จากเหตุการณ์ที่ Neil Young และ Joni Mitchell ศิลปินชื่อดังชาวแคนาดา ออกมาประท้วงและเรียกร้องให้ Spotify ลบเพลงของเขาทั้งหมดออกจากแพลตฟอร์ม เนื่องจากเขาไม่พอใจที่ Spotify สนับสนุนรายการพอดแคสต์ ที่ให้ข่าวสารผิด ๆ และมีเนื้อหาขัดแย้งกับความเป็นจริงในเรื่องของการฉีดวัคซีน Covid-19
ซึ่งหลังจากที่ Joe Rogan ได้ปล่อยพอดแคสต์ Episode เจ้าปัญหานี้ออกมา ไม่เพียงแต่ศิลปิน 2 คนดังกล่าวเท่านั้นที่รู้สึกไม่พอใจ แต่ก็มีกลุ่มแพทย์ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์กว่า 1,000 คน ส่งจดหมายเข้ามาประท้วงเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด Spotify ทนแรงกดดันไม่ไหว ทำให้ Daniel Ek (CEO ของ Spotify) ออกมาชี้แจงว่า ทางบริษัทจะเพิ่มคำแนะนำด้านเนื้อหาเกี่ยวกับ Covid-19 ในพอดแคสต์ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ รวมถึงคอนเทนต์อื่น ๆ ที่มีเนื้อหาในลักษณะเดียวกันด้วย
Spotify เพิ่มคำแนะนำด้านเนื้อหาให้มีความสดใหม่และสอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบันมากขึ้น
ปัจจุบันรายการ The Joe Rogan Experience เป็นพอดแคสต์ที่มีฐานผู้ฟังถึง 11 ล้านคน และมีเรื่องดราม่าเป็นปกติประจำอยู่แล้ว เพราะ Rogan มักจะเชิญแขกที่มีข่าวอื้อฉาว หรือประเด็นการเมืองมาออกรายการ อย่างกรณีล่าสุดเขาได้เชิญแพทย์รายหนึ่งมาพูดเรื่องวัคซีน Covid-19 และให้ข้อมูลที่ผิด จนทำให้กลุ่มแพทย์ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์กว่า 1,000 คนส่งจดหมายประท้วงมาแล้ว
จากเหตุการณ์ดังกล่าว Spotify ออกมาชี้แจงว่า โดยปกติแล้ว ทางบริษัทมีกฎระเบียบเรื่องเนื้อหาผิดกฎหมาย-ข่าวปลอมที่ใช้เป็นการภายในอยู่แล้ว แต่ไม่เคยนำมาประกาศให้คนนอกทราบ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางบริษัทก็นำกฎระเบียบนั้นมาขึ้นบนเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว และจะแปลออกมาเป็นภาษาอื่น ๆ เพื่อเข้าถึงเหล่า Creator ที่ใช้ภาษาอื่น ๆ ด้วย
นอกจากนี้ Spotify ก็ได้เขียนนโยบายเนื้อหาเกี่ยวกับ Covid-19 รวมถึงกฎทั่วไปของแพลตฟอร์ม และได้นำมาเผยแพร่บนเว็บไซต์เช่นเดียวกัน ซึ่ง Spotify กล่าวว่าใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกฎนี้อาจถูกลบคอนเทนต์ที่เป็นปัญหาออกไป และผู้ที่กระทำผิดซ้ำอาจถูกระงับหรือแบนบัญชีออกไปจากแพลตฟอร์มเลย
จากส่วนหนึ่งของนโยบาย ทาง Spotify กล่าวว่าจะไม่อนุญาตให้คอนเทนต์มีการอ้างว่า “เอดส์, Covid-19, มะเร็ง หรือโรคร้ายแรงอื่น ๆ ที่คุกคามต่อชีวิตเป็นเรื่องหลอกลวงหรือเป็นเรื่องไม่จริง” นอกจากนั้น แพลตฟอร์มจะแบนคอนเทนต์ที่ส่งเสริมให้ผู้คน “จงใจออกไปติดเชื้อ Covid-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน” และจะแบนคอนเทนต์ที่ชี้ว่าวัคซีน “ออกแบบมาเพื่อทำให้คนที่ฉีดเสียชีวิต”
ส่วนในเรื่องประเด็นของรายการ The Joe Rogan Experience ซีอีโอของบริษัท Daniel Ek เลี่ยงที่จะไม่พูดถึงรายการของ Joe Rogan ที่สร้างความขัดแย้ง และไม่บอกว่าจะมีมาตรการอย่างไรกับ Episode ที่เป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม The Verge ระบุว่าทางบริษัทได้รับนโยบายด้านเนื้อหาก่อนที่ Spotify จะนำขึ้นบนเว็บไซต์ และภายในก็มีบันทึกว่าพอดแคสต์ของ Joe Rogan “ไม่ตรงตามเกณฑ์ที่จะถูกลบออกจากแพลตฟอร์ม”
สรุปทั้งหมด
สำหรับกรณีนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ทำให้ Spotify รวมถึงบริษัทอื่นที่ทำธุรกิจในลักษณะเดียวกันควรมีการตระหนักได้ว่า จะต้องมีการสร้างกฎระเบียบที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เหล่า Creator มีความเข้าใจตรงกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำคอนเทนต์ที่นำประเด็นทางสังคมหรือข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน อย่างด้านการแพทย์, การเมือง มาทำเป็นคอนเทนต์ ทางแพลตฟอร์มยิ่งควรจะต้องมีการตรวจสอบเนื้อหาให้ดีก่อนนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ เพราะข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาอาจจะสร้างความเข้าใจผิด ๆ ต่อผู้ชมได้