เว็บไซต์ธุรกิจที่ต้องการเติบโตในปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Conversion คือสิ่งที่คุณอยากได้มากที่สุด เพราะถือเป็นค่าที่ชี้วัดถึงรายได้และยอดขายที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจ
หลากหลายธุรกิจต่างก็งัดกลยุทธ์ทุกอย่างที่จะมาโน้มน้าวใจกลุ่มเป้าหมาย ให้แปรเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าของคุณ ทั้ง Up -Selling , โปรโมชั่นต่างๆ โดยใช้เว็บไซต์เป็นช่องทางหลัก
แต่เคยแปลกใจกันไหมครับว่า สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจอยู่ดี...
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้คุณต้องเริ่มมีการปรับเว็บไซต์ (Website Optimization) ที่ต้องใส่ใจมากกว่าแค่ความสวยงาม เพราะทุกองค์ประกอบในหน้าเว็บไซต์ล้วนสำคัญต่อการสร้าง Conversion ได้ทั้งหมด ตั้งแต่หน้าเว็บไปยันปุ่ม CTA
แต่การปรับเว็บไซต์ (โดยเฉพาะ E-Commerce) ถ้าคุณไม่ได้วิจัยหรือศึกษาข้อมูลมาก่อน อาจส่งผลให้เกิดเสียต่อ Conversion Rate ของธุรกิจและเป็นตัวการสำคัญในการฉุดรั้งการเติบโตของธุรกิจได้
The Growth Master เข้าใจถึงปัญหานี้ เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะขอพาคุณมาศึกษาเทคนิคเพิ่ม Conversion สำหรับเว็บไซต์ธุรกิจ E-Commerce ที่ต้องการเติบโต โดยใช้เทคนิค Conversion Focus Design หรือการออกแบบเพื่อให้เกิด Conversion เป็นหลัก ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ลองมาดูกัน!
Conversion Focus Design คืออะไร? Conversion Focus Design คือ การออกแบบเว็บไซต์หรือองค์ประกอบในเว็บไซต์ เพื่อให้ธุรกิจได้ Conversion จากลูกค้ากลับคืนมามากที่สุด ถือเป็นเทคนิคในการปรับแต่งเว็บไซต์ที่กำลังเป็นที่นิยมในธุรกิจสมัยใหม่ ที่ต้องการสร้าง Business Growth (โดยเฉพาะเว็บไซต์ธุรกิจ E-Commerce)
ภาพจาก advisordesign ซึ่ง Conversion Focus Design จะมีความแตกต่างกับการดีไซน์เว็บไซต์ทั่วไป ตรงที่ Conversion Focus Design จะมุ่งเน้นไปที่การออกแบบกับหลักจิตวิทยามากกว่า สามารถกระตุ้นความรู้สึกทางอารมณ์ สื่อสารได้แบบตรงจุด เพื่อให้ลูกค้าเกิด Action (หรือ Convert) บางอย่างที่ธุรกิจคุณได้ผลประโยชน์
ทำไม Conversion Focus Design ถึงสร้างการเติบโตให้เว็บไซต์ธุรกิจคุณได้ ปัจจุบันการจะออกแบบเว็บไซต์ สิ่งที่จะชี้วัดความสำเร็จได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสวยงามของหน้าเว็บไซต์แต่เพียงอย่างเดียว
แต่เว็บไซต์ของคุณต้องมีการดีไซน์ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกองค์ประกอบ (Elements) ไล่ตั้งแต่ภาพรวมของการทำ UI ทั้งหมดของหน้าเว็บไซต์ , Copywriting ที่ต้องไม่สร้างความสับสน ไปจนถึง Lead Form , Call To Action (และอื่นๆ ที่เราจะบอกในหัวข้อถัดไป) หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นการปรับเว็บไซต์ให้ง่ายต่อการเกิด Conversion ที่สุด
จนเว็บไซต์ของคุณมีการดีไซน์ที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายมากพอ จนสามารถเริ่มกระตุ้นให้พวกเขาสร้าง Conversion ให้กับธุรกิจได้ และเมื่อได้ Conversion ก็เท่ากับกลุ่มเป้าหมายก็ได้กลายเป็นลูกค้าของคุณอย่างเต็มตัวแล้ว
เห็นไหมครับว่าเพียงแค่คุณเริ่มปรับแต่งเว็บไซต์ธุรกิจให้ง่ายต่อการสร้าง Conversion กับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ธุรกิจของคุณก็สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการเริ่มเปลี่ยนแปลงเพียงนิดเดียว
ภาพจาก dribble
5 วิธี ปรับเว็บไซต์ธุรกิจให้เติบโตได้มากขึ้นด้วย “Conversion Focus Design” หลังจากที่เราได้รู้ถึงหลักการของ “Conversion Focus Design” ไปแล้วว่าจะทำให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณเติบโตได้มากน้อยเพียงใด ในหัวข้อนี้เราจะมาอธิบายการปรับแต่งเว็บไซต์ธุรกิจให้เติบโตได้มากขึ้นด้วย “Conversion Focus Design” กันครับ จะมีวิธีอะไรบ้าง มาติดตามกัน
1. องค์ประกอบสำคัญต้องอยู่ด้านบนเสมอ วิธีแรกในการปรับเว็บไซต์แบบ Conversion Focus ของคุณคือการดีไซน์ให้องค์ประกอบสำคัญของธุรกิจคุณให้อยู่ในครึ่งหน้าบน (Above The Fold)
โดยองค์ประกอบสำคัญในที่นี้ก็คือ Key Message หรือ Value Proposition ให้ผู้ที่กดเข้ามาชมได้ทราบว่า ธุรกิจของคุณให้บริการอะไร , มีจุดเด่นอย่างไร , โปรโมชั่นน่าสนใจมีอะไรบ้าง และอื่นๆ ที่คุณต้องการให้กลุ่มเป้าหมายทราบ
รวมไปถึง Conversion Elements หรือองค์ประกอบในหน้าเว็บไซต์ที่มีผลต่อ Conversion ของธุรกิจเช่นปุ่ม Call To Action หรือ Social Proof (การรับรองจากผู้ใช้งาน) ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กลุ่มเป้าหมาย
ภาพจาก ahrefs จากภาพตัวอย่างของ ahrefs ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการ SEO Software ก็เลือกใช้เทคนิคนี้กับเว็บไซต์เช่นกัน โดยในส่วน Header ของเว็บไซต์ก็ได้ระบุ Key Message ของธุรกิจไว้อย่างชัดเจน (ธุรกิจคืออะไรและจะเข้ามาช่วยธุรกิจของคุณอย่างไร)
พร้อมทั้งใส่ปุ่ม CTA และ Social Proof ให้ในทันที ซึ่งบอกได้เลยว่าถ้าคุณกำลังมองหา SEO Software อยู่ถ้ามาเจอเว็บไซต์ที่มีรายละเอียดครบถ้วนตั้งแต่ Header แบบนี้แน่นอนว่าคุณก็ต้องไม่รอช้าที่จะกด CTA เพื่อไปสร้าง Conversion อย่างแน่นอน
TIPS : และอย่าลืมใช้เทคนิคนี้เมื่อดีไซน์เว็บไซต์ในแพลทฟอร์มอื่นๆ (Responsive Design) ด้วยนะครับ ไม่ว่าจะอยู่ในแพลทฟอร์มไหนองค์ประกอบที่สำคัญก็ต้องอยู่ด้านบนของเว็บไซต์เสมอครับ
ภาพจาก optinmonster 2. ใช้การทำ Keyword Research ในการเขียน Conversion Text แม้จะมีเว็บไซต์ที่ออกแบบดีแค่ไหน แต่ถ้ากลุ่มเป้าหมายดันไม่เข้าใจประเด็นที่คุณต้องการนำเสนอ สิ่งที่คุณลงแรงมาทั้งหมดก็จะหายไปทันที
โดยในการเพิ่ม Conversion ให้กับธุรกิจนั้นคุณควรต้องระบุให้ชัดเจนเลยว่า Keyword ที่ผ่านการ Research มาแล้วของธุรกิจคุณคืออะไร และควรให้ความสำคัญกับ Keyword ดังกล่าวในทุกองค์ประกอบ
ซึ่งเทคนิคนี้จะแอบมีเรื่องของจิตวิทยาอยู่เล็กน้อยคือ คุณต้องทราบว่าเมื่อกลุ่มเป้าหมายเกิดค้นหาเว็บไซต์ของคุณผ่านเครื่องมือ Search Engines (เช่น Google) พวกเขาต้องการอะไรที่สุด
จากตัวอย่างของ Visme ที่เป็น Software สร้าง Presentation พวกเขาทำได้ทำการ Reseach ว่าเว็บไซต์ของพวกเขาถูกค้นหาด้วย Keyword ไหนมากที่สุดแล้วนำ Keyword ดังกล่าวมาเติมใส่ในเว็บไซต์เพื่อกระตุ้น Conversion
Visme ถูกค้นหาด้วย Keyword “Presentation Software” มากที่สุด ภาพจาก visme แต่ก็ไม่จำเป็นว่าคุณต้องนำเอา Keyword นั้นมาใส่ในเว็บไซต์ของคุณเสมอไปนะครับ โดยคุณสามารถใส่บริบท ที่คุณคิดว่าลูกค้ากำลังมองหาที่สุดก็ได้ (ในตัวอย่างใช้การออกแบบ Header และ CTA ที่บอกว่า Make Stunning Presentation เพราะพวกเขารู้ว่าคนที่ค้นหา Keyword คำนั้น กำลังต้องการสร้าง Presetation เป็นของตัวเอง)
เทคนิคนี้สามารถกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเกิด Conversion ได้ด้วย Text แค่การเริ่มทำ Keyword Research แล้วนำมาต่อยอดเป็นข้อความบนเว็บไซต์นั่นเอง
3. รู้จักกลุ่มเป้าหมายให้ดีพอและทำการ Personalization Website Design อันดับแรกคุณต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าลูกค้า , กลุ่มเป้าหมายของคุณส่วนใหญ่เป็นใคร หรือในกรณีที่ธุรกิจคุณเป็นธุรกิจที่เจาะจงกับตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) อยู่แล้วเช่น ธุรกิจขายอุปกรณ์การแพทย์ ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านกฏหมาย ฯลฯ ยิ่งต้องใช้เทคนิคนี้เลยครับ
หลังจากที่คุณกำหนดกลุ่มเป้าหมายหลักชัดเจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มออกแบบเว็บไซต์ รวมไปถึง Elements ต่างๆ ในเว็บไซต์ (เช่นปุ่ม Call To Action) ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายนั้นทั้งหมด แต่ก็ต้องอย่าลืมคำนึงด้วยว่า กลุ่มเป้าหมายที่คุณเลือกมาพวกเขามีความต้องการอะไรจากธุรกิจคุณ ?
ภาพจาก wexpereince จากตัวอย่างแค่ใส่ภาพของอาชีพ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณเพิ่มเข้าไปก็จะช่วยเพิ่มความ Persolization ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณมากขึ้น เมื่อเวลาที่เป้าหมายกดเข้ามาแล้วเจอองค์ประกอบต่างๆ ที่คุณได้เพิ่มความ Persolization ไว้แล้ว
พวกเขาก็จะมีความคิดว่าเว็บไซต์ของคุณ “รู้ใจและเหมาะสม” กับความต้องการพวกเขาจริงๆ และดำเนินการสร้าง Conversion ให้กับธุรกิจคุณได้ในที่สุด
4. CTA ที่ต้องใช้สีและข้อความที่กระตุ้นความรู้สึก เป็นเทคนิคที่เราบอกอยู่แทบจะทุกบทความที่เกี่ยวกับเว็บไซต์ครับ สำหรับเรื่องของ CTA เพราะองค์ประกอบนี้เปรียบเสมือนกุญแจดอกสำคัญในการสร้าง Conversion ให้กับธุรกิจของคุณจริงๆ
โดยการสร้างสรรค์ CTA ให้ดึงดูดนั้นการออกแบบก็ถือเป็นส่วนสำคัญ เช่นการเลือกใช้สีของ CTA ที่ต้องตัดกับพื้นหลังอย่างชัดเจน มีขนาดใหญ่ และต้องอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้โดยง่าย (เช่น ด้านบนของเว็บไซต์)
สถิติสีที่กระตุ้นความรู้สึกของผู้บริโภค แยกตามเพศ จาก Optinmonster และนอกจากสี Text ที่อยู่บนปุ่ม CTA ก็เป็นอีกตัวแปรสำคัญที่จะสร้าง Conversion ให้กับธุรกิจได้เช่นกัน ต้องบอกว่านี่มันหมดยุค ของการใส่ข้อความแค่คำว่า “ซื้อเลย” “สอบถามข้อมูล” ไปแล้วครับ
แต่ควรต้องเปลี่ยนเป็น Conversion Text หรือคำที่กระตุ้น Conversion ได้มากกว่านี้เช่น “คุยกับผู้เชี่ยวชาญ” “ใช้งานฟรี 7 วัน” หรืออื่นๆ ที่พรีเซนต์ถึงธุรกิจของคุณและกระตุ้นความรู้สึกทางอารมณ์ของกลุ่มเป้าหมาย จนนำไปสู่ Conversion ได้
ตัวอย่างการสร้างสรรค์ CTA ด้วย Conversion Focus Design ของ Neil Patel 5. Minimalistic Design เทคนิคสุดท้ายก็คือการออกแบบภาพรวมของเว็บไซต์ทั้งหมดด้วยสไตล์ Minimalistic หรือการออกแบบเว็บไซต์ให้เรียบง่ายที่สุด (เอาเฉพาะองค์ประกอบที่จำเป็นปรากฏบนเว็บไซต์หน้าแรก)
เพราะต้องอย่าลืมนะครับว่าต่อให้สุดท้ายต่อให้เว็บไซต์คุณมีการปรับ Conversion Design ไปแล้วแต่ถ้าภาพรวมของเว็บไซต์ดูไม่สวยงาม จะทำให้ลูกค้าเกิดไม่มั่นใจในธุรกิจคุณและพร้อมกดปุ่มออกได้ทุกเมื่อนั่นเอง
ภาพจาก uscreen สรุปทั้งหมด สำหรับนักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจท่านใดที่อยากจะลองเพิ่ม Conversion ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณด้วยกลยุทธ์ Conversion Focus Design แต่องค์กรเกิดไม่มีทีมผู้เชี่ยวชาญ ผมขอแนะนำว่าให้คุณลองมองหาสิ่งที่เรียกว่า Growth Agency
ซึ่งเป็น Agency การตลาดเพื่อการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะ ให้เข้ามาช่วยคุณสร้างสรรค์เว็บไซต์และแผนการตลาดอื่นๆ ด้วยหลัก Growth Hacking ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้เร็วขึ้น
และสำหรับใครที่ชื่นชอบและคิดว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ ก็อย่าลืมกดไลค์และแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเรา The Growth Master ด้วยนะครับ