การจดบันทึกเป็นทักษะที่มีประโยชน์สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา พนักงานออฟฟิศ หรือแม้แต่บุคคลทั่วไป เพราะการจดบันทึกลงในสมุดแพลนเนอร์ทุกวันจะช่วยให้เราจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น พัฒนาทักษะการคิดและแก้ปัญหา ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ไปจนถึงการตั้งเป้าหมาย วางแผนชีวิตทั้งรายวัน รายเดือนให้ประสบความสำเร็จมีประสิทธิภาพกว่าเดิม
โดยสำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าแล้ว ประโยชน์ของการจดบันทึก ลงในสมุดแพลนเนอร์มีประโยชน์อะไรบ้าง และทำให้ชีวิตของคุณพัฒนาขึ้นไปในทางที่ดีขึ้นอย่างไร The Growth Master มีคำตอบ
ประโยชน์ของการจดบันทึก พัฒนาตัวเองทุกวัน
การจดบันทึกพัฒนาตัวเองทุกวันมีประโยชน์มากมาย ดังนี้
- ช่วยจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
การจดบันทึกช่วยให้เราจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น เพราะเมื่อเราจดบันทึกลงบนสมุดแพลนเนอร์ สมุดไดอารี่ หรือบน iPad เราจะต้องใช้ความคิดและสมาธิในการเรียบเรียงข้อมูลก่อนการเขียนเสมอ ซึ่งจะช่วยให้สมองของเราจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เพิ่มสมาธิในการจัดการเรื่องราวแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การประชุมในวันนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องแก้ไขบ้างแล้ววิธีในการแก้ไขปัญหานั้นสามารถทำได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
- พัฒนาทักษะการคิดและแก้ปัญหา
การจดบันทึกจะช่วยให้เราฝึกฝนทักษะการคิดและแก้ปัญหา เพราะเมื่อเราจดบันทึก สมองของเราจะมีการไตร่ตรองและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เรามองเห็นวิธีในการแก้ปัญหาแต่ละวันหรือแต่ละเดือนได้ดีมากขึ้น
- ช่วยกำหนดเป้าหมายในการใช้ชีวิตให้ชัดเจนขึ้น
ประโยชน์ของการจดบันทึก ทุกวันนั้นช่วยให้เรามีการตั้งเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนและระบุรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีในการบรรลุเป้าหมายนั้น ทำให้เราเห็นความคืบหน้าของตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าตอนนี้เราอยู่ใกล้กับเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้มากน้อยแค่ไหน โดยวิธีที่แนะนำคือให้คุณตั้งเป้าหมายในแต่ละปี (หรือเป็นเดือนก็ได้)
เช่น อยากเรียนคอร์สการตลาดออนไลน์ให้ได้ 10 คอร์ส ในปีนี้ แล้วจดลงไปในสมุดแพลนเนอร์หน้าแรก เพื่อให้ทุกครั้งที่เราเปิดแพลนเนอร์ขึ้นมาจะได้เป็นเหมือนการเตือนใจตัวเองให้ทำตามเป้าหมายเมื่อมีเวลาที่เหมาะสม
- วางแผนชีวิตให้ประสบความสำเร็จ
ประโยชน์ของการจดบันทึก ช่วยให้เราวางแผนชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้ เพราะเมื่อเราจดบันทึกเป้าหมายและวิธีการทำงานต่าง ๆ ไว้ เราจะสามารถติดตามความคืบหน้าและปรับเปลี่ยนแผนงานได้ตามสถานการณ์ ซึ่งเป็นส่วนช่วยทำให้คุณมีการคิดที่เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้การใช้ชีวิตของคุณประสบความสำเร็จมากขึ้น
- ช่วยระบายความเครียด พัฒนาทักษะด้านอารมณ์
การจดบันทึกทุกวันลงในสมุดแพลนเนอร์ยังช่วยระบายความเครียดได้ เพราะการเขียนบันทึกช่วยให้เราแสดงออกถึงความรู้สึกต่าง ๆ ของเราได้อย่างอิสระ และคุณยังสามารถเขียนบันทึกอารมณ์ในแต่ละวันลงในสมุดแพลนเนอร์ได้ด้วย เพื่อทำให้คุณเห็นว่าในแต่ละเดือน/ปี คุณมีความเครียดมาก-น้อย แค่ไหน หรืออารมณ์ส่วนใหญ่ของคุณเป็นอย่างไร ซึ่งการจดบันทึกอารมณ์ของตัวเองทุกวันมีประโยชน์ต่อการพัฒนาตัวเองและความเข้าใจในตัวเราเอง ช่วยให้คุณมีชีวิตที่มีความสุขและสมดุลในทุก ๆ ด้านของชีวิต
TIPS : แนะนำให้คุณหาสมุดแพลนเนอร์ ที่มี Template ในการ Tracking อารมณ์ของตัวเองทุก ๆ วัน เพื่อจะได้ทำให้คุณสามารถศึกษาพัฒนาการด้านอารมณ์ของคุณได้ชัดเจนมากขึ้น
แนะนำสมุดแพลนเนอร์ ที่จะทำให้คุณการจดบันทึกทุกวันของคุณเป็นเรื่องง่ายและสนุกมากขึ้น
หากตอนนี้คุณกำลังมองหาสมุดแพลนเนอร์ที่จะเข้ามาช่วยให้การจดบันทึกของคุณเป็นเรื่องง่ายและสนุกแถมยังได้ประสิทธิภาพมากกว่า สมุดแพลนเนอร์ทั่วไป ขอแนะนำ The Growth Planner สมุดแพลนเนอร์ 2023 ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากพฤติกรรมของคุณเจมส์ สุภชีพ (Certified Growth Master คนแรกของไทย) ที่ชอบจดบันทึกลงในสมุดแพลนเนอร์ทุกวัน เพื่อสังเกตุการเติบโตและพัฒนาการของตัวเองเป็นเวลากว่า 6 ปี ผสมกับการปรับเทมเพลตการใช้งานให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพื่อให้ประโยชน์ของการจดบันทึก ตัวเองทุกวันให้ได้มากที่สุด
โดยสมุดแพลนเนอร์ The Growth Planner 2023 เราได้ทำการปรับหน้าตาของสมุดแพลนเนอร์ให้มีสีสันสวยงามมากขึ้น ด้วยสีที่เพิ่มขึ้นมาถึง 4 สีให้คุณเลือกซื้อได้แก่ สี White Pearl, สี Navy Blue, สี Pastel Peach และสี Vintage Green ให้คุณได้เลือกกันตามความชอบ ส่วนภายในสมุดแพลนเนอร์ ก็ได้มีการจัด Layout มาใหม่ในแบบ Minimalist อ่านง่าย สบายตามากขึ้น
พร้อมการเพิ่มที่คั่นแพลนเนอร์ในแบบ Mood Tracker เพื่อช่วยในการบันทึกอารมณ์ความรู้สึกหรือบันทึกกิจกรรมต่าง ๆ ที่คุณมีแพลนจะตั้งใจทำ เช่น นั่งสมาธิ, ออกกำลังกายในแต่ละวันที่ทำได้อย่างละเอียดมากกว่าใน The Growth Planner เวอร์ชันปีที่ผ่านมา
รายละเอียดภายในเล่มของสมุดแพลนเนอร์ The Growth Planer 2023 มีทั้งหมดมีดังนี้
ส่วนที่ 1: Personal Info / Quote of Your Life
เมื่อเปิดแพลนเนอร์เข้ามาหน้าแรกที่คุณจะเจอก็คือ หน้าสำหรับใส่ข้อมูลส่วนตัวเพื่อกันหาย และหน้าสำหรับใส่ Quote of Your Life หรือข้อความที่พรีเซนต์ความเป็นตัวตนของคุณ
ส่วนที่ 2: Yearly Goal
เพราะเราเชื่อว่าการตั้งเป้าหมายที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ควรต้องเป็นการตั้งเป้าหมายในระยะยาว มองภาพรวมเป็นรายปี เราเลยออกแบบแพลนเนอร์ให้มีหน้าสำหรับการตั้งเป้าหมายทั้งปี (Yearly Goal) ให้คุณสามารถวาดเป็น Mind Mapping เพื่อเชื่อมต่อเป้าหมายใหญ่ที่คุณกำหนดไว้
และนอกจากนั้นคุณสามารถแยกเป้าหมายออกเป็นรายเดือนได้ เพื่อให้คุณจดบันทึกว่าการจะไปถึงเป้าหมายใหญ่ที่คุณได้ตั้งไว้นั้น แต่ละเดือนมีเป้าหมายอะไรที่ต้องทำให้สำเร็จบ้าง
ส่วนที่ 3: Travel List / To Do List
Travel List: ทำงานหนักตลอดปี อย่าลืมให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนหรือเที่ยวเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยล่ะ อยากไปเที่ยวที่ไหนในปีนี้ก็ใส่ชื่อสถานที่ไว้หน้า Travel List ได้เลย
To Do List - Not To Do List: ปีนี้คุณมีความตั้งใจว่าจะทำอะไร และ ไม่อยากทำอะไรบ้าง ลองเขียนเพื่อเตือนตัวเองไว้ได้เลย เช่น ปีนี้ตั้งใจว่าจะเรียนคอร์สออนไลน์ให้ได้ 20 คอร์ส, ลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโล, สมัครเรียนปริญญาโท เป็นต้น
ส่วนที่ 4: Monthly Kickoff
เมื่อกำหนดเป้าหมายของปีเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาของการตั้งเป้าหมายทั้ง 12 เดือน โดยเริ่มจากการใส่ Quote Of The Month ปลุกไฟให้ตัวเองในเดือนนี้ก่อน หรือจะกำหนด Theme, สิ่งสำคัญประจำเดือนก็ได้เช่นกัน
ส่วนที่ 5: Monthly Overview
เขียนภาพรวมทั้งหมดของเดือนนั้น ๆ เช่นกิจกรรมในแต่ละวัน (ไปเรียน, ประชุม, ฟิตเนส, ปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน, ดินเนอร์วันครบรอบ) เพื่อให้คุณไม่ลืมทุกเรื่องสำคัญในแต่ละเดือน หรือเขียนสิ่งที่คุณต้องการเตือนตัวเองก็ได้เช่นกัน เช่น อย่าลืมไปเอาสูทที่สั่งตัด, เริ่มจัดห้องนอนใหม่ เป็นต้น
ส่วนที่ 6: Daily & Weekly Task
หลังจากที่เราตั้งเป้าหมายแบบรายปี และรายเดือนเสร็จแล้ว ส่วนต่อมาก็คือการเริ่มตั้งเป้าหมายแบบรายวัน และรายสัปดาห์ โดยให้เราเริ่มเขียนจากหน้าขวามือ (Weekly Key Result) ก่อนเสมอเพื่อทำให้รู้ว่าในแต่ละวันของสัปดาห์นี้ เราต้องทำอะไรให้สำเร็จบ้าง เพื่อบรรลุเป้าหมายของสัปดาห์นั้น ๆ
จากนั้นก็ให้ใส่รายละเอียดหน้า Daily Activities โดยเริ่มจากใส่วันที่, สิ่งที่คุณต้องทำในวันนั้น พร้อมกับสรุปในช่อง Key Result ว่าวันนั้นคุณจะทำอะไรให้สำเร็จบ้าง
และสุดท้ายเมื่อเสร็จงานในแต่ละวันให้คุณเลือกติ๊ก Daily Mood ในหน้า Emoji ทั้ง 5 หน้าว่าในวันนั้นตัวคุณมีอารมณ์หรือความรู้สึกอย่างไร เพื่อนำมาดูพัฒนาการด้านอารมณ์ในแต่ละสัปดาห์
ส่วนล่างสุดของในวันเสาร์ - อาทิตย์ เราจะตัดช่อง Key Result ออกไป เพราะเราไม่ต้องการให้คุณโฟกัสกับเป้าหมายหรือ Key Result มากจนเกินไป ให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในวันหยุด
ส่วนที่ 7: Monthly Analysis
หลังจากที่ใส่ Daily & Weekly Goal จนครบทั้งเดือนแล้วก็ถึงเวลามารีวิวกัน โดยเริ่มจากสิ่งที่อยากจะบอกตัวเองในเดือนนี้ก่อน (สังเกตจากสิ่งที่ทำและอารมณ์ของตัวเราทั้งเดือน) เช่น อยากจะเป็นคนทำงานได้ไวกว่านี้, อยากรู้สึกแฮปปี้กับตัวเองมากกว่านี้, อยากมีเวลาให้ครอบครัวเยอะกว่านี้
จากนั้นก็ลองมาทำ Monthly Analysis ประเมินตัวเองด้วยการให้คะแนนในแต่ละเรื่อง (ตั้งแต่ 0-5) เช่น การพัฒนาตัวเอง, การทำงาน, การเข้าสังคม หรืออื่น ๆ แล้วนำคะแนนทั้งหมดที่คุณประเมินมารวมไว้ในช่อง Summary เพื่อดูพัฒนาการของตัวเอง (รูปแบบคะแนน) ในแต่ละเดือน
ส่วนที่ 8: Monthly Reflect
เป็นส่วนสุดท้ายของแต่ละเดือนที่จะให้คุณตั้งคำถามสำหรับถามตัวเองกลับไป แล้วก็เขียนตอบ เช่นถ้าย้อนเวลากลับไปช่วงต้นเดือนจะย้อนกลับไปทำอะไรเป็นสิ่งแรก, เดือนที่ผ่านมาคิดว่าตัวเอาเองยังมีจุดอ่อนตรงไหน, เดือนที่ผ่านมาคิดว่าตัวเองเข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้ไหม
คำถามเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณเห็นพัฒนาการของตัวเองมากขึ้นในเดือนนั้น และเป็นเหมือนบทเรียนให้เดือนต่อไป เรามีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างรวดเร็ว
และเมื่อทำทั้ง 8 ส่วนครบทุกวัน ทุกเดือนก็ลองเอาผลลัพธ์ที่คุณได้จดบันทึกไว้ ไม่ว่าจะเป็นคะแนนจาก Monthly Analysis หรือความรู้สึกจริงของตัวคุณเองมาทำการเปรียบเทียบดูว่า คุณเข้าใกล้หรือทำเป้าหมายของปีนั้นสำเร็จเหมือนที่คุณตั้งใจไว้ไหม
แต่เราเชื่อว่าถ้าคุณตั้งใจทำ สังเกตและพัฒนาตัวเองอยู่ในทุก ๆ วันเมื่อถึงช่วงสิ้นปี ผลลัพธ์ที่คุณได้จะต้องออกมาดีและเปลี่ยนตัวคุณเองเป็นคนใหม่ที่มีประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอน
แถมฟรี! ที่คั่นแพลนเนอร์ Mood Tracker บันทึกอารมณ์ของตัวเองได้ทุกวันตลอดทั้งปี
และนอกจากนั้นในเล่มแพลนเนอร์ยังแถมที่คั่น Mood Tracker ตัวช่วยในการบันทึกอารมณ์และพฤติกรรมตลอดทั้งปี เรายังมีที่คั่น Tracker เป็นสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาในสมุดแพลนเนอร์ The Growth Planner เวอร์ชัน 2023 โดยจะมีลักษณะเป็นกระดาษ 1 แผ่นขนาดเท่าแพลนเนอร์ สามารถใช้เป็นที่คั่นหนังสือได้ ซึ่งการใช้งานนั้นจะให้คุณสามารถ Track หรือจดบันทึกภาพรวมอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองภายในปีนั้น ๆ
โดยเราจะให้คุณกำหนดสี ขึ้นมา 1 สี เพื่อแทนความรู้สึกหรืออารมณ์ 1 อย่าง เช่น อารมณ์ดี มีความสุข แทนด้วยสีเขียว, รู้สึกเศร้า เสียใจ แทนด้วยสีเทา, รู้สึกสนุกสนาน ชอบวันนี้มากเป็นพิเศษ แทนด้วยสีน้ำเงิน เป็นต้น
ซึ่งถ้าคุณได้ Tracking อารมณ์หรือความรู้สึกในแต่ละวันครบเดือน หรือครบทั้งปี จะช่วยให้คุณสามารถติดตามพฤติกรรมของตัวเอง เพื่อการปรับเปลี่ยนตัวเองในเดือน/ปี ถัดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำให้เรารู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา เรามีความรู้สึกด้านลบเกิดขึ้นกับตัวเองบ่อยแค่ไหน หากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เราจะมีวิธีการรับมือและแก้ปัญหาความรู้สึกด้านลบของเราให้กลับมารู้สึกดีอีกครั้งได้อย่างไร
ถึงเวลาเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่! สั่งซื้อ สมุดแพลนเนอร์ 2023 The Growth Planner ได้แล้วตอนนี้ ในราคา 990 บาท! มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ประกอบไปด้วย Navy Blue, Vintage Green, White Pearl และ Pastel Peachในราคา 990 บาท พร้อมจัดส่งฟรี (ด่วน! สินค้ามีจำนวนจำกัด)