การทำโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจของคุณได้รับผลประโยชน์แบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น ให้ธุรกิจได้ฐานลูกค้าใหม่ๆ หรือได้รายชื่อของ ว่าที่ลูกค้า ที่สามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับธุรกิจคุณในอนาคตได้
โดยในปัจจุบันมีตัวเลือกประเภทในการโฆษณา ให้คุณได้เลือกใช้มากมายทั้งใน Social Media และ Google แต่อีกหนึ่งประเภทของการทำโฆษณาที่ไม่ว่าผ่านไปกี่ปี ก็ยังใช้ได้ผลอยู่นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า Display Ads
ซึ่งความหมายของ Display Ads ก็คือ Ads ที่ใช้รูปภาพลักษณะเป็น Banner (ป้าย) ที่จะปรากฏอยู่ในตามมุมซ้าย-ขวา หรือด้านบนสุดของเว็บไซต์ต่างๆ เมื่อกดเข้าไปแล้วก็จะพบกับหน้า Landing Page ที่จะเอาไว้เป็น Lead From เพื่อให้ลูกค้ากรอกรายละเอียดหรือดำเนินการสร้าง Conversion ให้กับธุรกิจของคุณ
แต่การจะออกแบบ Banner สำหรับ Display Ads ให้ได้ผลลัพธ์ (Conversion) กลับคืนสู่ธุรกิจคุณนั้น แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลยครับ เพราะนอกจากเรื่องเบสิคอย่างการดีไซน์ และการใช้ Copywriting แล้วคุณยังต้องอาศัยการทดลองต่างๆ ที่จะเข้ามาทำให้ Ads ของคุณมีคนกดคลิกเข้าไปเยอะที่สุด
หากใครที่สงสัยว่า ต้องออกแบบ Banner อย่างไรให้ได้ Conversion เพิ่มมากขึ้นในบทความนี้ The Growth Master จะขอพาทุกท่านไปศึกษาวิธีการออกแบบ Banner สำหรับ Display Ads ในเว็บไซต์อย่างไร ให้ธุรกิจได้ Conversion เพิ่มขึ้น พร้อมตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จจากหลายธุรกิจมาให้ดูกันครับ
หากพร้อมแล้วไปติดตามพร้อมกันได้เลย !
ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe
ทำไมการโฆษณาในเว็บไซต์ด้วย Display Ads ถึงยังคงสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจของคุณอยู่ ? แม้ Banner หรือ Display Ads จะไม่ใช่สิ่งใหม่อะไรในการทำการตลาดออนไลน์ แต่ถ้าธุรกิจของคุณต้องการได้ Conversion จากกลุ่มเป้าหมายที่กดเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณแล้ว นอกเหนือจากคอนเทนต์ในเว็บไซต์ ที่จะคอยโน้มน้าวใจของกลุ่มเป้าหมายแล้ว Banner Ads นี่แหละที่จะเป็นโอกาสในการตอกย้ำถึงข้อเสนอ , สิทธิพิเศษที่คุณจะมอบให้พวกเขาอีก
เลยเป็นเหตุผลให้นักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจหลายคนเลยเลือกใช้ Display Ads ในการทำโฆษณาให้ธุรกิจของตนเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยผ่านเครื่องมือในการทำทั้ง Google Display Network (GDN) ที่จะนำโฆษณาของเราไปกระจายอยู่ในเว็บไซต์ที่เป็นพันธมิตรของ Google ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
หรือถ้าคุณมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองคุณก็สามารถทำ Display Ads เพื่อใช้สำหรับเว็บไซต์ของคุณเองได้เลย เพื่อเป็นเหมือนการประชาสัมพันธ์เนื้อหาอื่นๆ ให้กลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติม
ภาพจาก Jess Froggatt ซึ่งจากสถิติของ EMarketer ก็ได้ทำการสำรวจออกมาแล้วครับว่าในปี 2020 นี้จะมีเงินสะพัดของการใช้ Banner สำหรับ Display Ads มากถึง 7 พันล้าน $ (ความจริงตัวเลขอาจน้อยกว่านี้เพราะสถานการณ์ Covid) แต่ก็ถือเป็นตัวเลขที่เยอะสำหรับการโฆษณาผ่านทางช่องทางออนไลน์
สะท้อนให้เห็นว่า Display Ads ลักษณะแบบนี้ก็ยังคงสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจคุณได้อยู่นั่นเอง
องค์ประกอบของ Banner สำหรับ Display Ads ที่ช่วยเพิ่ม Convesion ให้ธุรกิจของคุณนั้นมีอะไรบ้าง ? คุณอาจจะทราบแล้วว่า Display Ads ที่ปรากฏในเว็บไซต์นั้น สามารถเปลี่ยนแปลงและสร้างผลลัพธ์กับธุรกิจของคุณอย่างไร แต่ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะยังไม่ทราบว่าในส่วนของการออกแบบ การออกแบบลักษณะไหน ที่จะสร้าง Conversion และดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้มากกว่า
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จัก Size ของการจัดวาง Display Ads ในหน้าเว็บไซต์กันก่อนครับ
ภาพจาก bannersnacks ซึ่งจากการสำรวจของ Bannersnack ก็พบว่า 3 ตำแหน่งที่สามารถกระตุ้นให้ลูกค้าคลิก Banner ได้มากที่สุดก็คือ Leaderboard , Skyscraper และ Square ครับ (จากการสำรวจแบบ Worldwide)
จากนั้นเมื่อคุณรู้ Position ที่เหมาะสมสำหรับการวาง Banner แล้วขั้นต่อมาก็คือการทำให้ Banner นั้นมีความน่าสนใจมากขึ้นและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้กดเข้าไปสร้าง Conversion ได้มากขึ้น
โดยในหนึ่ง Banner สำหรับ Display Ads ที่มีประสิทธิภาพ คุณควรต้องใส่รายละเอียดทั้งหมด 4 องค์ประกอบดังนี้ครับ
โลโก้หรือชื่อแบรนด์ของคุณ หัวใจอย่างแรกของการดีไซน์ Banner นั้นก็คือการให้ความสำคัญกับโลโก้หรือชื่อแบรนด์ของคุณ เพราะมันเป็นสิ่งแรกที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายได้รู้ว่าคุณคือใคร และยังเป็นการสร้าง Brand Awareness ให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ตั้งแต่แรกเห็นครับ
การมอบ Value Proposition หรือการมอบข้อเสนอพิเศษให้กับกลุ่มเป้าหมาย ก็ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกันสำหรับการดีไซน์ Banner เพราะข้อเสนอที่คุณจะมอบให้กลุ่มเป้าหมายนี่แหละที่จะเป็นตัวชี้วัดแคมเปญ ตั้งแต่จำนวนการคลิก ไปจนถึง Conversion
เพราะฉะนั้นคุณควรต้องสรุปข้อเสนอสุดพิเศษที่จะมามัดใจลูกค้าให้พวกเขาคลิกและเข้าไปสร้าง Conversion ให้ได้ และใส่ลงไปใน Banner นั้นด้วยครับ
ตัวอย่างการมอบ Value Proposition (คำว่า Free E-Book) รูปภาพประกอบที่บ่งบอกถึงธุรกิจของคุณ การใส่รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเข้าไปใน Banner นอกจากจะเป็นการทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นภาพตามได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมิติให้ Banner มีความโดดเด่นและดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น
ซึ่งในกรณีที่การทำโฆษณาของคุณ มีวัตถุประสงค์เพื่อการขายสินค้า ก็ควรจะต้องมีรูปสินค้าเข้ามาอยู่ใน Banner ด้วย (จากตัวอย่างรูปด้านบนเป็น E-Book ก็จะมีรูปหน้าปก E-Book มาแสดง) หรือถ้าธุรกิจของคุณเป็นเรื่องของการบริการ ก็สามารถใช้รูปที่เกี่ยวข้องเข้ามาอยู่ใน Banner ได้เช่นกันครับ
จำลองปุ่ม CTA เข้ามาอยู่ใน Banner ด้วย และองค์ประกอบสุดท้ายที่จะทำให้ Banner ของคุณสมบูรณ์ นั่นก็คือการจำลองปุ่ม CTA เข้ามาอยู่ใน Banner ด้วย โดยปุ่ม CTA จะไม่สามารถกดได้จริงๆ นะครับ (เพราะกดตรงไหนของ Banner ก็เข้าสู่ Landing Page ได้แล้ว)
แต่ก็ต้องทำขึ้นเพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ให้เข้ามาคลิกตรงที่ปุ่ม CTA หลอกอันนั้นเพื่อเข้าสู่ Landing Page ต่อไป ซึ่งข้อความที่คุณจะเขียนใส่ CTA ก็ควรเป็นข้อความเดียวกันกับที่ใช้ใน Landing Page ที่คุณจะให้กลุ่มเป้าหมายกดเข้าไป เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่กดเข้าไปเกิดความสับสนครับ
องค์ประกอบสำคัญทั้ง 4 ในการออกแบบ Banner สำหรับ Display Ads ที่สร้าง Conversion ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาพจาก Bluehost เทคนิคที่จะทำให้ Banner สำหรับ Display Ads ของคุณสร้าง Conversion จากกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น เมื่อเรารู้ถึงองค์ประกอบทั้ง 4 ที่คุณจำเป็นต้องใส่ลงไปใน Banner แล้วขั้นตอนต่อมาก็คือการทำ Banner ให้ถูกใจลูกค้า จนพวกเขาอยากคลิก Banner และเข้าไปสร้าง Conversion กับธุรกิจคุณ โดยในหัวข้อนี้ผมขอยกเทคนิคสำคัญ 5 อย่างมานำเสนอทุกคนครับ
1. เลือก Position ของ Bannner และตรวจเช็คให้ดี ตำแหน่งที่อยู่ของ Banner ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะดึงดูดลูกค้าเข้ามา เพราะฉะนั้นคุณควรมีการสำรวจก่อนว่าตำแหน่งไหนในเว็บไซต์ที่มีกลุ่มเป้าหมาย ให้ความสนใจมากที่สุด โดยคุณอาจจะลองใช้ Heatmap เพื่อสำรวจดู หรือถ้าไม่อยากยุ่งยากก็ใช้ตำแหน่งเบสิค อย่างมุมซ้ายของเว็บ มุมบน , หรือแทรกอยู่ตามคอนเทนต์ก็ได้เช่นกัน
และอย่าลืมตรวจสอบองค์ประกอบทั้ง 4 ที่ผมได้กล่าวไปในหัวข้อที่แล้วด้วยนะครับ หากยังขาดส่วนไหนไปก็ควรใส่ไปใน Banner ให้ครบถ้วนเพื่อประโยชน์ของธุรกิจคุณเองครับ
2. จิตวิทยาในการใช้สี แน่นอนครับว่าที่อยู่ของ Banner จะอยู่ในเว็บไซต์ของคุณ (หรือเว็บไซต์อื่นๆ กรณีที่คุณใช้ Google Ads) เรื่องของ “สี” เลยกลายเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะละเลยไม่ได้ โดยเฉพาะทีมดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบ Banner
คุณต้องอาศัยหลักของจิตวิทยาเข้ามาช่วยด้วยว่า สีไหนที่สามารถดึงดูดความสนใจได้ดีที่สุด กลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใคร ธุรกิจของคุณเกี่ยวข้องกับอะไร ทั้งหมดนี้คือองค์ประกอบในการเลือกใช้สีของคุณ เพื่อคัดเลือกหา สี ที่จะเหมาะกับ Banner ของคุณที่สุด (รวมถึงสีของฟอนต์ด้วย)
ภาพจาก UX Planets จากตัวอย่างแรกจากแบรนด์ Eggo (จำหน่ายแป้งวาฟเฟิล) พวกเขาเลือกใช้สีที่เน้นแนวสดใสและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ดีเยี่ยม โดยยึดแนวสีจากแบรนด์สินค้าเป็นหลัก (เหลือง เขียว แดง) ประกอบกับใช้รูปที่ดึงดูด ทำให้ Banner ตัวนี้ของ Eggo ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายเป็นอย่างมาก
ภาพจาก bannersnack หรือในกรณีที่ธุรกิจคุณไม่ได้มีสินค้าเด่นแบบตัวอย่างข้างต้น เทคนิคการใช้สีของแบรนด์ Microsoft ก็ช่วยคุณได้ครับ ด้วยการใช้สีโทนดำ ขาว น้ำเงิน สลับกันแค่ 3 สี โดยไม่จำเป็นต้องมีรูปภาพ แต่เน้นไปที่ Message ที่ต้องการสื่อ
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อ Background ของ Banner เป็นสีดำ,ขาว ก็จะทำให้ Message ใน Banner มีความเด่นชัดขึ้นและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไม่ยากเย็นเลยครับ
ภาพจาก MicrosoftAzure 3. เขียน Copywriting แบบสั้น กระชับ ตรงประเด็น นักการตลาดบางท่านอาจจะเรียกเทคนิคนี้ว่า Typography หรือเทคนิคในการใช้คำ เพราะเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าหัวใจสำคัญที่จะทำให้ Display Ads ของคุณสร้าง Conversion ได้ย่อมเกิดมาจากการเขียน Copywriting ที่ดึงดูดลูกค้าได้ตั้งแต่แวบแรก
ซึ่งมันก็จะย้อนกลับมาในองค์ประกอบเรื่อง Value Proposition ที่ผมเคยได้กล่าวไปเมื่อข้างต้นครับ หรือก็คือการนำมอบคุณค่าให้กลุ่มเป้าหมาย ผ่านการใช้ตัวอักษรนั่นเอง แบรนด์ของคุณมีดีอย่างไร Key Message หลักคืออะไร ก็ต้องใส่ไปใน Banner ด้วยครับ
จากตัวอย่างของ Adobe พวกเขาเลือกบอกรายละเอียดของสินค้า พร้อมประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ ภาพจาก Adobe CreativeCloud โดยข้อสำคัญของการเขียนในงาน Display Ads ที่ดี ก็คือการเขียนให้ On Point สั้น กระชับ ตรงประเด็นที่สุด เพราะคุณต้องอย่าลืมว่า Display Ads จะแตกต่างจาก Ads ชนิดอื่นตรงที่ Display Ads จะไม่มีการเล่าเรื่องหรือสร้างคอนเทนต์อะไรที่ยืดยาวเลย แต่จะวัดกันที่ Copywriting ที่อยู่ใน Banner เป็นหลักครับ
4. คุมทุกอย่างให้เรียบง่ายที่สุด คุณอาจเคยได้ยินประโยคที่พูดว่า “Keep it Simple” หรือทำทุกอย่างให้ง่ายที่สุด ใช่ครับหัวใจสำคัญอย่างสุดท้ายของการสร้าง Banner สำหรับ Display Ads ก็คือการทำให้ทุกอย่างดูแล้วเรียบง่ายที่สุด
ซึ่งคำว่าเรียบง่าย ในที่นี้ก็คือการทำให้ Banner มี Elements ที่ไม่รกตาจนเกินไป เลือกใส่เฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น รวมไปถึงการใช้สีและฟอนต์ที่เข้ากับสินค้า/บริการของคุณ และทำให้ภาพรวมของ Ads ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้
โดยมีการเปิดเผยตัวเลขจาก Forrester ออกมาว่าการดีไซน์ Banner แบบเรียบง่ายด้วยเทคนิคดังกล่าว จะสามารถช่วยสร้าง Lead ใหม่ๆ ให้กับธุรกิจคุณและยังเพิ่ม Conversion Rate ให้กับธุรกิจได้ถึง 400%
จากตัวอย่างของ Apple ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ทำ Display Ads ในเว็บไซต์ของตนได้อย่างประสบความสำเร็จและสมบูรณ์รอบด้าน ด้วยการดีไซน์เรียบง่าย , ชัดเจนในทุกรายละเอียด ซึ่งไม่ต้องกล่าวเลยครับว่า Apple ประสบความสำเร็จเพียงใด
5. หมั่นทดสอบด้วย Heatmap , A/B Testing เพราะการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดจากการลองผิดลองถูก แน่นอนว่าหลังจากที่คุณได้ Run Campaign ขอ Display Ads ที่คุณใฝ่ฝันไว้แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะยังไม่ถึงเป้าหมายที่คุณตั้งไว้
คุณก็ควรต้องหมั่นทดสอบอยู่บ่อยๆ ครับว่าองค์ประกอบไหนของ Display Ads ที่ยังไม่คลิกกลุ่มเป้าหมายโดยเครื่องมือที่ใช้ ผมแนะนำเป็นตัว Heatmap Analytics หรือแผนภูมิอุณหภูมิ ที่จะเข้ามาช่วยคุณหาตำแหน่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจมากที่สุดของเว็บไซต์ และเอาผลลัพธ์ที่ได้ไปพัฒนาในการวาง Banner ครับ
ภาพจาก bannersnacks หรือทำการทดสอบ Elements ต่างๆ ของ Banner ด้วย A/B Testing ที่จะแสดงผล Banner 2 แบบใน สุ่มปริมาณการแสดงผลที่เท่ากันให้กับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อวัดกันไปเลยว่า Banner แบบไหนที่สร้าง Conversion และดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด
ภาพจาก nosto โดยในปัจจุบันก็มี Software มากมายที่เอาไว้ทดสอบ Banner สำหรับ Display Ads ทั้ง Heatmap และ A/B Testing เช่น VWO , Bannerflow , Crazyegg (เสียค่าบริการทั้งหมด)
สรุปทั้งหมด สุดท้ายแล้วเรื่องของการออกแบบ Banner สำหรับ Display Ads ในเว็บไซต์ให้ธุรกิจได้ Conversion นั้น หัวใจสำคัญก็คงหนีไม่พ้นการดึงดูดลูกค้าให้ได้ตั้งแต่แรกเจอ โดยอาศัยการดีไซน์ Banner ให้โดดเด่นที่สุด
โดยเรื่องนี้ถึงแม้ว่าอาจจะดูหนักไปทางด้าน Design แต่คุณก็ต้องอย่าลืมว่าเรื่องของการ Design นี่แหละที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการทำการตลาดที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ ในยุคที่ Visual Communication กำลังมาแรง