Services
Services
Performance MarketingContent Led GrowthLaunchpad WebsiteBranding
PORTFOLIO
Let's Talk
Services
Performance MarketingContent Led GrowthLaunchpad WebsiteBranding
Services
Portfolio
Let's Talk
คุยกับเรา
Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.

Growth Update

Youtube เริ่มทดสอบฟีเจอร์ Product Tags แท็กสินค้าพร้อมซื้อขายทันที หวังรุกตลาด E-Commerce

Youtube เริ่มเคลื่อนไหว! ล่าสุดกำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด ที่จะมารุกตลาด E-Commerce อย่าง "Product Tags" ให้คุณแท็กสินค้าลงวิดีโอพร้อมซื้อ-ขายได้เลย
By
Pea Tanachote
October 12, 2020
Light
Dark
ส่งต่อเรื่องราวดีๆ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Youtube ถือว่าเป็นแพลตฟอร์ม Video Content ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก มีการพัฒนาระบบและฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่การสร้างรายได้ให้กับเหล่าครีเอเตอร์ (ผ่าน Google Adsense) จนทำให้อาชีพ Youtuber กลายเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ได้จริง 

หรือ Youtube Premium ที่เป็น Subscribtion Model ของ Youtube ที่ให้สมาชิกที่สมัครบริการสามารถรับชม Original Content ของทาง Youtube ได้พร้อมการรับชมแบบไม่มีโฆษณาคั่น และฟีเจอร์ที่อยู่ในช่วงพัฒนาอย่าง Youtube Shorts ฟีเจอร์วิดีโอสั้นน้องใหม่ที่ขอท้าชน TikTok 

ล่าสุดเรียกได้ว่าเป็นอีกการเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองมากๆ สำหรับ Youtube ที่กำลังจะสร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคน ด้วยการเริ่มทำการทดสอบฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Product Tags ฟีเจอร์ที่สามารถให้เหล่าครีเอเตอร์สามารถสร้างแท็กเพื่ออธิบายถึงสินค้า/ผลิตภัณฑ์ ที่แสดงใน Content ของตน

ซึ่งเมื่อผู้ชมเกิดสนใจในตัว สินค้า/ผลิตภัณฑ์ สามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดและสามารถสั่งซื้อได้ทันทีโดยทาง Youtube ที่ตัดสินใจออกฟีเจอร์นี้ออกมา เพื่อเป้าหมายที่จะรุกตลาด E-Commerce ให้มากขึ้นอีกระดับ

โดยรายละเอียดและเบื้องหลังทั้งหมดของฟีเจอร์ Product Tags นี้จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ติดตามต่อได้ในบทความครับ

มารู้จัก Product Tags ฟีเจอร์ที่พร้อมสะเทือนวงการ E-Commerce ของ Youtube

หลังจากที่ Google เข้าซื้อกิจการของ Youtube ไปเราจะเห็นได้ชัดเลยครับว่า Youtube มีการเติบโตและพัฒนาขึ้นมากจริงๆ โดยเมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา Youtube ได้ทำการทดลองสร้างฟีเจอร์ Product Tags ขึ้นมา

จากรายงานของ Bloomberg พวกเขาได้บอกว่า ตอนนี้ Youtube กำลังเริ่มพัฒนาฟีเจอร์ Product Tags นี้อยู่เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์แบบในการสร้างรายได้ให้กับแบรนด์ ซึ่งทาง Youtube มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนคลังวิดีโอในแพลตฟอร์มของพวกเขา ให้กลายเป็นแค็ตตาล็อกสินค้าที่ผู้ชมสามารถซื้อสินค้าที่สนใจได้โดยตรง

และทาง Youtube ได้มีการเริ่มทดลองใช้งานฟีเจอร์นี้กับ Creator บางส่วนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างแล้ว 

ภาพจาก Adage

ทำไมต้องเป็นฟีเจอร์  Product Tags ?

เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันหนึ่งในลักษณะคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากใน Youtube ทั่วโลก คงหนีไม่พ้นคอนเทนต์แนว รีวิว , แกะกล่อง (Unbox) , สอนทำกิจกรรมบางอย่าง หรือคอนเทนต์ที่ Tie-In สินค้าผ่าน Influencer ด้วยกระแสความนิยมนี้เองทำให้ Youtube เห็นลู่ทางการเติบโต ด้วยการสร้างฟีเจอร์นี้ขึ้นมา 

โดย Product Tags จะเป็นลักษณะของป้าย Tags ที่จะขึ้นมาอยู่ใน Video Content ซึ่งทำให้ผู้ชมสามารถรับรู้ได้ว่าสินค้า/บริการ ที่ครีเอเตอร์กำลังพูดถึงในคอนเทนต์อยู่ มีหน้าตาหรือลักษณะเป็นอย่างไร (ทาง Youtube ยังไม่มีการปล่อยภาพตัวอย่างใดๆ ออกมาในตอนนี้ครับ)

และนอกจากนั้นความพิเศษของ Product Tags ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะออกมาสะเทือนวงการ E-Commerce นั่นก็คือคุณสามารถสั่งซื้อสินค้านั้นๆ (สร้าง Conversion) ได้ทันทีโดยไม่ผ่าน E-Marketplace (เช่น Lazada , Amazon) ใดๆ ทั้งสิ้น 

แต่ Youtube จะเอาระบบของตนเข้าไปผูกเชื่อมกับ Shopify ที่เป็นซอฟต์แวร์ด้าน E-Commerce ครบวงจร ทำให้แบรนด์หรือสินค้าใดที่ใช้ Shopify อยู่แล้วก็จะเพิ่มสินค้าของตนเองเข้าไปใน Product Tags ได้ทันทีเลย

ภาพจาก shopify

Product Tags ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Youtube รุกตลาด E-Commerce..

ต้องเรียนให้ทราบว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกครับที่ Youtube มีความต้องการที่จะรุกตลาด E-Commerce เพราะพวกเขาเคยออกฟีเจอร์บางอย่างที่จะมาทำให้ Youtube เริ่มทำการซื้อ-ขายสินค้าได้อย่างฟีเจอร์ “Shelf” มาแล้วเมื่อปี 2018 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก

ภาพจาก socialmediatoday

ซึ่งฟีเจอร์ Shelf ก็จะเป็นลักษณะฟีเจอร์ที่ใกล้เคียงกับตัว Product Tags ที่เราพูดถึงเลยครับ โดยฟีเจอร์ Shelf รายละเอียดของสินค้าจะไม่ได้อยู่ในรูปแบบของ Tags แต่จะขึ้นมาอยู่ด้านล่างของคอนเทนต์แทน (ตามรูปตัวอย่างด้านบน)

หรืออีกฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจอย่าง AR Try On ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ Youtube นำเอาเทคโนโลยี AR มาใช้สำหรับการขายสินค้าด้วยการให้ผู้ชมได้ลองสินค้านั้นจริงๆ ด้วยระบบ AR ภาพเหมือนก่อนการตัดสินใจซื้อ (ส่วนใหญ่สินค้าที่ใช้จะเป็นแนวเครื่องสำอาง)


ภาพจาก VRScout

แต่ทั้ง 2 ฟีเจอร์จุดอ่อนตรงที่พอมาถึงขั้นตอนในการสั่งซื้อ (สร้าง Conversion) กลับลิงก์ส่งไปที่ E-Marketplace แพลตฟอร์มอื่น ทำให้ Youtube แทบจะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรกลับมาเลย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ Youtube ต้องเปลี่ยนแผนใหม่หากต้องการรุกตลาด E-Commerce นั่นเองครับ

เกมส์เดือดกับ TikTok และวิกฤต Covid-19 สู่เบื้องหลังการสร้างฟีเจอร์ Product Tags ของ Youtube 

ถ้าถามว่าทำไม Youtube ถึงต้องเริ่มจริงจังกับตลาด E-Commerce นั้นก็คงเพราะว่าคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง TikTok ได้นำหน้ามีฟีเจอร์ด้านการซื้อ-ขายสินค้าอยู่ในแพลตฟอร์มแล้วนั่นเองครับ

โดย TikTok ได้มีฟีเจอร์สำหรับการ Tie-In สินค้าออกมาเมื่อเราชมคอนเทนต์จบ ก็จะเจอลิงก์สำหรับซื้อสินค้า  เมื่อเวลากดเข้าไประบบก็จะส่งไปที่ E-Marketplace อย่าง Alibaba , Lazada ได้ทันที 

นั่นเลยทำให้สินค้าต่างๆ หันมาใช้บริการ TikTok กันมากขึ้น ส่งผลให้ฟีเจอร์นี้ได้รับความนิยมจนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ TikTok มีการเติบโตถึง 122 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 ที่ผ่านมา 


ภาพจาก socialmediatodays

นอกจากนั้นจะไม่พูดถึงก็ไม่ได้สำหรับวิกฤต Covid-19 ที่ทำให้ภาพรวมของการทำเศรษฐกิจทั่วทั้งโลกต้องชะลอตัว ธุรกิจหลายภาคส่วนเริ่มหยุดทำโฆษณากับ Google และหันไปพึ่ง Social Media ที่พอจะหวังในเรื่องของการสร้าง Conversion ได้อย่าง Facebook , Instagram แทน 

เลยเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ Youtube (ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Google) ยอมไม่ได้อีกต่อไปและเริ่มทำการพัฒนาและทดลองฟีเจอร์ Product Tags เพื่อหวังจะเป็นไม้เด็ดของเกมส์ครั้งนี้ออกมาในที่สุด

สรุปทั้งหมด

ต้องคอยจับตาต่อไปครับว่า Youtube จะทำการพัฒนาและทดลองฟีเจอร์ Product Tags ให้พร้อมใช้งานได้เมื่อไรกัน ซึ่งผมเชื่อว่าฟีเจอร์นี้จะต้องประสบความสำเร็จและสามารถยกระดับตลาด E-Commerce ให้แก่โลกนี้ได้แน่นอน

สังเกตได้จากการที่ Youtube ไม่ยอมปล่อยภาพตัวอย่างออกมาให้เห็นเลยและทำการทดลองแบบเป็นความลับมากๆ ในฐานะผู้ใช้บริการอย่างเราก็ต้องติดตามดูกันต่อไปครับว่าฟีเจอร์ Product Tags ตัวนี้จะเข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ E-Commerce ได้มากน้อยเพียงใด

Source : socialmediatoday , digitalmarketnews
ส่งต่อเรื่องราวดีๆ

คุณอาจจะชอบบทความนี้...

สรุปสถิติ Digital และ Social Media จาก We Are Social ที่นักการตลาดทุกคนต้องรู้ อัปเดตปี 2023
รวม 7 บทความการตลาดที่เราแนะนำให้คุณอ่านก่อนปี 2023

ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe

เราช่วยธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนโลกดิจิทัลด้วยการใช้ศาสตร์ Growth, เครื่องมือด้านเทคโนโลยี, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างทีม

Services
Growth AgencyDesign StudioSoftware ConsultingDigital TalentsOur Portfolio
Category
All ArticlesSoftware ReviewGrowth Trends
Company
We're HiringCommunityContact
ติดตามข้อมูลการตลาด
Growth Hacking ได้เลยทีนี่
มากกว่า 4,000 บริษัทติดตาม The Growth Master ตอนนี้
ไปที่หน้า Subscribe

© Copyright 2024 The Growth Master Company Limited All Rights Reserved