“The Last Wave”
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทสตาร์ทอัพด้าน ridesharing ชื่อดังอย่าง ‘อูเบอร์’ ก็ได้ประกาศปลดพนักงานราว 350 คนในทีมต่างๆ ภายในองค์กร ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของการปลด เพราะถ้าหากใครได้ติดตามข่าวของอูเบอร์ก็จะรู้ว่านี่ถือเป็นครั้งที่สามของการปลดแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทก็ได้ออกมาประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของการปลดตามแผนงาน
ในการปลดครั้งนี้ทีมที่ได้รับผลกระทบหลักๆ เลยก็คือ พนักงานของฝั่ง Uber Eats ทีมงานแผนก Performance Marketing ทีมงานแผนก Advanced Technologies ทีมงานแผนก Recruiting รวมถึงทีมงานจากแผนกอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น แผนก Global rides หรือ แผนก Platform ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่ได้ถูกปลด แต่จะถูกย้ายสาขาในการทำงานนั่นเอง
โดยหลังจากที่มีการปลดนี้ CEO ของบริษัท คุณ Dara Khosrowshahi ก็ได้ส่งอีเมลเพื่อให้ทุกคนในบริษัทได้ทราบถึงจุดประสงค์และคำอธิบายเกี่ยวกับการปลดนี้ เพื่อให้ทุกคนในบริษัทได้เข้าใจกัน ซึ่งบางส่วนของอีเมลก็เขียนว่า
“อย่างที่คุณทราบกันว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กลุ่ม leaders ของเรานั้นได้พิจารณาถึงแต่ละทีมอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรของเรามีโครงสร้างทีมที่จะสามารถประสบความสำเร็จในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยากลำบาก แต่มันจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าเรามีคนที่เหมาะสมในบทบาทที่ถูกต้อง ในสถานที่ที่เหมาะสม และเรามักจะต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติงานที่ดีที่สุดเสมอ” – Dara Khosrowshahi
ในเนื้อหาของอีเมลก็ยังส่วนที่เขียนว่า “Today is the last wave of a process we began months ago..” ซึ่งเป็นการยืนยันว่านี่จะเป็นการปลดครั้งสุดท้ายของแผนงานนี้
ภาพจาก cnet
แต่อย่างไรก็ตาม หากมองภาพรวมแล้วของแผนการปลดนี้ ก็ถือว่าพนักงานของอูเบอร์นั้นหายไปประมาณ 1% ของพนักงานทั้งหมดในบริษัท นับรวมจากการปลดเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมาที่มีการปลดพนักงาน 435 คนในทีมงานแผนก Product และ Engineering และการปลดเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมาที่มีการปลดพนักงานราวๆ 300 คนในทีมงานแผนก Marketing ซึ่งเราจะเห็นได้เลยว่ามีหลากหลายแผนกได้รับผลกระทบจากแผนการปลดครั้งนี้
และพนักงานมากกว่า 70% ที่ได้รับผลกระทบนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานที่ประจำอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และส่วนที่เหลือมีการกระจายอยู่ทั่วทั้งเอเชีย แปซิฟิก ละตินอเมริกา และยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกา
สาเหตุที่ Uber ต้องปลดพนักงานกว่า 1,000 คน
ตามเนื้อหาในอีเมลที่คุณ Dara ได้แจ้งไว้ คือ เขาและกลุ่มผู้บริหารต้องการปรับโครงสร้างขององค์กรใหม่ทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานแต่ละคนในองค์กรอยู่ใน Position (ตำแหน่ง) ที่เหมาะสม และสามารถสร้าง Performance ที่ดีที่สุดออกมาได้
“สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยากลำบาก แต่มันเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าเรามีคนที่เหมาะสมในบทบาทที่ถูกต้อง ในสถานที่ที่เหมาะสม และเรามักจะต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติงานที่ดีที่สุดเสมอ”
นอกจากนี้ ส่วนของผู้เขียนคิดว่าอูเบอร์นั้นต้องการจะลด Cost (ค่าใช้จ่าย) ต่อหัวที่เกิดขึ้นจากจำนวนพนักงาน เช่น ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 อูเบอร์ขาดทุนไปกว่า 5 พันล้านเหรียญ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการจ่ายปันผลชดเชยสำหรับหุ้นของพนักงาน หลังจากที่บริษัทเปิด IPO ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยหากจากรายงานล่าสุดเมื่อปี 2018 พนักงานของอูเบอร์ที่ประจำอยู่ทั้ง 63 ประเทศ 6 ทวีปนั้นมีจำนวนอยู่เกือบ 23,000 คนเลยทีเดียว
Data Source : PROSPECTUS. HEAD COUNT AS OF THE END OF 2018.
ยังไม่นับรวมกับคนขับที่อูเบอร์นั้นจัดเป็นพนักงานแบบอิสระที่มีอยู่จำนวนมากในทุกประเทศที่ให้บริการ
และแน่นอนว่าการปลดพนักงานจำนวนกว่า 1,000 ครั้งนี้ก็จะเป็นการลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวนั่นเอง
สรุป
ดูเหมือนว่าแผนการปรับลดพนักงานครั้งนี้จะเป็นการปรับโครงสร้างและลดต้นทุนครั้งใหญ่ เพื่อรับมือกับภาวะขาดทุนที่ทำให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ล้านเหรียญ หลังจากที่บริษัทอูเบอร์ตัดสินใจเข้าตลาดหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม เราจะคงต้องติดตามดูกันต่อไปสำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ที่จะประกาศในวันที่ 4 พฤศจิกายนที่จะถึง กลยุทธ์นี้จะช่วยพยุงและทำให้บริษัทกลับมาเติบโตได้หรือไม่ เราคงได้เห็นกันในอนาคต