บางส่วนในประเทศ เนื่องจาก Meta ปฏิเสธที่จะลบป้ายเตือนข้อมูลที่ผิด (Misinformation Warning Labels) บนโพสต์ต่าง ๆ
แต่ตอนนี้ Meta ได้ประกาศดำเนินการเหนือไปอีกขั้น คือ ประกาศห้ามโฆษณาจากสื่อของรัฐบาล รวมถึงจำกัดการเข้าถึงบัญชีสื่อของรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่แสบมาก ๆ เพราะรัฐบาลรัสเซียจะไม่สามารถใช้ Facebook ในการเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ได้
นอกจากนั้น Facebook ยังได้จัดตั้งศูนย์ Special Operations Center ที่มีเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเป็นชาวยูเครนและรัสเซีย เพื่อติดตามความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศโดยเฉพาะ รวมถึงปล่อยฟีเจอร์ One-Click Tool ออกมาในยูเครน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถล็อกรูปภาพโปรไฟล์ของตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ไม่ใช่เพื่อนในแพลตฟอร์มเข้าไปติดตามดูโปรไฟล์ โพสต์ และสตอรี่บน Facebook ได้อีกด้วย
YouTube ประกาศจำกัดการเข้าถึงของสื่อจากรัฐบาลรัสเซียทั้งหมด
ตามคำร้องขอจากรัฐบาลยูเครน YouTube ก็ได้ประกาศว่าได้เข้าจำกัดการเข้าถึงของสื่อของรัฐบาลรัสเซียสำหรับผู้ใช้ในยูเครน รวมถึงยังระงับการสร้างรายได้สำหรับช่องของรัสเซียอีกหลายช่อง
นอกจากนั้น YouTube ยังลบ Channel ที่มีเจ้าของเป็นรัฐบาลรัสเซียออกจากรายการแนะนำ และยังจำกัดการเข้าถึงการอัปโหลดคอนเทนต์วิดีโอต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์มอีกด้วย
YouTube ได้ประกาศผ่านรายงานของ The Wall Street Journal ว่า “ทีมงานของเรามีการติดตามอย่างใกล้ชิดสำหรับการพัฒนาข่าวบนแพลตฟอร์ม รวมถึงประเมินว่าการคว่ำบาตรและการควบคุมการส่งออกคอนเทนต์ใหม่ ๆ ในครั้งนี้จะมีความหมายต่อ YouTube อย่างไรบ้าง”
สำหรับการตอบโต้ของ YouTube ไปยังรัฐบาลรัสเซียในครั้งนี้ ก็ทำให้หน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการสื่อสารของรัสเซียก็ได้มีการเรียกร้องให้มีการกู้คืนการเข้าถึงช่อง YouTube ของสื่อรัสเซียในดินแดนยูเครนอีกด้วย (ซึ่งคล้าย ๆ กับเหตุการณ์ที่ Facebook มีการโต้ตอบกับรัฐบาลรัสเซีย) โดยสุดท้ายแล้ว เมื่อเหตุการณ์สงครามสงบลง YouTube ก็อาจจะเผชิญกับข้อจำกัดบางอย่างในรัสเซียเช่นกัน
Twitter แบนโฆษณาทั้งหมดชั่วคราวในยูเครนและรัสเซีย
ไม่เพียงแต่ Facebook และ YouTube เท่านั้น เช่นเดียวกับ Twitter ก็ได้มีการประกาศห้ามโฆษณาทั้งหมดในยูเครนและรัสเซียชั่วคราว เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลด้านความปลอดภัยของสาธารณะจะได้รับการยกระดับมากขึ้น รวมไปถึงการช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจว่าโฆษณาจะไม่ไปเบี่ยงเบนหรือดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งาน และมีการส่งข้อมูลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ใช้งานภายในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น Twitter ก็ได้มีการแบนโฆษณาทางการเมือง รวมไปถึงโฆษณาจากสื่อในเครือของรัฐบาล ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งสำหรับการแบนโฆษณาทั้งหมด Twitter กล่าวว่าจะช่วยทำให้ข้อมูลที่ใช้ในการทวีตมีความโปร่งใสมากขึ้น ป้องกันการสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้ใช้งานได้
และ Twitter ยังชี้อีกว่าทีมงานกำลังตรวจสอบทวีตในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อตรวจดูว่ามีสื่อไหนที่กำลังบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร หรือนำเสนอภาพและข้อเท็จจริงที่อาจสร้างความเข้าใจผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
TikTok ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความขัดแย้งนี้
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักที่น่าจับตามองมากที่สุดในตอนนี้คือ TikTok เพราะมีรายงานว่าผู้ใช้งานบางกลุ่มในรัสเซียกำลังใช้ TikTok เพื่อเผยแพร่ ‘ข่าวปลอมและข้อมูลที่บิดเบือน’ เกี่ยวกับเหตุการณ์ความขัดแย้ง ซึ่งจากรายงานยังบอกอีกว่าวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หลายพันรายการกำลังถูกอัปโหลดไปยังแพลตฟอร์ม ทำให้ทีมตรวจสอบของ TikTok เกิดอาการปวดหัวอย่างมาก
สำหรับการใช้งานของ TikTok ด้วยการที่ผู้ใช้งานคนใดสามารถทำให้คลิปนั้นกลายเป็นคลิปยอดนิยม ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้ ก็กลายเป็นแรงจูงใจให้กับผู้ไม่หวังดีในการสร้างสตรีมปลอมขึ้นมา และทำการ Live ภายในแอป เพื่อหลอกล่อให้ผู้ใช้งานจำนวนมากเข้ามารับชมคลิปของตัวเอง
นอกจากนี้ก็ยังมีรายงานว่ามีผู้ใช้งาน TikTok ของยูเครนกำลังใช้แอปพลิเคชันเพื่อบอกตำแหน่งของกองทหารรัสเซียให้กับนักสู้ยูเครน ซึ่งก็สร้างความปั่นป่วนไม่น้อยเลยทีเดียวบนแพลตฟอร์ม
ถึงแม้ว่าจะมีข่าวความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาจากแอปพลิเคชัน แต่ TikTok ก็ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์ความขัดแย้งในครั้งนี้ อาจเป็นเพราะบริษัทแม่ของ TikTok คือ Bytedance ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศจีน และจีนเองก็ได้สนับสนุนรัสเซียอย่างแน่วแน่มาตลอด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ TikTok ยังไม่มีจุดยืนที่เป็นทางการต่อเหตุการณ์นี้
อย่างไรก็ตาม ก็มีบางคนเรียกสิ่งนี้ว่า ‘TikTok War’ จากวิธีการใช้งานแพลตฟอร์มแบบผิด ๆ ซึ่งอาจเป็นการบังคับให้ TikTok ต้องออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนยิ่งขึ้นได้แล้ว
สรุปทั้งหมด
สำหรับเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียก็ยังคงได้รับความสนใจ และติดตามอย่างใกล้ชิดจากคนทั้งโลกอยู่ เพราะเหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความไม่สงบให้เพียงแค่ 2 ประเทศเท่านั้น แต่ยังคงสร้างผลกระทบให้กับการเมืองระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจทั่วโลกด้วยเช่นกัน
รวมถึงโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ระดับโลกก็ต้องออกมาแสดงจุดยืนของตัวเองและมีการโต้ตอบการกระทำของรัสเซียจากสงครามความไม่สงบในครั้งนี้ แต่จากการกระทำของพวกเขาก็ถือว่าเป็นการลดการเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ ที่อาจสร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นอย่างดี
ทีม The Growth Master ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอยากให้เหตุการณ์ความไม่สงบในรัสเซียและยูเครนในครั้งนี้จบลงด้วยดีโดยเร็วที่สุด แก้ปัญหาพูดคุยกันด้วยความสันติ และขอให้ไม่มีเหตุการณ์ที่สร้างความสูญเสียใด ๆ เกิดขึ้นอีก