Organic Instagram Growth : ทำการตลาดบน Instagram อย่างไรให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น (ไม่ใช้โฆษณา)

Organic Instagram Growth : ทำการตลาดบน Instagram อย่างไรให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น (ไม่ใช้โฆษณา)
Light
Dark
Pea Tanachote
Pea Tanachote

อดีตนักร้อง ที่ผันตัวมาเขียนคอนเทนต์ ชอบดูฟุตบอลและ Blackpink เป็นชีวิตจิตใจ นักเขียนคอนเทนต์ที่ใคร ๆ ก็ต้องการตัว (โดยเฉพาะตำรวจ)

นักเขียน

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี 2020 อย่างเต็มตัวเชื่อว่าวิกฤต โควิด-19 น่าจะทำให้นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจหลายรายต้องปวดหัวไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพบแต่ปัญหาเสมอไปหรอกครับ เพราะบางธุรกิจก็ได้เริ่มหันตัวเองเข้าสู่ Online Platform อย่างเต็มตัว

เมื่อคุณเข้าสู่การทำธุรกิจบน Online Platform (หรือมีอยู่แล้ว) แน่นอนว่ามันย่อมตามมาด้วยค่าใช้จ่ายในการโฆษณา เพราะในยุคที่มีการแข่งขันทางการตลาดออนไลน์ที่สูงแบบนี้ การที่คุณจะไม่พึ่งการใช้โฆษณาเลย อาจจะทำให้ธุรกิจของคุณต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรกว่าจะไปถึงเป้าหมายได้

ยิ่งเป็นสถานการณ์ปัจจุบัน การเพิ่มการรับรู้ (Brand Awareness) ให้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้งบประมาณไม่เยอะ อาจจะเป็นสิ่งที่ธุรกิจส่วนใหญ่ล้วนตามหา ซึ่งข่าวดีก็คือยังมีแพลทฟอร์มบางอย่างที่พร้อมจะตอบโจทย์ธุรกิจของคุณอยู่นั่นก็คือ “Instagram” 

ผ่านการใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า Organic Instagram Growth หรือก็คือการใช้ Instagram เป็นแพลทฟอร์มในการทำการตลาด ให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยไม่พึ่งการซื้อโฆษณาเลย 

ซึ่งจุดเด่นของกลยุทธ์ Organic Instagram Growth ก็คือการเข้าใจธรรมชาติ และหลักการทำงานของแพลทฟอร์ม Instagram อย่างลึกซึ้งจริงๆ และรู้วิธีในการสร้างคอนเทนต์ให้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

โดยในบทความนี้ The Growth Master จะมานำเสนอกลยุทธ์ดังกล่าวให้นักการตลาดทุกคนได้รู้วิธีทำการตลาดผ่าน Instagram ให้ประสบความสำเร็จโดยไม่เสียเงินสักบาทเดียวกัน แต่จะมีวิธีการและเทคนิคอย่างไร เชิญไปติดตามกันได้เลยครับ

ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe

สถิติยืนยัน Instagram คือแพลทฟอร์มที่สร้าง Interaction กับ User ได้ดีที่สุด

ทุกวันนี้หากพูดถึงช่องทางออนไลน์ในการทำธุรกิจหลายคนน่าจะนึกถึง เว็บไซต์ หรือไม่ก็ Facebook ใช่ไหมครับ แต่คุณเชื่อไหมว่า Instagram ก็แอบมีประโยชน์บางอย่างที่แพลทฟอร์มอื่นๆ ไม่มี

ภาพจาก yourcharismabv

จริงอยู่ที่จำนวนผู้ใช้งานของ Instagram ไม่ได้มีมากมายเทียบเท่า Facebook แต่ก็ถือว่าตามมาติดๆ เป็นอันดับ 2 ด้วยจำนวน Active User เกิน 12 ล้านคน (นับเฉพาะในประเทศไทย) โดยช่วงอายุเฉลี่ยตั้งแต่ประมาณ 18 - 35 ปี ทั้งชายและหญิง

ซึ่งต้องบอกเลยครับว่าถ้าธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีช่วงอายุดังกล่าว หากคุณยังไม่มี Instagram Accounts เป็นสัณญาณว่าคุณเริ่มออกตัวช้าไปหลายก้าวแล้วครับ

เพราะจากการสำรวจล่าสุดของ Socialbakers พบว่าใน Q2 ของปี 2020 Instagram สามารถสร้าง Interaction ได้มากกว่า Facebook อย่างเห็นได้ชัด และเมื่อลองย้อนดูสถิติในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ก็พบว่า Instagram สร้าง Interaction ได้ดีกว่า Facebook มาโดยตลอด

สถิติเปรียบเทียบระหว่าง Instagram และ Facebook ในปี 2019-2020 จาก socialbaker

นั่นแสดงว่าหากคุณต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ให้กับกลุ่มเป้าหมาย แพลทฟอร์มอย่าง Instagram นี่แหละที่จะตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีที่สุด แต่ต้องอย่าลืมนะครับว่า ท้ายที่สุดก็ต้องขึ้นอยู่ธุรกิจคุณด้วย ว่าเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายบนแพลทฟอร์มนี้หรือเปล่าครับ

การเลือก Publish Channel แต่ละช่องทาง มีข้อดีในการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างไร ?

นิยามของกลยุทธ์ก็คือการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับแบรนด์บนแพลทฟอร์ม Instagram โดยไม่พึ่งการโฆษณา อันดับแรกคือคุณต้องเข้าใจจุดเด่นของ Publish Channel แต่ละอย่าง สำหรับใครที่เล่นเป็นประจำอาจจะทราบดี แต่สำหรับใครที่ยังไม่ทราบ เราจะมาทวนให้ก่อนครับ

  • Instagram Feed

หรือหน้า Feed นั่นเองครับ ถือเป็น Main Dashboard ของแพลทฟอร์มนี้โดยสามารถลง Content ได้พร้อมกันมากถึง 10 รูป , วิดีโอได้ 60 วินาที พร้อมแคปชั่นโดยช่องทางนี้เป็นช่องทางหลักในการทำการตลาดผ่าน Instagram 

และด้วยระบบ Algorithm ของ Instagram สามารถให้ User คนอื่นๆ ที่ไม่ได้ Follow Accounts ของคุณแต่มีความชอบใกล้เคียงกับธุรกิจของคุณสามารถเห็น Content ของคุณได้ ผ่านหน้า Explore เรียกว่าเป็นฟีเจอร์พิเศษที่ไม่ต้องใช้โฆษณาช่วยเลยครับ

ภาพจาก fivestarcontent

  • Instagram Stories

ช่องทางเผยแพร่วีดีโอสั้น 15 วินาที และมีเวลาเพียง 24 ชั่วโมงในการแสดงผล (ปัจจุบันสามารถเก็บถาวรได้แล้วด้วยฟีเจอร์ Highlight) แม้ระยะเวลาแสดงผลจะสั้น แต่กลับเป็นฟีเจอร์ที่มีการเข้าถึงลูกค้าได้ดีที่สุด และยังซ่อนลูกเล่นที่คุณคาดไม่ถึงอย่างการทำ Market Research ได้ด้วย


ภาพจาก seoworkshop
  • IGTV (Instagram TV)

ฟีเจอร์สำหรับลงวีดีโอแบบยาว 15-60 นาที เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ออกมาเพิ่มมิติของการสร้างสรรค์ Content บนแพลทฟอร์มให้มีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น เหมาะกับแบรนด์ที่กำลังสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายผ่าน Video Content 

ภาพจาก iconosquare

  • IG Live

ฟีเจอร์ที่มีไว้เพื่อการทำ Live Video เรียนตามตรงว่า อาจจะไม่เหมาะเท่าไรกับการสร้างการรับรู้แบรนด์ครับ เนื่องจากรูปแบบคอนเทนต์ที่เป็น Live Content แต่สามารถนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ Content รูปแบบใหม่ๆ ได้เช่น Q&A , Guest Talk (ควรมีฐานผู้ติดตามพอสมควร)

ซึ่งทั้ง 4 Channel ล้วนมีจุดแข็งและคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งหมดก็สามารถสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ได้อย่างยั่งยืนแบบไม่จำเป็นต้องพึ่งการโฆษณาเลยด้วยซ้ำ 

หากคุณรู้ว่าคอนเทนต์แบบไหนควรลงกับ Channel อะไรและต้องรู้พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายดีพอ ต่อมาเราจะมาเข้าสู่กลยุทธ์ Organic Growth กันครับ มาดูกันว่าจะมีเทคนิคอะไรบ้างที่จะทำให้การทำการตลาดของคุณประสบความสำเร็จ

อยากให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น ด้วยกลยุทธ์ Organic Instagram Growth ควรเริ่มต้นอย่างไร ?

หลังจากที่คุณสร้าง Instagram Business Account ของธุรกิจคุณเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลามาสร้างการทำการตลาดด้วยกลยุทธ์ Organic Growth หรือการคือการค่อยๆ สร้างการรับรู้แบรนด์ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย โดยไม่ผ่านการซื้อโฆษณาเลย โดยมีขั้นตอนดังนี้ครับ

1. จำไว้เสมอว่า ความสม่ำเสมอคือสิ่งสำคัญ (Consistency is Key)

หากคุณต้องการให้กลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จ อย่างแรกคือต้องท่องไว้เสมอว่า ความสม่ำเสมอและเวลาเป็นสิ่งสำคัญ แต่จะช้าหรือจะเร็วคุณเป็นคนกำหนดเองได้ครับ

ความสม่ำเสมอในที่นี้หมายถึง ความถี่ (Frequency) ของการลงคอนเทนต์หรือการมีปฏิสัมพันธ์กับ User บน Accounts แม้ในช่วงแรกผลตอบรับที่คุณได้มา อาจไม่เป็นที่พอใจเท่าไร แต่ก็ไม่ควรที่จะหยุดแล้วหายไปเลยครับ

เพราะถ้าทำแบบนั้นนอกจากทำการตลาดไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ความน่าเชื่อถือของแบรนด์จะลดหายไปด้วย จากที่เคยจะรุ่งกลับร่วงมาได้ง่ายๆ เลย

เพราะฉะนั้นคุณต้องค่อยๆ Drop Content ลงในแพลทฟอร์มอย่างสม่ำเสมอ ค่อยๆ สร้าง Story ผ่านคอนเทนต์ที่นำเสนอให้กับธุรกิจ หมั่นศึกษาจากการทดลองบ่อยๆ และหมั่น Active อยู่ตลอด

ซึ่งจากการสำรวจของ Sproutsocial พบว่าการเลือก Publish Time ที่ดี จะทำให้คอนเทนต์ของคุณเข้าถึง User ได้มากกว่าการโพสต์คอนเทนต์แบบไม่ได้วางแผนเวลาไว้ และเมื่อหาเวลาที่เหมาะที่สุดได้แล้ว ค่อยทำการลงคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพให้กับกลุ่มเป้าหมาย

เวลาที่ได้ Engagement ดีที่สุดในแพลทฟอร์มจะอยู่ประมาณ 12.00 - 19.00 ของแต่ละวัน
ข้อมูลจาก sproutsocial

2. เริ่มสร้างสรรค์ Content ให้น่าสนใจ ด้วย Type of Content ทั้ง 4 แบบ

การสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้น่าสนใจ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น และยังได้ Engagement Rate ที่ดีกลับมา ซึ่งจริงๆ แล้วกลยุทธ์นี้จะแบ่ง Type of Content หลักๆ ออกมาเป็น 4 แบบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีหน้าที่แตกต่างกันไปดังนี้ครับ

  • Information Content

หรือคอนเทนต์แจ้งข่าวสารทั่วไป สินค้าใหม่ สินค้าลดราคา โปรโมชั่นต่างๆ จะมาเป็นแบบรูปหรือวิดีโอก็ได้ ถือว่าเป็นรูปแบบ Content ที่นิยมใช้มากที่สุด

  • Behind The Scene Content

รูปแบบคอนเทนต์ที่สามารถใช้ได้ทั้งธุรกิจที่เป็นสินค้าและบริการ จะเป็นลักษณะเหมือนการอธิบายเบื้องหลังให้เห็นถึงความเป็นมา ความเอาใจใส่ของธุรกิจคุณ เช่น ภาพเบื้องหลังการทำงาน , ขั้นตอนการผลิตเป็นอีกหนึ่งลักษณะคอนเทนต์ที่โน้มน้าวใจได้ดีอีกแบบหนึ่งเลยครับ

  • Giveaway Content

Giveaway Content เป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่เพิ่ม Engagement ได้ดีที่สุด เพราะเป็นเหมือนการสร้างกิจกรรมให้ User ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคุณผ่านแพลทฟอร์ม และยังสามารถทำให้ได้ฐานผู้ติดตามใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในเวลารวดเร็ว


  • User-generated Content

เป็นลักษณะคอนเทนต์ที่กำลังนิยมในปัจจุบัน นั่นก็คือการให้ลูกค้าเป็นผู้สร้างคอนเทนต์เองเช่น ให้ส่งรูปถ่ายคู่กับสินค้า , แชร์ประสบการณ์ที่มีต่อแบรนด์ เป็นรูปแบบของคอนเทนต์ที่ทำให้แบรนด์ดูใกล้ชิดกับลูกค้าทุกคน

ซึ่ง Type Of Content ทั้ง 4 รูปแบบนี้ถือเป็นรูปแบบที่เหมาะกับการสร้างการเติบโตแบบ Organic Growth บนแพลทฟอร์ม Instagram ที่สุด ถ้านักการตลาดท่านใดอยากลองทำกลยุทธ์นี้ก็ควรเริ่มจาก4 รูปแบบดังกล่าวนี้ก่อนครับ

3. สร้างสรรค์แคมเปญสุดพิเศษเพื่อเพิ่มผู้ติดตาม

อย่างที่ได้กล่าวไปในข้อที่แล้วนะครับว่า Giveaway Content ถือว่าเป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่สร้างการรับรู้และจำนวนผู้ติดตามให้เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการจากตัวคุณที่สุดก็คือ ให้แบรนด์มอบสิทธิพิเศษให้พวกเขามากที่สุด โดยสถิติจากทาง sproutsocial พบว่าสำหรับการทำการตลาดผ่าน Instagram ฝั่งลูกค้าต้องการสิทธิพิเศษจากแบรนด์ในเรื่อง Discount Or Sales มากที่สุดถึง 72%

ภาพจาก sproutsocial

ซึ่งการใช้เทคนิคการมอบ Discount ให้กับผู้ติดตามบน Instagram นอกจากจะเป็นสิ่งที่พฤติกรรมลูกค้าชื่อบแล้วนั้น ยังเป็นการกระตุ้น Engagement และเพิ่มฐานผู้ติดตามได้อย่างรวดเร็ว

โดยตัวอย่างเช่น ถ้าธุรกิจคุณเป็นร้านขายรองเท้าวิ่ง คุณอาจลองเริ่มแจกส่วนลดสำหรับการสั่งซื้อบนเว็บไซต์ 30% โดยให้ลูกค้ากด Follow Accounts และแชร์โพสต์นี้ จากนั้นให้ Tag เพื่อนที่อยากชวนมาวิ่งด้วยกันใน Comment อีก 1 คน

แค่ทำตามตัวอย่างนี้คุณก็ได้ประโยชน์ไปถึง 3 ต่อด้วยกัน หนึ่งคือผู้ติดตามเพิ่มขึ้น สองคือโพสต์ได้รับ Engagement Rate จากการกดคอมเมนท์และแชร์ และสามคือธุรกิจหลักของคุณได้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากแคมเปญการตลาด ถือว่าเทคนิคนี้เป็นการ Hacking ของกลยุทธ์ Organic Growth โดยแท้จริงครับ

4. เลือกใช้ฟีเจอร์สนับสนุนการขายอย่าง IG Shopping   

ปัจจุบัน Instagram ได้ออกฟีเจอร์ที่สนับสนุนต่อการขายสินค้าอย่าง IG Shopping ซึ่งสามารถให้คุณ Tag Product ลงไปในรูปได้ พร้อมบอกราคาและรายละเอียดของสินค้าอย่างครบถ้วน

นอกจากนั้นฟีเจอร์นี้ยังสามารถส่งลูกค้าที่สนใจในผลิตภัณฑ์ของคุณ ให้เข้าไปทำการซื้อขายกับคุณเองโดยตรงผ่าน CTA ในปุ่มเดียวได้เลย เรียกว่าเป็นการใช้ Instagram ส่ง Lead ของธุรกิจเข้าไปยังเว็บไซต์ได้ทันที

ภาพจาก Maccosmetics

การใช้เทคนิคนี้จึงเป็นการสร้างยอดขายให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี และยังเป็นอีกเทคนิคที่ทำให้ธุรกิจสร้าง Brand Awareness ได้ด้วยเช่นกัน เพราะทำให้ผู้ติดตามได้รู้ว่า สินค้าของธุรกิจคุณคืออะไรและมีรายละเอียดอย่างไร

5. ติดตามผลการทำงานด้วยเครื่องมือ Analytics Tools

สิ่งที่จะขาดไม่ได้สำหรับกลยุทธ์นี้ก็คือการติดตามผลการทำงาน เพราะเนื่องจากเป็นการดำเนินกลยุทธ์ในแบบ Organic คุณจึงจำเป็นต้องอาศัยการติดตามผล เพื่อนำมาวิเคราะห์หา Solution ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำการตลาดผ่านแพลทฟอร์มนี้

ซึ่งเครื่องมือประเภท Analytics Tools ที่ผมอยากจะแนะนำก็คือตัว Hashtagforlikes ที่จะวิเคราะห์ผลการทำงานของ Accounts และคอนเทนต์ของคุณได้อย่างละเอียดยิบ (แต่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)

ภาพจาก hashtagforlike

หรือถ้าใครไม่ต้องการเสียเงินเลย คุณก็สามารถใช้เครื่องมือฟรีๆ จาก Instagram อย่าง Instagram Insights ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลออกมาได้ละเอียด แม้จะไม่ได้ละเอียดมากมายแต่ก็ถือว่ามีข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการทำการตลาดของคุณอย่างครบถ้วนครับ

ภาพจาก influencermarketinghub

สรุปทั้งหมด

Instagram ถือเป็นอีกหนึ่ง Social Media ทางเลือกสำหรับการทำการตลาดของคุณ การที่คุณเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายบนแพลทฟอร์มนั้น รวมไปถึงการเข้าใจในธรรมชาติของ Instagram อย่างแท้จริง จะทำให้คุณสามารถทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักได้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้การโฆษณา

และสำหรับนักการตลาดท่านใดที่สนใจในเรื่องของการสร้างเติบโตให้กับธุรกิจ ก็อย่าลืมไปกดติดตาม Facebook ของพวกเรา The Growth Master เพื่อไม่พลาดทุกคอนเทนต์จากพวกเรา !

Source : adespresso , sproutsocial , influencive



ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe