Youtube มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใหม่ ซึ่งจะเริ่มใช้ในเดือนมกราคมของปี 2020 ที่กำลังจะถึง ทำให้เหล่าวิดีโอครีเอเตอร์ทั้งหลายบนยูทูปกังวลว่ามันจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของพวกเขา
โดยต้นเหตุของนโยบายที่ถูกเปลี่ยนแปลงนั้นคือข่าวในช่วงเดือนกันยายน ปี 2019 ที่คณะกรรมการการค้าของสหรัฐ (FTC) ได้ทำการสอบสวน YouTube ว่าละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของเด็ก (Children’s Online Privacy Protection Act หรือ COPPA) ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2000
ซึ่งหลายอย่างบนแพลตฟอร์มจะมีการเปลี่ยนแปลงไป แต่ส่วนที่จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับรายได้ของครีเอเตอร์ก็คือการแสดงผลของโฆษณาที่จะมีเปลี่ยนไป
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากนโยบายใหม่ของ Youtube
ตามการอ้างอิงของกฎหมาย COPPA แพลตฟอร์ม Youtube จะเลิกแสดงโฆษณาที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ (Personalized Ads) ที่อาจจะถูกแสดงขึ้นในวิดีโอคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาที่ถูกสร้างมาเพื่อเด็ก (เช่น วิดีโอรีวิวของเล่น)
และทางบริษัทเองก็ได้ออกมาแจ้งกับครีเอเตอร์ตามตรงว่ารายได้จากโฆษณาของพวกเขาอาจจะลดลงจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
“ถ้านโยบายนี้ได้เริ่มใช้แล้ว มันอาจจะส่งผลกระทบให้รายได้ของครีเอเตอร์บางรายนั้นลดลง แต่ทั้งนี้เราก็ยังจะเสิร์ฟโฆษณาประเภท Non-Personalized (โฆษณาที่เลือกแสดงจากบริบทมากกว่าการนำข้อมูลของผู้ใช้มาเจาะกลุ่มเป้าหมาย) ในวิดีโอคอนเทนต์สำหรับเด็ก” – Youtube
ความกังวลของเหล่าครีเอเตอร์จากนโยบายใหม่
สิ่งที่เหล่าครีเอเตอร์บน Youtube กังวลเป็นพิเศษตอนนี้ก็คือ ความไม่แน่นอนและความไม่สเถียรของเกณฑ์และระบบที่ Youtube ได้นำมาใช้ในการคัดแยกวิดีโอที่เป็นวิดีโอสำหรับเด็ก เพราะหากวิดีโอของครีเอเตอร์รายไหนที่ถูกปักธงว่าเป็นวิดีโอสำหรับเด็ก ทั้งที่จริงๆ อาจจะไม่ใช่ วิดีโอเหล่านั้นก็จะมีช่องทางรายได้จากโฆษณาหรือสปอนเซอร์ที่น้อยลงนั่นเอง
โดย Youtube จะใช้ Machine Learning เป็นเครื่องมือในการคัดกรองว่าวิดีโอไหนที่เป็นวิดีโอสำหรับเด็ก ซึ่งปัจจัยหลักๆ ที่ Youtube ใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกวิดีโอสำหรับเด็กก็จะมีอย่างเช่น :
- ในวิดีโอนั้นมีเด็กหรือตัวละครของเด็กหรือไม่
- ในวิดีโอนั้นมีเนื้อหาที่เกียวกับตัวการ์ตูนหรือคาแรคเตอร์จากอนิเมชั่นชื่อดังหรือไม่
- ใช้ของเล่นมาประกอบเนื้อหาในการเล่าเรื่องหรือเล่นกับมันหรือไม่
- มีเพลง นิทาน หรือกลอนสำหรับเด็กหรือไม่
- ใช้เด็กเป็นหนึ่งในตัวแสดงหรือไม่
แต่ถึงแม้ Youtube จะออกกฏเกณฑ์ในการจัดประเภทวิดีโอสำหรับเด็กไว้แล้ว ก็ยังมีครีเอเตอร์บางรายที่ออกมาร้องเรียนการคัดกรองของ Youtube ว่าพวกเขามีการคัดกรองที่ผิดพลาด
วิธีระบุว่าวิดีโอของเรานั้นเป็นวิดีโอสำหรับเด็กหรือไม่
อย่างไรก็ตาม Youtube ก็มีวิธีให้ครีเอเตอร์ได้ระบุชัดเจนขึ้นว่าวิดีโอของพวกเขานั้นเป็นวิดีโอสำหรับเด็กหรือไม่โดยวิธีการ สามารถทำได้โดยเข้าไปที่หน้า YouTube Studios และเลือก Settings > Channel > Advanced Settings แบบที่เห็นในรูปด้านล่างนี้เลยครับ
โดยเราสามารถเลือกตัวเลือก “Yes” เพื่อระบุว่าวิดีโอส่วนใหญ่ของเรานั้นเป็นวิดีโอสำหรับเด็ก หรือเลือกตัวเลือก “No” เพื่อระบุว่าวิดีโอของเราไม่ใช่วิดีโอสำหรับเด็ก หรือหากคุณต้องการทำการระบุเป็นรายคลิปก็ได้เช่นกัน
เพื่อให้เข้าใจและทำตามได้ง่ายขึ้น คุณสามารถฟังคำอธิบายได้จากวิดีโอของ Youtube ด้านล่างนี้ครับ
สรุป
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา Youtube จะมีแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Youtube Kids เพื่อเผยแพร่คอนเทนต์สำหรับเด็กโดยเฉพาะ แต่ก็ยังพบว่าเด็กส่วนใหญ่ก็อาจจะเลือกเข้าแพลตฟอร์ม Youtube แบบธรรมดา และสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่อาจเป็นอันตรายต่อพวกเขาได้ ดังนั้น Youtube จึงต้องจัดทำนโยบายใหม่ออกมาเพื่อนำมาแก้ไขปัญหานี้ตามที่ได้มีการฟ้องร้องจาก FTC
สุดท้ายในฝั่งครีเอเตอร์ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้ก็อาจจะต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาคอนเทนต์เพื่อระบุอย่างชัดเจนว่าวิดีโอของพวกเขานั้นเป็นวิดีโอสำหรับเด็กหรือไม่ เพราะนั่นเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบกับรายได้ของครีเอเตอร์น้อยที่สุดครับ