เมื่อวันพุธที่ 26 ตุลาคม Meta ได้ออกรายงานผลประกอบการ Q3/2022 ว่ายังมีรายได้รวม 27,714 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าลดลง 4% เมื่อเทียบปีต่อปี และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,395 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยสาเหตุหลักที่รายได้ลดลงก็ยังคงมาจากการชะลอตัวของค่าโฆษณาในวงกว้าง และการลงทุนอย่างหนักของ Reailty Labs ในส่วนของ Metaverse ที่ยังคงขาดทุนอยู่
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/6359f8233287f7257651671d_54tDCcXGEYUlJ1jkDSuL72b0VK9e9Q7f0BDLzTU36Mq8k5emtrmHJq93PblrKw-Ra-yycHL60HBsPdIM5h9jkZmXd6zG45LiRCPShh7UyOnfkNWdIqaaAw1kNDqXZIpkPdVcBIHxuv9cgKU8RMqxiB9XOv3dvrpP0Sr5XBBnwqwGL_DMk1NhJ5tnMw.png)
Meta รายได้ลดลง 4% สาเหตุจากการชะลอตัวของโฆษณาและการลงทุนใน Metaverse ที่หนักเกินไป
Meta รายงานว่า Facebook ธุรกิจโซเชียลมีเดียหลักของ Meta มีผู้ใช้งานเฉลี่ย 1,984 ล้านคนต่อวันในไตรมาสที่ 3 ถือว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 16 ล้านคน จาก 1,968 ล้านคนในไตรมาสก่อนหน้า ในขณะเดียวกัน Facebook ก็ถือว่าอยู่ในช่วงขาลง เพราะบริษัทกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก TikTok โดยก่อนหน้านี้ยอด Daily Active Users ของ Facebook ลดลงใน Q4/2021 ประมาณ 1 ล้านคนอีกด้วย
นอกจากนี้ รายได้ส่วนใหญ่ที่มาจากธุรกิจแอปต่าง ๆ เฉพาะส่วนนี้ลดลงเหลือ 27,429 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีกำไรการดำเนินงานเฉพาะส่วน 9,336 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ Reality Labs ธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวกับ Metaverse รายได้ลดลงเหลือ 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังคงขาดทุน 3,672 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสนี้ รวมเป็นขาดทุน 9.4 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้
โดยสาเหตุหลักมาจากยอดขายชุดหูฟัง Quest 2 ที่ลดลง เพราะมีการขึ้นราคา 100 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนสิงหาคม ส่วนชุดหูฟังรุ่นถัดไป Meta มีกำหนดวางจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า และ Meta เพิ่งเปิดตัว Quest Pro ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นรุ่นที่มีราคาแพงกว่า 1,499 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับกรณีการใช้งานในที่ทำงาน
![](https://cdn.prod.website-files.com/5ef30243b02a260f4e3aded8/6359f823960a863f31011442_3in9TGWwRBtdp1Q2ZLbzydjaDlGfcggXZmfw7caEAo5B97Rul0H3PXtKNaNbwemdbO7pHvfHxB-BM-195K5ZTK_c2xmYX-ODhBLa2iB0JuIY1Ny6BLURbQo3wgrfYVQ1nxLvnJhENe4iRa1L2A8MKLI5l87J3MEsT9TzfYs9kssZvZkTFYu1Bq8VDA.png)
สำหรับธุรกิจ Reality Labs ซีอีโอ Mark Zuckerberg กล่าวว่า “จากปัญหารายได้ที่ลดลงของบริษัท ผมก็ได้สูญเสียผู้สนับสนุนไปอย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งผมก็รู้ดีว่านักลงทุนเหล่านั้นรู้สึกอย่างไร เพราะตอนนี้มีการเดิมพันในการทดลองที่มากเกินไป เมื่อเทียบกับการเดิมพันที่ถูกพิสูจน์ขึ้นมาแล้ว”
ยิ่งไปกว่านั้น Mark Zuckerberg ยังคงกล่าวย้ำอีกว่า “ผมเข้าใจว่าหลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับการลงทุนในครั้งนี้ แต่จากสิ่งที่ผมบอกได้ ผมคิดว่านี่จะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อีกสิบปีข้างหน้าคนจะมองย้อนกลับมาและพูดถึงสิ่งที่เรากำลังทำในตอนนี้”
สรุปทั้งหมด
แม้ในตอนนี้การลงทุนในธุรกิจ Metaverse จะยังคงใช้ต้นทุนมหาศาลและมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะคนทั่วไปอาจยังไม่สามารถเข้าถึง Metaverse ได้อย่างทั่วถึงเหมือนกับที่เข้าถึง Facebook ได้ง่าย ๆ แต่ก็มีหลายคนที่มีความเชื่อว่ากลุ่มธุรกิจนี้จะสามารถเริ่มทำกำไรได้ในระยะยาวในอนาคตต่อจากนี้
สำหรับ Meta ในตอนนี้ก็จำเป็นต้องอดทนสร้างธุรกิจนี้กันต่อไป เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าสิ่งที่คิดและกำลังทำอยู่นั้น บริษัทสามารถทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ ซึ่งเราก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าถึงแม้ปัจจุบันจะอยู่ช่วงขาลงของบริษัท แต่อนาคตของ Meta จะเป็นอย่างไรต่อไป