ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ว่า 'จงเรียนรู้จากอดีต' แต่ในโลกออนไลน์ที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บางครั้งอดีตก็ดูจะเลือนหายไปจนแทบไม่เหลือร่องรอยให้สืบค้น…วันนี้ tgm. จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ Wayback Machine จดหมายเหตุแห่งโลกดิจิทัล ที่เก็บรวบรวมประวัติศาสตร์ของเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงปัจจุบัน ช่วยให้เหล่านักทำ SEO ทุกคนได้ศึกษาการพัฒนาของเว็บไซต์ทั้งของตัวเองและคู่แข่ง เพื่อนำไปวางแผนเพื่อใช้ในการไต่อันดับของ Google ให้ดีขึ้น ซึ่ง Wayback Machine คืออะไร? ใช้งานแบบไหน? ไปดูกันเลย

ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น
ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe
เจาะเวลาค้นหาอดีตเว็บไซต์ กับ Wayback Machine
“เข้าถึงทุกความรู้ อย่างถ้วนหน้า”
Internet Archive
ยังจำได้ไหมว่า… เว็บไซต์ของคุณเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หน้าตาเป็นยังไง? เราไปย้อนดูกันที่ Wayback Machine เครื่องมือมหัศจรรย์ที่จะพาคุณย้อนเวลา ไปดูอดีตของเว็บไซต์ได้เหมือนนั่งไทม์แมชชีน
Wayback Machine คือ สุดยอดเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ที่ก่อตั้งโดย Internet Archive ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 ด้วยภารกิจในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต (Digital footprint) ทั่วโลก ด้วยการ Snap ภาพหน้าเพจและเว็บไซต์ เพื่อให้มีบันทึกไว้เก็บย้อนดูในภายหลังได้ตลอดเวลา
โดยในปัจจุบัน Wayback Machine ได้บันทึกหน้าเว็บไซต์ไปกว่า 8.6 ล้านล้านเว็บไซต์ และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง เราจึงสามารถมองเห็นพัฒนาการของเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
นอกจากเพจและเว็บไซต์แล้ว Wayback Machine ยังรวบรวม หนังสือ, ภาพยนตร์, รายการโทรทัศน์, เพลง และเนื้อหาดิจิทัลอื่นๆ อีกมากมาย โดยใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลเหล่านี้ไปกว่า 40 เพตะไบต์ (Petabyte) ซึ่งเราสามารถเข้าไปรับชมได้แบบฟรี ๆ
แต่สงสัยไหมว่า Wayback Machine เขาเก็บรวบรวมข้อมูลในโลกออนไลน์ไปทำไม? แค่เพื่อให้เราย้อนดูเท่านั้นจริง ๆ หรอ ในเมื่อสิ่งที่เราได้ยินมาตลอดคือ Digital footprint จะคงอยู่ตลอดไม่หายไปไหน?
ขอบอกให้รีบเปลี่ยนความคิดด่วน เพราะความจริงแล้ว ข้อมูลเหล่านี้สามารถหายไปได้ทุกเมื่อ
Digital footprint ไม่คงอยู่ตลอดไป
เคยเจอไหม? ลิงก์ที่เคยเซฟไว้กลับเปิดไม่ได้ เว็บที่เคยอ่านก็หายไปเฉย ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เรากำลังเผชิญกับ ความเสื่อมถอยของข้อมูลดิจิทัล (Digital Decay) โดยที่เราไม่รู้ตัว งานวิจัยจาก Paw Research เผยว่า
- 38% ของเว็บไซต์ที่เคยมีอยู่ระหว่างปี 2013-2023 ตอนนี้เข้าไม่ได้แล้ว
- 23% ของเว็บข่าว มีลิงก์เสียอย่างน้อย 1 ลิงก์
- 21% ของเว็บรัฐบาล ก็มีปัญหาลิงก์เสียเช่นเดียวกัน
- 54% ของหน้า Wikipedia มีการอ้างอิงไปยังหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงได้
- 1 ใน 5 ของทวีตบน X (Twitter เดิม) หายไปจากระบบ ไม่ว่าจะถูกลบ ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว หรือบัญชีถูกระงับ โดยเฉพาะทวีตภาษาตุรกีและอาหรับ มีโอกาสหายไปภายใน 3 เดือนแรกสูงถึง 40%
แค่เห็นตัวเลขเหล่านี้ก็ทำให้ใจสั่นเพราะเหมือนเรากำลังสูญเสีย "ประวัติศาสตร์ของโลกออนไลน์" ไปอย่างต่อเนื่อง ลองนึกดู ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป เราอาจต้องเผชิญกับ 100 ปีแห่งความว่างเปล่า แบบโลกใน One Piece ก็เป็นได้…
เมื่อเห็นถึงความเสื่อมถอยนี้แล้ว เรารีบไปเรียนรู้วิธีการใช้งาน Wayback Machine กันดีกว่า จะได้รีบเตรียมตัวป้องกันไม่ให้ข้อมูลหายไปในอนาคต
ขั้นตอนการใช้งาน Wayback Machine
การใข้งาน Wayback Machine นั้นสามารถเริ่มได้ง่าย ๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้
- เข้าเว็บไซต์ Wayback Machine คลิกเลย จากนั้นก็ใส่เว็บไซต์ที่เราต้องการลงไป เช่น https://thegrowthmaster.com/
- เมื่อเข้ามาแล้ว เราจะเห็น ปฏิทิน (Calendar) ที่แสดงว่าระบบได้บันทึกข้อมูลของเว็บไซต์ไว้ช่วงเวลาใดบ้าง โดยจะแสดงวันที่ที่มีการเก็บข้อมูลเป็น จุดสี บนปฏิทิน
ตัวอย่างเช่น หากเราค้นหาเว็บไซต์ The Growth Master จะพบว่ามีการบันทึกข้อมูลตั้งแต่ 7 สิงหาคม 2020 และถูกบันทึกไปแล้วกว่า 113 ครั้ง
- หากเราต้องการดูเว็บไซต์ในวันไหน ก็สามารถคลิก จุดสีบนปฏิทิน ได้เลย เมื่อคลิกแล้ว ระบบจะแสดง หน้าเว็บในวันนั้น ให้เราได้เห็นอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น หน้าเว็บไซต์ของ The Growth Master เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2020 จะปรากฏให้เห็นว่าในตอนนั้นเว็บไซต์มีลักษณะเป็นอย่างไร ถ้าเปรียบเทียบกับเว็บไซต์ในปัจจุบันแล้ว ต้องบอกว่าเว็บไซต์ พัฒนาไปมาก โดยเฉพาะ โก๋ ที่ตอนนี้ดูมีความน่ารักขึ้นสุด ๆ
ด้วยขั้นตอนเหล่านี้ คุณจะสามารถใช้ Wayback Machine เพื่อสำรวจเวอร์ชันเก่า ๆ ของเว็บไซต์และดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านมาได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม Wayback Machine ไม่ได้บันทึกหน้าเว็บไซต์ทุกวัน แต่จะเลือกเก็บข้อมูลในบางวันเท่านั้น ซึ่งบางครั้งเราก็อาจสงสัยว่า ทำไมถึงเลือกเก็บข้อมูลในวันนั้น ๆ?
หากคุณสงสัยเกี่ยวกับการเลือกวันที่จะบันทึกข้อมูล หรืออยากรู้ว่าเพราะเหตุใดถึงมีการเลือกเก็บข้อมูลเฉพาะบางวัน คุณสามารถเข้าไปดูคำอธิบายเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลได้ที่หน้า Collections ของ Wayback Machine ซึ่งจะแสดงรายละเอียดเพิ่มเติมให้เข้าใจมากขึ้น ช่วยให้ใช้งานเครื่องมือได้อย่างเต็มที่
แต่หากอยากให้ Wayback Machine เข้ามา Snap หน้าเว็บไซต์ของเราในทันที ก็สามารถทำได้เช่นกัน
Save หน้าจอในทันทีเก็บข้อมูลได้ทันใจ
การเปลี่ยนแปลงบางครั้งอาจไม่ได้รับการบันทึกในทันที หน้าเว็บไซต์บางหน้าอาจต้องใช้เวลาประมาณ 6-24 เดือน กว่าจะปรากฏใน Wayback Machine แต่เราสามารถบันทึกหน้าเว็ปไซต์ได้ในทันที ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
- เข้าไปที่หน้า Home ของ Wayback Machine ที่ https://web.archive.org/
- เลื่อนลงไปข้างล่างจนเจอปุ่ม Save Page Now
- คัดลอก URL ของเว็บไซต์ที่ต้องการเก็บและวางลงในช่องที่กำหนด
- คลิก Save Page เพียงเท่านี้ Wayback Machine ก็จะบันทึกเว็บไซต์ของคุณทันที
เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เว็บไซต์คุณถูกเก็บไว้อย่างถาวรที่ Wayback Machine
แต่ในเมื่อบันทึกได้ก็ลบได้เช่นกัน
การลบหน้าเว็บไซต์บน Wayback Machine
ในยุคที่ข้อมูลออนไลน์มีความสำคัญมากขึ้น บางครั้งเราก็อาจไม่ต้องการให้ข้อมูลบางอย่างถูกเก็บบันทึกไว้ เช่น สินทรัพย์ทางปัญญา หรือข้อมูลส่วนตัวที่อาจส่งผลกระทบในอนาคต เช่น หนังสือ ภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่งงานศิลปะต่าง ๆ หากคุณต้องการ ป้องกันไม่ให้ Wayback Machine เก็บข้อมูลเว็บไซต์ ของคุณ หรือ ลบข้อมูลที่เคยถูกบันทึก ก็สามารถทำได้ตามวิธีเหล่านี้
- ระบุ “noarchive” บน Meta-tag
หากคุณไม่ต้องการให้ Wayback Machine เก็บข้อมูลในหน้าของเว็บไซต์ใด ๆ คุณสามารถเพิ่มคำว่า “noarchive” ใน Meta-tag ของเว็บไซต์นั้นได้ ตัวอย่าง:
html
<meta name="robots" content="noarchive">
หมายเหตุ: หากคุณไม่ต้องการให้ Wayback Machine เก็บข้อมูลในทุกหน้าของเว็บไซต์ คุณต้องระบุ “noarchive” ในทุกหน้าของเว็บไซต์เช่นกัน
หากคุณต้องการลบข้อมูลจาก Wayback Machine ที่ถูกบันทึกไปแล้ว สามารถส่งอีเมล์ไปที่ info@archive.org โดยให้ระบุ URL ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการลบ และ วันที่/เดือน/ปี/เวลา ที่ข้อมูลนั้นถูกบันทึกไว้ การขอลบข้อมูลนี้จะได้รับการตอบกลับในระยะเวลาอันสั้น
- ส่งเรื่องผ่าน Digital Millennium Copyright Act (DMCA)
หากข้อมูลที่คุณต้องการลบเกี่ยวข้องกับ ลิขสิทธิ์ หรือมีการละเมิดสิทธิ์ใด ๆ คุณสามารถส่งคำร้องผ่าน DMCA ซึ่งเป็นกฎหมายของสหรัฐที่คุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ค่อนข้างยุ่งยาก และอาจจะต้องใช้กระบวนการทางกฎหมาย ดังนั้นควรใช้วิธีนี้เฉพาะเมื่อข้อมูลนั้นเป็นสิ่งสำคัญจริง ๆ
Wayback Machine กับการทำ SEO
Wayback Machine ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือที่ช่วยให้เราย้อนเวลากลับไปดูเว็บไซต์ในอดีตเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้ช่วยใน SEO (Search Engine Optimization) เพื่อ ไต่อันดับ บน Google ได้อีกด้วย! มาดูกันว่า Wayback Machine สามารถช่วยในด้านนี้ได้อย่างไรบ้าง
- เปรียบเทียบหน้าเว็บไซต์ให้เห็นการเปลี่ยนแปลง
หากจู่ ๆ เว็บไซต์คู่แข่งที่เคยอยู่อันดับต่ำกว่าคุณ กลับพุ่งแซงคุณขึ้นไปอยู่ในอันดับที่สูงกว่า ให้รีบไปเช็กเว็บไซต์คู่แข่งด่วนเลย โดยใช้ฟีเจอร์ Compare ของ Wayback Machine เพื่อดูว่าเขาปรับอะไรบ้างในเว็บไซต์ ถึงทำให้อันดับเว็บไซต์เขาพุ่งขึ้นขนาดนี้ เช่น ประวัติผู้เขียน, รูปภาพ, บทความใหม่ ฯลฯ
โดยจะมีการใช้สีเพื่อแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในหน้าเว็บต่าง ๆ ซึ่งการเปรียบเทียบนี้จะทำให้เห็นแนวทางในการพัฒนาเว็บไซต์ของตัวเองต่อไป
สีเหลือง คือ ของเดิมที่ถูกเปลี่ยนแปลง
สีน้ำเงิน คือ ของใหม่ที่ปรับมา
- ตรวจเช็กโดเมนหมดอายุ เพื่อหาโดเมนที่ดีที่สุด
การตรวจเช็ก โดเมนหมดอายุ ก็เหมือนกับการที่ HR ประเมิน Resume ของผู้สมัครงาน ว่าเขามีประสบการณ์การทำงานที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่เปิดรับหรือไม่ ซึ่งเหมือนกับการที่ Wayback Machine ช่วยให้เรามองเห็น ประสบการณ์ที่ผ่านมา ของเว็บไซต์หรือโดเมนนั้นๆ ได้อย่างชัดเจน และช่วยให้เราประเมินว่าโดเมนนั้นเหมาะสมสำหรับนำมาทำ SEO ในธุรกิจนั้น ๆ หรือไม่ โดยมีเกณฑ์ในการตรวจเช็กคร่าว ๆ ดังนี้
- โดเมนมีอายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไป โดเมนยิ่งมีอายุนานยิ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือ และประสบการณ์ที่เว็บไซต์นั้นสะสมมา ซึ่งช่วยเพิ่ม Domain Authority ทำให้เว็บไซต์ดูมีความมั่นคงและไว้ใจได้มากขึ้น
- โดเมนมีการอัพเดทข้อมูลอยู่ตลอดใน 10 ปีที่ผ่านมา
การมีการอัปเดตเนื้อหาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา บ่งชี้ถึง ความน่าเชื่อถือ และ ความสดใหม่ ของเนื้อหาบนเว็บไซต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อ SEO
- โดเมนหมดอายุไปไม่เกิน 1 ปี การที่โดเมนเพิ่งหมดอายุและยังคงสามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ จะทำให้ยังคงมี ความเกี่ยวข้อง และ ประวัติที่ดี สำหรับการทำ SEO
- ต้องมี backlink จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ หากโดเมนนั้นได้รับ backlink จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือหรือมี Domain Authority สูง จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์และทำให้มันได้รับคะแนนจากเครื่องมือค้นหาเช่น Google มากขึ้น
- ชื่อโดเมนต้องไม่สื่อความหมายเรื่องใดเรื่องนึงโดยเฉพาะ หากชื่อโดเมนมีการเน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งเกินไป เช่น ชื่อที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการเฉพาะ จะอาจทำให้ Domain Authority ลดลงหากต้องการขยายขอบเขตในอนาคต
ข้อจำกัดที่ Wayback Machine ต้องเผชิญ
แม้ว่า Wayback Machine จะเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันโลกของเรามีเว็บไซต์มากมาย ทำให้ในหลาย ๆ ครั้ง Wayback Machine ไม่สามารถเก็บรวบรวมได้ทั้งหมดเนื่อง จากเหตุผลต่าง ๆ
- การป้องกันการเก็บรวบรวมข้อมูล เจ้าของเว็บไซต์บางรายตั้งค่าการป้องกันไม่ให้ข้อมูลถูกเก็บรวบรวมและเผยแพร่ โดยมีการตั้งข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ เช่น การใช้ Robot.txt เพื่อบล็อกไม่ให้เข้าถึงในหน้าต่าง ๆ ที่ระบุไว้
- ความยากในการเข้าถึงเว็บไซต์ หน้าเว็บบางแห่งจำเป็นต้องล็อคอินด้วยรหัสผ่าน (เช่น Netflix, Prime, Disney Plus ฯลฯ) หรือบางเว็บไม่มีลิงก์เปิดเผย จึงทำให้ Wayback Machine ไม่สามารถเข้าถึงและเก็บข้อมูลได้
- ความถี่ในการเก็บข้อมูล ไม่ทุกการเปลี่ยนแปลงจะถูกบันทึกไว้ใน Wayback Machine และบางเว็บไซต์อาจถูกบันทึก แต่จะต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะปรากฏในระบบ
- ไม่เก็บข้อมูลส่วนตัว Wayback Machine จะไม่เก็บข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ เช่น E-mail, Chat, เบอร์โทรศัพท์ ที่อาจส่งผลให้คนที่ประสงค์ร้ายนำไปใช้ในทางที่ผิด
- ข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย การเก็บข้อมูลบนโลกออนไลน์หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ข้อมูลบางอย่างอาจมาจากแหล่งที่ผิดลิขสิทธ์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการฟ้องร้องจากเข้าของข้อมูล
สรุปเกี่ยวกับ Wayback Machine
Wayback Machine เปรียบเสมือนหอจดหมายเหตุดิจิทัล ที่จดบันทึกและเก็บรักษาทุกการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ช่วยให้เราได้ย้อนเวลากลับไปสำรวจข้อมูลที่หายไปจากเว็บไซต์เก่า ๆ หรือเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เคยเกิดขึ้นได้อย่างครบถ้วน
นอกจากนี้ Wayback Machine ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการทำ SEO ที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยการติดตามประวัติและการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์ ที่อาจมีผลต่อการจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา เราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับกลยุทธ์ SEO ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมองเห็นภาพรวมของการแข่งขันในโลกออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ช่วยให้คุณก้าวนำในยุคดิจิทัลนี้ได้อย่างมั่นใจ