ระยะเวลาผ่านไปหนึ่งปี จากเดิมที่ผู้ใช้ของ Kapwing มีอยู่เพียง 100,000 คน แต่ตัวเลขเหล่านั้นเติบโตขึ้นมากกว่าเดิมถึง 10X เท่า และทำให้ปัจจุบันพวกเขามีผู้ใช้มากกว่า 1 ล้านคน
มากไปกว่านั้นคือ พวกเขาเพิ่งได้รับการ Funding เป็นจำนวนเงิน 11$ ล้านเหรียญ (ราวๆ 330 ล้านบาท) ในช่วง Series A โดยบริษัท CRV คือ VCs ที่ลงทุนเป็นหลัก และถูกร่วมทุนโดย VCs อื่นๆ ซึ่งก็คือ Village Global, Sinai , Shasta Ventures และนักลงทุนรายใหม่ๆ เช่น Jane VC, Harry Stebbings, Vector และ the Xoogler Syndicate
ดูจากสถิติเหล่านี้แล้ว ก็ถือเป็นการเติบโตที่น่าสนใจเลยทีเดียว เราลองไปรู้จักพวกเขาให้มากขึ้นกันดีกว่า
คำศัพท์ที่น่าสนใจ
1. Funding : การระดมทุนจากแหล่งเงินทุน โดยการที่สตาร์ทอัพได้รับการ Funding นั้นหมายถึง สตาร์ทอัพนั้นได้รับเงินระดมทุนจากนักลงทุนหรือบริษัทจัดตั้งกองทุน
2. VCs : เป็นคำย่อมาจากคำว่า Venture Capitalists ที่หมายถึงบุคคลหรือบริษัทที่ประกอบอาชีพเพื่อลงทุนหรือร่วมทุนกับธุรกิจ
3. Series A : ระดับของการ Funding ที่สตาร์ทอัพได้รับ โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่ Seed Fund และไล่ไปเรื่อยๆ (ข้อมูลเพิ่มเติมศึกษาได้ที่นี่)
‘Kapwing’ เว็บไซต์ที่เป็นเหมือน Adobe สำหรับ Meme
ภาพจาก youtube
Kapwing (Ka-pwing) คือ เว็บไซต์สำหรับการตัดต่อวิดีโอและรูปภาพต่างๆ ที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดย 2 วัยรุ่นที่เป็นอดีต Staff ในตำแหน่ง Associate Product Manager ของ Google Search Image
ภาพจาก techcrunch
โดยทั้งคู่ได้ตัดสินใจออกจาก Google เพื่อคว้า ‘โอกาส’ ที่เกิดขึ้นในวงการ Creative ซึ่งโอกาสที่ว่านั้นก็คือ ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของคอนเทนต์แนว Meme (มีม) และ Remix Media (คอนเทนต์ที่ผสมผสานระหว่างมีเดียหลากหลายรูปแบบ) นั่นเอง
ภาพจาก media.giphy.com
แต่ปัญหาคือ ยังไม่มีเครื่องมือไหนที่ตอบโจทย์การผลิตคอนเทนต์ประเภทนี้เลย เพราะในการทำมีม หรือคลิปวิดีโอที่สั้นและกระชับ การใช้โปรแกรมในการตัดต่อ เช่น Adobe Premiere Pro หรือ Final Cut Pro ก็อาจจไม่เหมาะ ด้วยขั้นตอนและวิธีการใช้งานที่ยุ่งยากเกินไป
หลังจากที่เห็นปัญหาเหล่านี้ ทำให้ผู้ก่อตั้งทั้งคู่เกิดไอเดียในการพัฒนาเครื่องมือสำหรับการผลิตคอนเทนต์แนวนี้ โดยเน้นไปที่ความง่ายในการใช้งาน ไม่ว่าจะย่อ ตัด เพิ่ม Subtitles ใส่เสียง หรือสิ่งอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอและรูปภาพ คุณก็สามารถทำได้สบายๆ โดยที่คุณไม่ต้องเป็น Graphic designer หรือมีความรู้ด้านการตัดต่อ
นอกจากที่พูดไปแล้ว ปัจจุบันเว็บไซต์ Kapwing ก็ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมายกว่า 30+ ฟีเจอร์ ตัวอย่างเช่น :
- Meme Generator
- Subtitles
- Multi-Video Montage Maker
- Video Collage
- Video Filters
- Image To Video Converter
- Add Overlaid Text To Video
- Add Music To Video With MP3 Uploads
- Resize Video
- Reverse Video
- Loop Video
- Trim Video
- Mute Video
- Stop Motion Maker
- Sound Effects Maker
ซึ่งโดยรวม ถือว่า Kapwing ตอบโจทย์ความง่ายและความครบครันให้กับผู้ใช้ได้ดีเลยทีเดียว
“Meme Generator” ฟีเจอร์สุดฮิตของ Kapwing
และแน่นอนว่าฟีเจอร์ที่ฮอตและฮิตที่สุดของ Kapwing ก็คงหนีไม่พ้นฟีเจอร์ Meme Generator หรือฟีเจอร์สำหรับการสร้างมีม ที่มีจุดเด่นคือ Templates ที่มีมากมายและหลากหลายให้เลือก อีกทั้งยังให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มมีเดียและข้อความของตัวเองเข้าไปได้อีกด้วย ต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ที่อาจจะอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกได้เฉพาะมีเดียและข้อความที่กำหนดเท่านั้น
ภาพจาก kapwing
นอกจากนี้ เจ้าฟีเจอร์ Meme Generator นี้ ก็ยังมีขั้นตอนการใช้งานที่ง่ายเพียง 4 ขั้นตอนเท่านั้น คือ :
1. อัพโหลดรูปภาพหรือวิดีโอ สำหรับการสร้างมีม
2. กำหนดขนาดและตำแหน่งของมีเดีย
3. เพิ่มข้อความ
4. ดาวน์โหลดและแชร์
ภาพจาก kapwing
ซึ่งคุณสามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้แบบฟรีๆ เลย
เทรนด์ของคอนเทนต์ประเภท Meme ที่ทำให้ Kapwing เติบโต
ทุกวันนี้เชื่อว่าไม่ว่าคุณจะใช้ Social Media แพลตฟอร์มไหน ก็คงเจอ Meme เต็มหน้า Feed ไปหมด ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะคอนเทนต์ประเภทนี้เติบโตขึ้นและได้รับความนิยมอย่างมากในโลกโซเชียล
โดยหากเป็นช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ก็อาจจะมีมีมไม่กี่แบบที่เราคุ้นเคยกัน ตัวอย่างเช่น :
Success Kid
Nyan Cat
Philosoraptor
แต่ปัจจุบัน หลังจากที่เทรนด์ของมีมเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ รูปแบบของมีมที่ได้รับความนิยมก็เริ่มกว้างขึ้น โดยมีมที่ได้ Engagement เยอะๆ ส่วนใหญ่จะถูกสร้างสรรค์ด้วยการใช้มีเดียของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปหรือวิดีโอที่ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ หรือจะเป็นรูปที่มาจากการตัดต่อ ก็สามารถโด่งดังได้ชั่วข้ามคืน โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้รูปหรือวิดีโอซ้ำๆ เหมือนสมัยก่อน
ตัวอย่างของ Facebook Page ที่ได้รับความนิยมจากการทำมีมก็อย่างเช่น เพจ ‘คาราโอเกะชั้นใต้ดิน’ ที่แชร์รูปภาพที่ตลกๆ พร้อมกับเนื้อเพลงบางท่อนที่สอดคล้องกับรูปภาพนั้นๆ ซึ่งเรื่องที่นำมาแชร์ก็จะเป็นรูปทั่วไป หรือรูปภาพบางรูปภาพที่ได้กำลังเป็นกระแส เช่น รูปภาพของคนสำคัญทางการเมือง
(ภาพจาก เพจ คาราโอเกะชั้นใต้ดิน)
และเนื่องจากทุกวันนี้ รูปแบบของคอนเทนต์ที่ลูกค้า Engage มากที่สุด (และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต) ก็คือคอนเทนต์ที่เป็น Visual Content เช่น รูปภาพ วิดีโอ Infographic รวมถึง Meme แปลว่า ทักษะในการสร้างและออกแบบคอนเทนต์รูปแบบนี้ ก็อาจจะไม่ใช่ Graphic Designer อย่างเดียวที่ควรต้องมี แต่นักการตลาดหรือบุคคลทั่วไปที่เป็น Publisher ก็ควรที่จะสามารถออกแบบคอนเทนต์รูปแบบ Visual ได้เช่นกัน
ซึ่งด้วยเทรนด์นี้ ก็ทำให้บริการของ Kapwing ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะเมื่อซอฟต์แวร์สำหรับการตัดต่อรายใหญ่ๆ เช่น Adobe หรือ Apple ไม่สามารถมอบความง่ายในการใช้งานได้ดีเท่าไหร่ ผู้คนที่ไม่ได้เก่งในงานด้านนี้ก็เลือกที่จะหันมาใช้เครื่องมือที่ง่าย และรวดเร็วกว่านั่นเอง
การวิเคราะห์ส่งท้ายจากผู้เขียน
จากตัวเลขการเติบโตที่ค่อนข้างน่าสนใจของ Kapwing ส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่า Kapwing นั้นตอบโจทย์อย่างมากในยุคที่ Visual Content นั้นเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งผู้เขียนคิดว่าหลักๆ เป็นเพราะจุดเด่นเรื่องความง่ายในการใช้งานของเว็บไซต์ ผู้ใช้สามารถตัดต่อหรือสร้างคอนเทนต์ได้ผ่านบราวเซอร์ จากอุปกรณ์ (Devices) ไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์มาให้กินพื้นที่ในอุปกรณ์เลย
นอกจากนี้ อีกส่วนหนึ่งที่น่าจับตามองก็คือการเติบโตขึ้นของ “Meme” ที่ดูจะถูกใจกลุ่มคน Millennial และ Gen Z เป็นพิเศษ ส่วนตัวคิดว่าเป็นเพราะมีมส่วนใหญ่ Social Media มักจะเป็นมีมที่ให้ความบันเทิง และมีเนื้อหาที่เข้าถึง ตรงไปตรงมา ทำให้กลุ่มคนดังกล่าวเลือกที่จะ Share , Comment หรือ Like ได้อย่างง่ายดาย
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนคิดว่าอีกไม่นาน เราอาจจะได้เห็นสิ่งที่เรียกว่า ‘Meme Marketing’ เข้ามามีส่วนสำคัญมากขึ้น เพราะตอนนี้ก็มีหลากหลายแบรนดที่เริ่มนำกลยุทธ์นี้มาใช้แล้ว เช่น Netflix หรือ Disney
ในส่วนของรายละเอียด ผู้เขียนจะนำมาเล่าให้ฟังในโอกาสหน้าครับ กด Subscribe เพื่อรอติดตามได้เลย