การทำโฆษณา Twitter (Twitter Ads) ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่หลายแบรนด์เลือกใช้ เพราะ Twitter เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีจำนวนผู้ใช้งานเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และเป็นช่องทางที่ User ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นจนถึงวันกลางคน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของหลาย ๆ แบรนด์
ในบทความนี้ The Growth Master เลยจะพาทุกคนไปเรียนรู้วิธีการเริ่มต้นทำโฆษณา Twitter กันแบบหมดเปลือกให้คุณสามารถสร้างสรรค์แคมเปญการโฆษณาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย หากพร้อมแล้วไปติดตามพร้อมกันได้เลย!
ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe
รูปแบบการทำโฆษณา Twitter มีอะไรบ้าง ? อันดับแรกต้องทราบก่อนว่าการทำโฆษณาผ่านทาง Twitter หรือ Twitter Ads หลักการทำงานของ รวมถึงแคมเปญโฆษณาบางอย่างจะคล้ายคลึงกับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Facebook และ Instagram
นั่นจึงทำให้คนที่มีพื้นฐานในการยิงโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าวอยู่แล้ว จะได้เปรียบและสามารถทำความเข้าใจได้เร็วกว่า อย่างไรก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดของการทำโฆษณา Twitter เพราะ Twitter จะมีรูปแบบของโฆษณาเฉพาะตัว 8 อย่างที่คุณต้องทำความเข้าใจก่อน ได้แก่
Promoted Ads Promoted Ads คือ การโฆษณา Twitter แบบมาตรฐานที่เรียบง่ายมาก ๆ แถมยังใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการ Tweet ข้อความ, รูปภาพ, วิดีโอ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถ Retweet และ Like ได้ตามปกติเลย
สำหรับ Tweet ไหนที่ทำการ Promote Ads ก็จะมีจุดสังเกตชัดเจนโดยใช้คำว่า “Promoted by…” ถือเป็นรูปแบบโฆษณาที่ได้ผลดีที่สุด เพราะมีโอกาสที่ User จะเลื่อนมาเห็นได้ง่ายกว่ารูปแบบอื่น ๆ สำหรับ Promote Ads ก็มีแยกย่อยออกมา 5 รูปแบบดังนี้
Text Ads – เป็นการโฆษณา Twitter โดยใช้เพียงข้อความเท่านั้น รูปแบบนี้ค่อนข้างเรียบง่าย มีความเป็นธรรมชาติ ใกล้เคียงกับทวีตของผู้ใช้งานทั่วไป และช่วยให้ User เข้าถึงได้ง่ายอีกด้วยImage Ads – เป็นการโฆษณาโดยใช้ข้อความและรูปภาพเพียง 1 ภาพเท่านั้น โดยจะช่วยให้ผู้ใช้งานได้เห็นภาพสินค้าหรือบริการของแบรนด์มากขึ้นVideo Ads – เป็นการโฆษณาโดยใช้ข้อความและวิดีโอที่มีความยาวไม่เกิน 2 นาที 20 วินาที ซึ่งวิดีโอเป็นรูปแบบที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะช่วยกระตุ้นและดึงดูดให้ผู้คนเข้าไปที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของแบรนด์ได้Carousel Ads – เป็นโฆษณาที่โดยใช้รูปภาพหรือวิดีโอได้สูงสุด 6 รายการ เป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้ User ด้วยการสไลด์ดูรูปภาพและวิดีโอเพิ่มเติมในแนวนอนMoment Ads – เป็นการโฆษณาโดยใช้ฟีเจอร์ Moment เข้ามาช่วยถ่ายทอดเรื่องราวในมุมมองที่แตกต่างกันได้มากกว่า 280 ตัวอักษร เพิ่มความสมจริงให้การโฆษณามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นFollower Ads Follower Ads คือ รูปแบบโฆษณา Twitter ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มการมองเห็นและโปรโมตบัญชี Twitter ของแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้าง Brand Awareness และดึงดูดผู้ติดตามใหม่ ๆ ขึ้น
ภาพจาก twitter Twitter Amplify Twitter Amplify คือ รูปแบบโฆษณาที่ช่วยให้ User เข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายกว่าเดิม ด้วยการจัดหมวดหมู่โฆษณาของแบรนด์ให้สอดคล้องกับคอนเทนต์วิดีโอระดับพรีเมียมจากผู้ลงโฆษณาที่มีความเกี่ยวข้องและใกล้เคียงกันมากที่สุด เพื่อเป็นวิดีโอโฆษณาตอนต้นคลิป โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
Amplify Pre-roll – รูปแบบโฆษณาที่ให้แบรนด์เลือกหมวดหมู่เนื้อหาของวิดีโอที่จะแสดงในวิดีโอตอนต้นของแบรนด์เอง ซึ่งมีให้เลือกมากกว่า 15 หมวดหมู่ โดยจัดเป็นวิดีโอระดับพรีเมียมที่มีความปลอดภัย และใช้เปิดตอนต้นคลิป เพื่อดึงดูดความสนใจจาก Userภาพจาก twitter Amplify Sponsorships – รูปแบบโฆษณาที่ให้แบรนด์จับคู่โฆษณาแบบ 1:1 กับสปอนเซอร์ ในช่วงระยะเวลาของแคมเปญ โดยโฆษณารูปแบบนี้จะมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว สามารถเพิ่มความสนใจให้กับ User ได้มากขึ้น (จากภาพด้านล่างนี้เป็นของแบรนด์ The Sandwich Bar แต่ Promoted by The Barista Bar)
ภาพจาก twitter Twitter Takeover Twitter Takeover คือ รูปแบบโฆษณาในระดับพรีเมียม ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้มากที่สุด ด้วยการเข้ามา Takeover ในแถบ Timeline และ Explore โดยจุดเด่นของโฆษณารูปแบบนี้คือ User ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์จะเห็นได้โฆษณาได้อย่างชัดเจนทั้งบน Desktop และ Mobile โดย Twitter Takeover จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
Timeline Takeover – เป็นรูปแบบโฆษณาที่จะอยู่ด้านบนสุดของ Timeline เมื่อ User เข้ามาใช้งาน Twitter ก็จะเห็นโฆษณารูปแบบนี้ก่อนเป็นอันดับแรกภาพจาก twitter Trend Takeover / Trend Takeover+ – เป็นรูปแบบโฆษณาที่มีลักษณะเดียวกันกับ Timeline Takeover แต่โฆษณาจะแสดงให้ User เห็นในหน้า Explore ส่วน Trend Takover+ มีการเพิ่มวิดีโอเข้าไปเพื่อความสมจริงและดึงดูดให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นภาพจาก twitter Twitter Live Twitter Live คือ รูปแบบโฆษณาที่ช่วยให้แบรนด์สามารถถ่ายทอดสดวิดีโอไปทั่วโลก ทำให้ User สามารถรับชมได้พร้อม ๆ กันแบบเรียลไทม์ ซึ่ง Twitter Live สามารถใช้ได้กับทุกช่วงเวลาสำคัญของแบรนด์ เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการ การประชุม ไปจนถึงปาร์ตี้และกิจกรรมต่าง ๆ ที่แบรนด์จัดขึ้น ถือว่าเป็นการเพิ่มการเข้าถึงให้กับ User ที่สนใจและติดตามแบรนด์มากขึ้น
ภาพจาก twitter Dynamic Product Ads Dynamic Product Ads คือ รูปแบบโฆษณาที่จะช่วยให้แบรนด์นำเสนอสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้ามากที่สุดในเวลาที่เหมาะสมที่สุด และการโฆษณารูปแบบนี้จะช่วยให้แบรนด์สามารถทำให้ ROAS (ต้นทุนต่อการซื้อและผลตอบแทนจากค่าโฆษณา) บน Twitter ดีขึ้นอีกด้วย สำหรับ Dynamic Product Ads จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
Dynamic Product Ads Retargeting – เป็นรูปแบบการโฆษณาที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถทำการโฆษณา Retargeting ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เคยมีส่วนร่วมกับแบรนด์ เช่น เพิ่มสินค้าไว้ในตะกร้า แต่ยังไม่ได้กดซื้อ โฆษณาก็จะไปแสดงยังพวกเขาเหล่านั้นDPA Prospecting – เป็นรูปแบบการโฆษณาที่ช่วยให้แบรนด์หาลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของแบรนด์ผ่านทางโฆษณาที่แสดงสินค้าจาก Catalog ของแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขามากที่สุดภาพจาก twitter Collection Ads Collection Ads คือ รูปแบบการโฆษณา Twitter ที่เป็นวิธีใหม่ในการค้นหา บอกเล่าเรื่องราว และซื้อสินค้าบน Twitter ซึ่งแบรนด์จะสามารถแสดงรูปภาพใน Collection นั้น ๆ โดยการเลือกรูปภาพสินค้าหลัก 1 รูป และโชว์ภาพ Thumbnail เล็ก ๆ ด้านล่าง Tweet เพื่อช่วยดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้าชมเว็บไซต์คนละลิงก์แตกต่างไปตามผลิตภัณฑ์
Single View Experience – เป็นมุมมองที่ User ไม่จำเป็นต้องสไลด์เลื่อนขวาเพื่อดูรูปภาพเหมือนกับ Carousel Ads แต่ทุกสินค้าและแสดงอยู่ในมุมมองเดียวพร้อม ๆ กันเลยCustomizable Destinations – เพิ่มความยืดหยุ่นให้การโฆษณามากขึ้น เพราะแบรนด์จะสามารถลิงก์แต่ละสินค้าไปยัง Landing Page ที่ไม่ซ้ำกันได้Creative Flexibility – เพิ่มพื้นที่การสร้างสรรค์ให้แบรนด์มากขึ้น เพราะแบรนด์สามารถลงโฆษณาที่เน้นผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโปรโมชันที่ไม่ซ้ำกันได้ถึง 6 รายการภาพจาก twitter Twitter Ad Features Twitter Ads Feature คือ รูปแบบการโฆษณาจากฟีเจอร์อื่น ๆ บน Twitter ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและช่วยให้การโฆษณาแต่ละครั้งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และช่วยให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ธุรกิจต้องการได้ดีขึ้น โดยฟีเจอร์ Twitter จะแบ่งออกเป็น 6 ฟีเจอร์ ดังนี้
Polls – ฟีเจอร์สำหรับการสร้างแบบสำรวจที่เปิดให้ User ได้มีส่วนร่วมกับแบรนด์ โดยการตอบคำถามในแบบสำรวจนั้น ๆภาพจาก twitter Conversation Buttons – ฟีเจอร์ที่เป็นปุ่มกดเพื่อการสนทนา ช่วยกระตุ้นให้ User ได้มีส่วนร่วมและสนทนากับแบรนด์ ด้วยการพูดคุยหรือสอบถามเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ต้องการภาพจาก twitter App Buttons – ฟีเจอร์ปุ่มกดเพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน โดยจะลิงก์ไปยังหน้าดาวน์โหลดแอปบน App Store หรือ Play Store แต่ถ้าหากว่า User ดาวน์โหลดแอปเรียบร้อยแล้ว ปุ่มนี้ก็ยังสามารถตั้งค่าให้เปิดแอปบนมือถือโดยเฉพาะได้อีกด้วยภาพจาก twitter Website Buttons – ฟีเจอร์ปุ่มกดเพื่อเข้าไปยังเว็บไซต์โดยตรง โดยใช้ร่วมกับ Image Ads และ Video Ads เพื่อช่วยกระตุ้นให้ User กดเข้าสู่เว็บไซต์ของแบรนด์มากขึ้น และเป็นการเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขายภาพจาก twitter Branded Hashtags – ฟีเจอร์ยอดฮิตที่ช่วยให้แบรนด์โฆษณาโดยใช้ Hashtag เฉพาะของแบรนด์ พร้อมทั้งช่วยแสดงให้ Character ของแบรนด์ชัดเจน น่าสนใจมากยิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มยอดผู้ติดตามได้ดียิ่งขึ้นภาพจาก twitter Branded Notifications – ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ติดตามได้รับการแจ้งเตือนจากแบรนด์ ช่วยให้ผู้ติดตามได้รับข้อมูลข่าวสารจากแบรนด์ได้โดยตรงในช่วงเวลาสำคัญหรือช่วงเวลานั้น ๆ แบบเรียลไทม์
ภาพจาก twitter ขั้นตอนเริ่มต้นทำการโฆษณา Twitter ต้องทำอย่างไร? อย่างที่ได้กล่าวไปในหัวข้อที่แล้วว่าในการเริ่มต้นทำโฆษณาผ่าน Twitter หลักการรวมไปถึงกลไกต่าง ๆ จะมีคล้ายกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ หรือ Google Ads แต่สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ในการยิง Ads วันนี้ The Growth Master จะพาคุณไปเรียนรู้วิธีการเริ่มลงโฆษณา Twitter แบบ Step By Step ไปติดตามกันต่อได้เลย
ขั้นตอนที่ 1: Set up Twitter Ads Account แน่นอนว่าขั้นตอนแรกของการทำโฆษณาบนโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มใดก็ตาม คุณต้องเริ่มจากการสร้าง Ads Accounts หรือบัญชีโฆษณาขึ้นมาก่อน เพื่อเป็นตัวจัดการโฆษณาทั้งหมดที่คุณกำลังจะเริ่มลงมือทำ (คุณต้องมี Account หรือ Business Account ของ Twitter ก่อนด้วยนะ)
สำหรับ Twitter คุณสามารถเข้าไปเปิดบัญชีโฆษณา Twitter ได้ที่ ads.twitter.com จากนั้นใส่ประเทศ (Thailand) และ Time Zone ให้เรียบร้อย จากนั้นกด Let’s Go ระบบจะพาคุณเข้าสู่หน้าการเลือก Objective ของโฆษณา
ขั้นตอนที่ 2: เลือก Advertising Objective ที่คุณต้องการ ขั้นตอนต่อไปก็คือการเลือกวัตถุประสงค์ของการทำโฆษณา ที่เป็นเป้าหมายของการทำการตลาดของคุณโดยในปี 2023 Twitter ในประเทศไทยมีรูปแบบ Objective ให้เลือกอยู่ 4 อย่างด้วยกัน ได้แก่
Reach – เพิ่มจำนวนการมองเห็นEngagement – เพิ่มยอดการมีส่วนร่วม (Likes, Retweets, Replies และ Link Clicks)Followers – เพิ่มยอดผู้ติดตามWebsite Traffic – เพิ่มยอด Traffic ให้กับเว็บไซต์โดยคุณสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดของรูปแบบ Twitter Ads Objective แต่ละอย่างแบบละเอียดได้ ที่นี่ เลย
จากนั้นให้คุณเลือก Objective ที่ต้องการ แล้วระบบจะนำคุณไปสู่หน้า Campaign Set up ตั้งชื่อแคมเปญของโฆษณา, งบประมาณและวันเวลาในการเผยแพร่ให้เรียบร้อย แล้วกด Next ได้เลย
ขั้นตอนที่ 3: สร้างโฆษณาของคุณ (Create Ad) ขั้นตอนต่อมาระบบจะพาคุณมาอยู่ที่หน้า ‘Create Ad’ ซึ่งเป็นหน้าที่เอาไว้สร้างโฆษณาของคุณ โดยคุณสามารถใส่ทั้งแคปชัน รูปภาพ วิดีโอของคุณลงไปในขั้นตอนนี้ พร้อมทั้งเลือกรูปแบบ Ad ว่าอยากทำการโฆษณารูปแบบใด (เหมือนที่เราอธิบายไว้ข้างต้น)
ขั้นตอนที่ 4: ปรับแต่งและกำหนดค่าต่าง ๆ (Customized Delivery) ในขั้นตอนสุดท้ายนี้ทาง Twitter จะให้คุณกำหนดค่าต่าง ๆ ประกอบไปด้วย
Demographics – กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ทั้งเพศ อายุ และ LocationTargeting Features – ระบุเกี่ยวกับผู้ใช้งานมากขึ้น เช่น กำหนดว่าอยากเน้นคีย์เวิร์ดใด, อยากได้ Follower ที่คล้ายกับ Account ใด (Follower Look-alikes), ระบบปฏิบัติการที่ผู้ใช้ใช้งาน, ความสนใจ, ภาษา ซึ่งทั้งหมดนี้แบรนด์สามารถเลือกได้ว่าจะกำหนดค่าใด ไม่จำเป้นต้องเลือกทั้งหมดBudget & Schedule – กำหนดงบประมาณที่ต้องการใช้และตั้งเวลาในการลงโฆษณาPayment Method – เลือกวิธีที่ใช้จ่ายเงิน และกรอกข้อมูลบัตรเครดิตเมื่อกำหนดค่าทุกอย่างเสร็จแล้ว กด Launch Campaign เพื่อทำการเผยแพร่โฆษณาของคุณได้เลย ก็นับเป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว
เทคนิคการทำให้ Twitter Ads สามารถสร้าง Brand Awareness ให้ธุรกิจของคุณ หลังจากที่เรารู้วิธีการตั้งแคมเปญโฆษณาใน Twitter กันได้แล้ว ส่วนต่อไปคือการทำให้ตัวโฆษณาของเราสามารถสร้าง Brand Awareness ให้กับ User ได้มากที่สุด โดยมีเทคนิคง่าย ๆ ดังนี้
1. การเขียน Copywriting ต้องกระชับและดึงดูด ด้วยข้อจำกัดในการกำหนดจำนวนตัวอักษร (Characters) ที่ทาง Twitter ให้คุณลงได้เพียงแค่ 280 ตัวอักษรเท่านั้น ทำให้การเขียน Copywriting สไตล์ Long Form แบบใน Facebook อาจใช้ไม่ได้สำหรับ Twitter
ทำให้เทคนิคที่เราอยากแนะนำก็คือ การเปลี่ยน Copywriting สำหรับงาน Twitter Ads ให้มีความกระชับ สั้น และตรงจุด เพราะต้องอย่าลืมว่าพฤติกรรมผู้ใช้งานส่วนใหญ่ของ Twitter จะไม่ค่อยจดจ่อกับอะไรได้นานและสามารถเลื่อน Ads ของคุณทิ้งไปได้ทันที
จากตัวอย่าง Lego เลือกใช้ Copywriting ในการโปรโมตแคมเปญการตลาดของพวกเขาเพียงแค่ 1 บรรทัดสั้น ๆ แล้วเปลี่ยนมาใช้ตัว Media ในการเล่าเรื่องทั้งหมดแทน ซึ่งทั้ง 2 องค์ประกอบต่างส่งเสริมซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ทำให้แคมเปญของ Lego ประสบความสำเร็จในการโปรโมตผ่าน Twitter
2. Call To Action ต้องชัดเจน การใส่ Call To Action ไม่ว่าจะไปลิงก์ที่ส่งไปยัง Landing Page หรือส่งไปยังช่องทางอื่น ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการทำ Twitter Ads สำหรับการสร้าง Brand Awareness ที่น่าสนใจและได้ผลดี
แต่ในการใส่ Call To Action นั้นคุณควรกล่าวให้ User ได้รับรู้ทั้งใน Copywriting และ Media ซึ่งก็ยังต้องคงคอนเซปต์กระชับ เข้าใจง่ายอยู่เหมือนเดิม
จากตัวอย่าง Marvel Unlimited ก็ใช้เทคนิคดังกล่าวเช่นกัน โดยพวกเขาใช้ Twitter เป็นตัวกลางกระจาย CTA ให้ User ได้กดเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์และทำความรู้จักแบรนด์นี้มากยิ่งขึ้น ผ่านการทำ Twitter Ads
สำหรับใครที่อยากใช้เทคนิคนี้ ในกรณีที่ URL ของเว็บไซต์ยาวเกินไป เราแนะนำว่าคุณควรใช้ตัวช่วยในการย่อลิงก์เช่น Bit.ly เพื่อทำให้ Tweet + URL ไม่ยาวจนเกินไป และอย่าลืมติด UTM Parameters ในลิงก์ เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการวัดผลมาพัฒนาการทำการตลาดต่อไปในอนาคต
3. ตรวจสอบคุณภาพของ Media ที่เผยแพร่ เมื่อหัวใจหลักของการทำ Twitter Ads เพื่อสร้าง Brand Awareness อยู่ที่ตัวสื่อ (Media) ที่ใช้ในการเผยแพร่ จึงทำให้คุณต้องใส่ใจกับส่วนนี้เป็นพิเศษ เพราะถือเป็นหน้าตาของแบรนด์ที่จะทำให้ Audience ได้รู้จักตัวคุณมากขึ้น
ทั้งเนื้อหาของสื่อ รวมไปถึงคุณภาพที่ใช้ในการเผยแพร่โดยทาง Twitter ก็มีการออกข้อกำหนดของคุณภาพ ขนาด สกุลไฟล์ที่ใช้สำหรับงาน Ads ในแต่ละแบบออกมาเหมือนกัน
เพราะฉะนั้น ก่อนจะเริ่มทำแคมเปญ Twitter Ads ก็อย่าลืมเช็คข้อกำหนดให้ละเอียดด้วยนะครับ (อ่านข้อกำหนดของ Twitter ได้ ที่นี่ )
4. ใช้ Hashtag ให้เป็นประโยชน์ สุดท้ายคือการใช้ Hashtag ซึ่งถือเป็นภาพลักษณ์ของ Twitter ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด กล่าวคือในแต่ละแคมเปญ คุณต้องอย่าลืมใส่ Hashtag ที่มีความเกี่ยวข้องกับแคมเปญของคุณลงไปด้วย
โดยเราแนะนำว่าชื่อ Hashtag ที่ตั้งนั้นควรจะเป็นชื่อแบรนด์ ชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อแคมเปญ หรือสโลแกนทางการตลาด เพราะนอกจากจะเป็นการสร้าง Brand Awareness ให้กลุ่ม Audience แล้วนั้นในกรณีที่มี User ให้ความสนใจหรือ Retweets มากพอก็จะส่งให้ Hashtag นั้นขึ้นอยู่ในหน้า Trends ทำให้แคมเปญของคุณเข้าถึง Users มากขึ้นอีกเป็นหลายเท่าตัวเลย
สรุปทั้งหมด การใช้งาน Twitter Ads ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการทำโฆษณาในโซเชียลมีเดียที่ช่วยสร้าง Brand Awareness ให้กับแบรนด์หรือธุรกิจคุณได้ดีไม่แพ้กับแพลตฟอร์มอื่นๆ
แต่สิ่งที่เราอยากจะแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งาน Twitter Ads ก็คือคุณต้องหมั่นเข้าไปลองเล่น Twitter ด้วยตัวคุณเอง เพราะอย่างที่เรากล่าวไปว่าธรรมชาติของการใช้งานและพฤติกรรมผู้ใช้งาน Twitter จะมีความแตกต่างกับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่นอย่างสิ้นเชิง
ทางเดียวที่จะทำให้คุณเรียนรู้การทำงานของ Twitter ได้อย่างชัดเจนก็คงหนีไม่พ้น “การลงไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง” นี่แหละครับ