“ไม่มีอะไรบนโลก…ที่จะเหมือนเดิมตลอดไป” โดยเฉพาะวงการดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง (Digital Marketing) ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น นักการตลาดจะต้องรับมือให้ทันและหมั่นอัปเดทเทรนด์ใหม่น่าสนใจอยู่เป็นประจำ เช่นเคย The Growth Master สรุป 6 เทรนด์ Digital Marketing น่ารู้ในปี 2020 มาเล่าให้ฟัง ดังนี้
1. Insights Driven Marketing
2. Conversational Marketing
3. Automation & Artificial Intelligence (AI)4
4. The Evolution of SEO
5. Voice Search
6. MarTech
1. Insights Driven Marketing
ทำไมเทรนด์นี้ถึงน่าสนใจล่ะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนการทำการตลาดออนไลน์ อาจคุ้นชินกับประโยคว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” แต่วันนี้เราอาจจะต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่มาเป็น “ต้องรู้ลึก รู้จริง ถึงจะคว้าชัยชนะ” ยิ่งทำให้เทรนด์ Insights Driven Maketing มีความน่าสนใจ กล่าวคือ ยิ่งเรามีข้อมูลเจาะลึก และนำมาปรับใช้ได้จริง ยิ่งเพิ่มโอกาสรักษาฐานลูกค้าได้มากเท่านั้น
“ยิ่งเข้าใจ ยิ่งใกล้กัน” จากการวิจัยโดย Mckinsey research พบว่า การวิเคราะห์ลูกค้าแบบเจาะลึกทำให้บริษัทนั้น ๆ มีประสิทธิภาพในการหาลูกค้าใหม่ได้มากกว่าคู่แข่งถึง 23 เท่า และยังสามารถรักษาฐานความนิยมให้ลูกค้าประจำ (Customer Loyalty) ยังคงรักและภักดีต่อแบรนด์ได้ถึง 9 เท่าเลยทีเดียว
เพราะข้อมูลรู้ลึกรู้จริงถึงทัศนคติของลูกค้า ฟังเสียงลูกค้ามากขึ้น ยิ่งทำให้เราสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ เพิ่มประสิทธิภาพ และส่งต่อสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างถูกจุดตรงใจแบบไม่ต้องมโนเอง ซึ่งเทรนด์ Insights Driven Markteing ถือเป็นการต่อยอดเทรนด์ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Customer Centric ได้อย่างไร้รอยต่อค่ะ
และเพื่อให้เห็นภาพการทำการตลาดด้วยข้อมูลเชิงลึกหรือ Insights Driven Maketing ชัดเจนยิ่งขึ้น ขอยกตัวอย่างการทำ Insight Platform ของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังอย่าง Red Bull ที่ลงเก็บข้อมูลจากลูกค้าในช้อปอเมริกาเหนือ เลือกเรียนรู้ว่าใครเป็นผู้บริโภคตัวจริง รู้จักพฤติกรรมของนักช้อป เรียนรู้วิธีการซื้อเครื่องดื่มชูกำลังแต่ละครั้งซื้ออย่างไร เมื่อไหร่ เวลากี่โมง ฯลฯ เมื่อ Red Bull เข้าใจทัศนคติว่าลูกค้าต้องการอะไรก็จัดแคมเปญการตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น
สรุปง่าย ๆ คือ ยิ่งวิเคราะห์ข้อมูลเก่งเท่าไหร่และนำไปใช้ได้จริง ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสการทำ Digital Marketing ให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น
2. Conversational Marketing
ในยุคสมัยที่ทุกคนมีสื่อโซเชียลอยู่ในมือ ที่สามารถแชท โพสต์กระทู้ อัดคลิป หรือจะทำอะไรก็ได้ ทำให้ การตลาดแบบ Conversational Marketing หรือการตลาดเชิงสนทนา กลายเป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจในปี 2020 ค่ะ หากแบรนด์ไหนรู้ซึ้งถึงความรู้สึกของลูกค้าว่า “ต้องการอะไร ไม่พอใจอะไร” พร้อมกับให้ความช่วยเหลือทันทีผ่านช่องทางออนไลน์
จากการสำรวจโดย Twilio พบว่า “ผู้บริโภคกว่า 90% ต้องการสื่อสารกับธุรกิจโดยตรง” หมายความว่า ธุรกิจหรือแบรนด์ควรหันมาให้ความสำคัญกับการพูดคุยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าหรือผู้ซื้อให้มากขึ้น เพราะเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายได้มากกว่า
“People love communicating with messaging because it’s fast, easy, and actually feels like a conversation. So it’s not surprising that 90% of consumers want to use it to communicate with businesses (and the majority prefer it over email) according to a recent survey from Twilio.”
ถ้าจะให้เทียบเคียง Conversational Marketing ก็มีความใกล้เคียงกับการบอกแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) เหมือนกันนะคะ ต่างเพียงว่า เป็นการพูดคุยระหว่างธุรกิจกับลูกค้าโดยตรง และเพื่อให้การConversational Marketing ปัง ๆ นักการตลาดอาจจะต้อง “Stop selling. Start helping.” ตามคำกล่าวของซิก ซิกลาร์ (Zig Ziglar) นักพูดนักสร้างแรงบันดาลใจอันดับต้น ๆ ของอเมริกามาปรับใช้กับ Digital Marketing ก็เป็นได้ เพราะยิ่งช่วยมากเท่าไหร่ ยิ่งได้ใจลูกค้านะจ้ะ
3. Artificial Intelligence (AI) & Automation
หากต้องการความสำเร็จในการทำ Digital Marketing เพื่อนรักนักการตลาดทั้งหลาย จงอย่าใช้แค่แรงงานมนุษย์ “ดิจิทัลก็ต้องดิจิทัลให้สุด อย่าหยุดแค่แรงงานมนุษย์” ลองหาเครื่องไม้เครื่องมือ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ AI (Artificial Intelligence) หรือระบบ Automation มาเป็นเพื่อนคู่ใจในการทำ Digital Marketing บ้าง เพราะใคร ๆ ก็ใช้กัน อ้างอิงจากการสำรวจการใช้ AI ทั่วโลกโดย Forrester พบว่า
57% ของธุรกิจใช้ AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า และช่วยดูแลลูกค้า 44% กำลังใช้ระบบ AI เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่ ดังนั้น การมีเพียงแค่ Skill การตลาดแบบเดิม ๆ อาจจะไม่พอสำหรับนักการตลาดฉบับมนุษย์ อย่างล่าสุดเนี้ยะ เราจะเห็นบทบาทที่เปลี่ยนไปของนักการตลาดใน “ยุค AI” บ้างแล้ว แม้กระทั่งกาแฟแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Starbuck เริ่มใช้เทคโนโลยี AI ที่ชื่อว่า “Deep Brew” มาพัฒนาประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เอาเป็นว่า โจทย์นี้ขึ้นอยู่กับองค์กรแล้วล่ะว่าจะปรับเทรนด์นี้ให้เข้ากับธุรกิจอย่างไร
4. The Evolution of SEO
ต้องยอมรับเลยว่า การทำ SEO (Search Engine Optimization) มีการแข่งขันสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการทำ SEO เป็นอะไรที่ประหยัดงบได้อย่างดีเยี่ยม แถมยังได้ Oragnic Traffic เข้าเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ พูดง่าย ๆ ถ้ามีคอนเทนต์ดีมีคุณภาพ ใช้การเน้นคำตามคีย์เวิร์ด (Keyword) ฮิต ๆ เพียงหนึ่งคำก็จะทำให้เว็บไซต์ของเราติดหน้า 1 บน Google ได้ไม่ยากเย็นนัก
อย่าลืมว่าทุกแบรนด์ก็ทำ SEO ในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น การทำ SEO ให้เป๊ะในปี 2020 ! เราจะต้องพรีเซนต์ความแตกต่างในการปั้นคอนเทนต์ เพื่อสร้างความโดดเด่นให้น่าสนใจ ซึ่งจะต้องเป็นคอนเทนต์ที่เป็นธรรมชาติสอดคล้องกับ Google ประกาศเปิดตัวอัลกอริทึม ‘BERT’ ทั่วโลกแล้ว ซึ่งเป็นระบบอัลกอริทึมที่เข้าใจภาษามนุษย์ (NLP – natural language processing) มากยิ่งขึ้น
เมื่อการทำ SEO อาจจะไม่ง่ายอีกต่อไป ดังนั้น นักการตลาดจะต้องทำการบ้านให้มากขึ้น ตีโจทย์ให้แตกว่าแบรนด์เราต้องการอะไร ต้องเป็นอะไร อยากเป็นใครในสายตาของลูกค้า พร้อมกับมองหาคีย์เวิร์ดที่มีความยาว (Long-tail Keyword) มากขึ้น และใช้ประโยคที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าที่เคย
5. Voice Search
ทำไม ‘Voice Search’ จึงเป็นคลื่นลูกต่อไปที่น่าจับตามองในปี 2020 บ้างก็บอกว่า “Voice Search เกิดมาฆ่าการตลาดแบบ SEO ก็มี!” แต่ถ้าถามว่า Voice Search จะสามารถ Disrupt เครื่องมือการค้นหาแบบ SEO ได้จริงไหมหนอ ? คงต้องหยิบข้อมูลมาบอกเล่าว่า
ในแต่ละวันมีผู้คนค้นหาข้อมูลบน Google เฉลี่ยวันละ 3,500 ล้านครั้ง และ 1 ใน 3 ของการเสิร์ซใช้การค้นหาด้วยคำสั่งเสียง หรือ Voice Search เป็นหลัก และการค้นหาด้วยเสียงมักจะใช้ Google Assistant, Amazon Alexa และ Siri เป็นหลัก
“Microsoft เปิดเผยในปี 2019 ว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกัน กว่า 72% เข้าถึงการใช้ Voice Search ที่ค้นหาด้วยเสียงผ่านผู้ช่วยดิจิทัล” จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้เหล่ากูรู Digital Marketing ประเมินว่า ผู้คนจะหันมาใช้ Voice Search ค้นหาข้อมูลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะ Voice Search ทำให้ชีวิตง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องมาพิมพ์ให้เมื่อย จะสั่งซื้ออะไรบนอีคอมเมิร์ซก็ใช้คำสั่งเสียงซื้อเลย ราวกับเราเป็นโทนี่ สตาร์ค จากหนัง Iron Man ที่สามารถคุยกับผู้ช่วยส่วนตัวเป็นคอมพิวเตอร์อย่างจาวิส (Jarvis) และฟรายเดย์ (Friday) ได้ทันทีว่าต้องการอะไร อยากจะทำอะไร แสดงให้เห็นชัด ๆ เลยว่า การใช้ Voice Search เนี้ยะสบายกว่าเห็น ๆ
ยิ่งคนวัยมิลเลนเนียลที่รักความชิล ยิ่งชอบ Voice Search เพราะไม่เพียงใช้ค้นหาบนสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังใช้คำสั่งเสียงผ่านแก็ดเจ็ตลำโพงอัจฉริยะ (Smart Speaker) อย่างเช่น Google Home, Amazon Echo และ Apple Homepod ที่รอตอบคำถามทุกอย่างที่ต้องการรู้ เอาเป็นว่า ถ้าเว็บไซต์ไม่เป็นมิตรกับการค้นหาด้วยเสียงอาจจะเสี่ยงต่อการเสีย Traffic เข้าสู่เว็บไซต์ หรือเสี่ยงต่อการเสียเปรียบแบรนด์คู่แข่งแบบไม่รู้ตัวนะจ้ะ
6. MarTech
มาถึงเทรนด์มาร์เทค (MarTech) หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า Marketing Technology มาไวยิ่งต้องตามให้ทัน ว่ากันว่า MarTech เป็นส่วนหนึ่งของปรากฎการณ์ Digital Transformation เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ถูกสร้างมาเพื่อช่วยให้นักการตลาดทำงานได้ง่ายขึ้น พร้อมกับได้ผลลัพธ์สูงสุดตามที่เราต้องการ !!
แต่ต้องบอกว่า…การหยิบจับเทคโนโลยีการตลาดอย่าง MarTech มาใช้ก็ยังมีความท้าทายอยู่เหมือนกัน อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ chiefmartec.com บอกว่า ปี 2019 มีเครื่องมือ MarTech ให้นักการตลาดเลือกใช้กว่า 7,040 แพลตฟอร์ม ถ้าคุณสงสัยว่า MarTech มีเยอะขนาดไหน ? สามารถดูจากภาพข้างล่างนี้ได้ค่ะ
แหม่… เรียกได้ว่า เห็นแค่โลโก้ก็ตาลายแล้วจ้า ด้วยความที่ MarTech ให้เลือกใช้แบบไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว ครั้นจะให้ใช้ทั้งหมดก็คงจะ “งง” กับขั้นตอนการทำงาน หรือซื้อทั้งหมดก็คงจะเปลืองงบแน่ ๆ
ดังนั้น นักการตลาดจะต้องคิดให้ดี และต้องตามเทรนด์ MarTech ให้ทัน เพื่อเฟ้นหาแพลตฟอร์มที่ใช่ และใช้ได้จริง ผสมผสานเทคโนโลยีให้เข้ากับธุรกิจที่เรามี ช่วยลดความซับซ้อนในการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพให้การตลาดออนไลน์รวดเร็ว ฉับไว ทันใจ ก็จะยิ่งทำให้เราได้เปรียบกว่าคู่แข่งในธุรกิจค่ะ
สรุป คงต้องบอกว่า ไม่ว่าเทรนด์ Digital Marketing เทรนด์ไหนจะมาแรง แนะนำให้เลือกใช้ให้เหมาะกับธุรกิจและองค์กรจะดีที่สุด
สุดท้ายนี้ อยากจะบอกกับนักการตลาดทุกคนว่า “May the fouce be with you!” นะคะ