นับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Microsoft ได้ยุติการให้บริการและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในประเทศรัสเซียเพื่อต้องการคว่ำบาตรจากการรุกรานยูเครน ซึ่งมาจนถึงปัจจุบันก็ไม่มีท่าทีว่าเหตุการณ์ความไม่สงบนี้จะยุติลงแต่อย่างใด
จนตอนนี้สำนักข่าวเทคโนโลยีอย่าง Bloomberg ก็ได้ออกมาเผยว่า Microsoft เตรียมที่จะลดขนาดการดำเนินการในรัสเซีย โดยการเปลี่ยนแปลงนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อพนักงานมากกว่า 400 คน
การปรับลดขนาดการดำเนินงานในรัสเซีย
Microsoft ได้ชี้ว่า ด้วยผลกำไรที่เปลี่ยนแปลงจากธุรกิจภายในประเทศรัสเซีย พวกเขาได้ตัดสินใจที่จะปรับลดการดำเนินการครั้งใหญ่เพื่อเป็นการลดต้นทุนโดยรวม
ทั้งนี้ Microsoft ก็ยังไม่ได้ล้มเลิกธุรกิจภายในประเทศรัสเซียทั้งหมด โดยจะมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดตามสัญญาที่มีอยู่กับลูกค้าภายในประเทศรัสเซียอยู่เช่นเดิม (Microsoft Azure, Microsoft 365, Dynamics 365, และ Power Platform) แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนไปก็คือจะไม่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เข้ามาอีก
ซึ่งการปรับลดขนาดการดำเนินงานในรัสเซียนี้จะทำให้พนักงานมากกว่า 400 คนถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่ Microsoft ก็ได้กล่าวว่าทางบริษัทจะเข้าไปดูแลและสนับสนุนพนักงานเหล่านี้ทุกคนอย่างเท่าเทียมในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
อีกทั้งประธานบริษัท Microsoft อย่าง Brad Smith ก็ได้ออกมาประณามต่อประเทศรัสเซียเพิ่มเติมว่า
“เหมือนกับทุกประเทศ พวกเราต่างหวาดกลัว โกรธเกรี้ยว และเศร้าใจเมื่อได้รับรู้ข่าวสารและภาพจากสงครามความไม่สงบในทุก ๆ วัน พวกเราขอประณามการกระทำที่ไม่ยุติธรรม ไร้เหตุผล และขัดต่อข้อกฏหมายเหล่านี้”
แต่ถึงแม้ว่า Microsoft จะลดฐานการดำเนินการในประเทศรัสเซียลง แต่ก็คาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อผลกำไรภายในบริษัท เพราะ Microsoft ได้เผยว่าผลกำไรภายในประเทศรัสเซียได้ลดลงจนต่ำกว่า 1% จากผลกำไรทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สรุปทั้งหมด
Microsoft ไม่ใช่บริษัทแรก ๆ ที่ทำการลดขนาดการดำเนินงานลงในประเทศรัสเซีย บริษัทยักษ์ใหญ่เช่น IBM ก็ค่อย ๆ ลดการดำเนินงานเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงบริษัท Software รายใหญ่อย่าง SAP ก็ได้กล่าวว่าพวกเขาจะล้มเลิกธุรกิจภายในประเทศรัสเซียทั้งหมดเช่นเดียวกัน
ซึ่งรายชื่อบริษัทก็เตรียมจ่อคิวย้ายถิ่นฐานออกจากประเทศรัซเซียอีกมาก ยกตัวอย่างเช่น Amazon และ Apple เป็นต้น ซึ่งเหตุการณ์ความไม่สงบนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรกับวงการเทคโนโลยีภายในประเทศรัสเซียอีก เราก็ต้องติดตามข้อมูลกันต่อไป