Service
Business Tech Stack ConsultantClickUp ConsultantSAP APITech ReviewEndlessloop ConsultantMarketing Service
Service
All Articles
Growth Trends
Growth Video
We Need Tool Talk
Startup Partners
Community
Advertise
ClickUp Course
Subscribe
🔥 Hot!
สอบถามทุกปัญหาเกี่ยวกับการสร้างธุรกิจด้านดิจิทัลที่นี่
Service
Business Tech Stack ConsultantClickUp ConsultantSAP APITech ReviewEndlessloop Consultant
Service
All Articles
Growth Trends
Growth Video
We Need Tool Talk
Startup Partners
Community
Advertise

software review

เริ่มจาก 0 ก็ขายของออนไลน์ได้ด้วย SHOPLINE

By
The Growth Master Team
November 29, 2021
Light
Dark
ส่งต่อเรื่องราวดีๆ
The Growth Master Team
The Growth Master Team

The Growth Master Team ผู้รักในการเรียนรู้ หลงใหลในเทคโนโลยี และแฮปปี้กับการเติบโต

นักเขียน

เลือกอ่านตามหัวข้อ

- การนับ 0 ไป 1 ยากกว่า 1 ไป 2 เสมอ การทำธุรกิจขายของออนไลน์เช่นกัน
- รู้จักกับ SHOPLINE
- สรุปรวม 9 ฟีเจอร์เด่น ทำไมถึงควรใช้ SHOPLINE?
- รีวิวจากการทดลองใช้งานของ The Growth Master
- สรุป
- การนับ 0 ไป 1 ยากกว่า 1 ไป 2 เสมอ การทำธุรกิจขายของออนไลน์เช่นกัน
- รู้จักกับ SHOPLINE
- สรุปรวม 9 ฟีเจอร์เด่น ทำไมถึงควรใช้ SHOPLINE?
- รีวิวจากการทดลองใช้งานของ The Growth Master
- สรุป

การนับ 0 ไป 1 ยากกว่า 1 ไป 2 เสมอ การทำธุรกิจขายของออนไลน์เช่นกัน

เพราะธุรกิจร้านค้าออนไลน์ไม่ใช่แค่การรับออร์เดอร์และขายไปเท่านั้น แต่ต้องอาศัยระบบหลังบ้านมากมายเพื่อช่วยให้สามารถจัดการกับสต็อกได้ง่ายขึ้น ซึ่งแตกต่างกับการขายที่หน้าร้าน การมีเว็บไซต์ร้านค้า ระบบชำระเงิน การขนส่งที่น่าเชื่อถือ รวมถึงการทำการตลาดออนไลน์ต่าง ๆ 

ภาพจาก Shaharia

แม้ว่าหลาย ๆ ร้านอาจเริ่มต้นจากการทำสิ่งเหล่านี้ด้วยการทำมือ เพราะประหยัดมากกว่า เช่น การจดออร์เดอร์, ทำ Excel นับสต็อก, แคปหน้าจอไลฟ์แล้วส่งออร์เดอร์ให้ลูกค้าทีละคน หรือการพิมพ์ใบจ่าหน้าพัสดุด้วยตนเอง แต่ปัจจุบันที่ธุรกิจต่าง ๆ สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่ธุรกิจเราเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาด และการนำเครื่องมือเข้ามาช่วยจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้

จากเครื่องมือที่มีให้เลือกหลากหลาย เราควรจะหยิบตัวไหนมาใช้เพื่อครองพื้นที่การตลาด?

ปัจจุบันเครื่องมือต่าง ๆ ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวช่วยในการทำธุรกิจขายของออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างเว็บไซต์ ระบบจัดการคลังสินค้า หรือสำหรับทำการตลาดต่าง ๆ ซึ่งการใช้เครื่องมือหลายอย่างประกอบกันนี้ ก็ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และอาจเพิ่มขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

SHOPLINE เครื่องมือสำหรับธุรกิจ E-Commerce แบบครบวงจร จะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจขายของออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย และไม่ต้องเสียเวลาตามหาซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มาใช้ เพราะมีการวางระบบฟีเจอร์มีประสิทธิภาพและครบเครื่อง ตั้งแต่การสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเอง การจัดการสต็อกสินค้าและคำสั่งซื้อต่าง ๆ ตลอดจนการสร้างแคมเปญโฆษณาที่จะพาลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าของเราอีกครั้ง 

เริ่มต้นทดลองใช้งาน SHOPLINE ได้ทีนี่

รู้จักกับ SHOPLINE 

SHOPLINE คือ Smart Commerce Platform สัญชาติฮ่องกง ที่ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์สามารถเริ่มต้นธุรกิจทั้งในและนอกประเทศให้จบได้ในเครื่องมือเดียว โดยจะแบ่งเครื่องมือออกเป็น 2 ชุด คือ Social Live-Commerce สำหรับธุรกิจที่ต้องการเน้นการขายผ่านโซเชียลและการไลฟ์สด และ Website E-Commerce สำหรับธุรกิจที่ต้องการขายผ่านเว็บไซต์หน้าร้านของตัวเอง

 “เครื่องมือที่ครบวงจร” ในที่นี้ หมายความว่า SHOPLINE สามารถทำได้ตั้งแต่การออกแบบเว็บไซต์ Ecommerce ที่มีระบบจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับการขายของออนไลน์ ช่วยให้ร้านค้าสามารถจัดการสินค้าต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบและง่ายขึ้น ในทุกขั้นตอนของการขาย 

และยังมี Dashboard สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่จะทำให้เราขายของได้อย่างถูกจุดและถูกคน ทำให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายได้ ออร์เดอร์ของสินค้าต่าง ๆ ในแต่ละเดือน หรือพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า เช่น การรู้ว่าลูกค้าแต่ละคนชอบซื้อสินค้าชนิดใด สามารถนำไปจัดโปรโมชันคู่กับสินค้าประเภทที่ใช้ร่วมกันได้ หรือ ส่งดีลพิเศษของสินค้าประเภทเดียวกันที่มีราคาสูงขึ้น ยิ่งเป็นลูกค้าประจำที่มีความเชื่อมั่นในแบรนด์ ก็ยิ่งทำให้เกิดการซื้อขายได้ง่าย เป็นต้น  

โดย SHOPLINE ก่อตั้งในปี 2013 เป็นแพลตฟอร์ม E-commerce เจ้าแรกที่ได้ร่วมพาร์ทเนอร์กับ Google ประเทศจีนในปี 2017 และยังเป็นพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการกับ Facebook ในด้าน Sales & Marketing ทำให้ระบบการขายต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกับ Facebook เป็นไปตามนโยบายรักษาความปลอดภัย

สรุปรวม 9 ฟีเจอร์เด่น ทำไมถึงควรใช้ SHOPLINE?

1. การออกแบบเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ พร้อมตัวช่วยในการทำ SEO 

ประโยชน์ของการมีเว็บไซต์ที่หลาย ๆ คนอาจนึกไม่ถึงคือ การมีเว็บไซต์ร้านค้าสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือ เสริมภาพลักษณ์และความมั่นใจให้กับลูกค้า นั่นจึงเป็นเหตุให้แบรนด์ใหญ่ ๆ มักจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองเสมอ 

ซึ่งบน SHOPLINE การสร้างเว็บไซต์ร้านค้าก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเขียนโค้ด ด้วยการเลือกใช้เทมเพลตสร้างร้านค้า หรือจะทำการปรับแต่งผ่านระบบลากวางหรือ Drag & Drop โดยเว็บไซต์ที่ถูกสร้างมานี้จะเชื่อมต่อกับระบบหลังบ้านของ SHOPLINE โดยตรง ที่สำคัญอีกอย่าง คือ ระบบหลังบ้านนี้มีตัวช่วยในการทำ SEO ทำให้ไม่ต้องตามหาเครื่องมืออื่น ๆ มาติดบนเว็บไซต์เองให้วุ่นวาย เพิ่มโอกาสทางการขายในระยะยาว

บทความที่เกี่ยวข้อง: SEO คืออะไร ? เปิดคัมภีร์ SEO ฉบับอัปเดตปี 2021 อธิบายแบบเข้าใจง่าย จบในบทความเดียว

2. ระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย

โดยปกติ ร้านค้าที่ไม่ได้ใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการคลังสินค้า อาจใช้วิธีนับสต็อกสินค้าด้วยการทำ Excel ซึ่งเมื่อมีออร์เดอร์เยอะขึ้น การนับสต็อกสินค้าเองก็เป็นเรื่องที่วุ่นวายมากขึ้น ต้องตรวจสอบหลายครั้งเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นนับสต็อกพลาด สินค้าหมด แต่ไม่อัปเดตในแพลตฟอร์มการขาย หรือปัญหาที่พบได้บ่อยอย่างโอนเงินแล้ว แต่ออร์เดอร์ตกหล่นทำให้ผู้ซื้อไม่ได้รับสินค้า เป็นต้น

SHOPLINE จึงมีระบบต่าง ๆ ที่จำเป็นกับธุรกิจร้านค้าออนไลน์ ทั้งการจัดการคำสั่งซื้อ ระบบสินค้าคงคลังพร้อมการแจ้งเตือนเมื่อสต็อกสินค้าหมด การชำระเงินที่ครอบคลุมตั้งแต่การชำระเงินผ่านธนาคาร, เก็บปลายทาง, และบัตรเครดิต (ด้วย Omise) รวมไปถึงระบบการรีวิวสินค้าที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การรีวิวจากผู้ใช้จริงนั้นมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า

ทั้งหมดนี้ถูกรวมอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ร้านค้าไม่ต้องหาหรือซื้อเครื่องมืออื่น ๆ มาเชื่อมต่อเพิ่มเติม ซึ่งต่างจากการสร้างเว็บไซต์ปกติที่ต้องนำระบบการจัดการต่าง ๆ มาเสริมเอง

3. การขนส่งที่ง่ายดายและประหยัดเวลา

หนึ่งในขั้นตอนที่ขึ้นชื่อว่า เหนื่อยยากที่สุดสำหรับใครหลายคนคงไม่พ้นการแพ็กของที่ต้องพิมพ์ใบจ่าพัสดุของลูกค้าทีละคน แต่ด้วย SHOPLINE การสั่งพิมพ์ใบจ่าพัสดุจะเป็นเรื่องง่ายขึ้น เพราะเป็นพาร์ทเนอร์กับ ONESHIP สามารถเชื่อมต่อกับบริษัทขนส่งชั้นนำทั้งในและนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Kerry, Flash, DHL จึงสามารถดึงข้อมูลออกมาจากระบบหลังบ้านเชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์ ทำให้ใบจ่าพัสดุแต่ละใบถูกส่งเข้าไปในระบบของบริษัทขนส่งได้เลย พร้อมทั้งมีการอัปเดตสเตตัสการจัดส่งให้อัตโนมัติ 


4. ระบบ CRM ช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

เคล็ดลับในการทำธุรกิจไม่ใช่แค่การหาลูกค้าใหม่เท่านั้น แต่การดูแลลูกค้าเก่าก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ เพราะคนเหล่านี้คือกลุ่มคนที่จะกลับมาซื้อซ้ำ และนี่คือสิ่งที่เรียกว่า ระบบ CRM (Customer Relationship Management) ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน รวมถึงการดึงข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ตัดสินใจนำเสนอรูปแบบการขายสินค้าหรือเพื่อสร้างแคมเปญทางการตลาดได้ง่ายขึ้น

 ประกอบกับระบบ Loyalty ภายในตัวที่สามารถจัดลำดับสมาชิกได้ถึง 5 ระดับ และมีการสะสมแต้มเพื่อแลกซื้อสินค้าหรือรับส่วนลดผ่านเว็บไซต์ โดยการจัดลำดับสมาชิกนี้จะช่วยให้เราสามารถนำมาทำเป็นแคมเปญหรือส่วนลดสำหรับสมาชิกแต่ละประเภทที่แตกต่างกันออกไปได้

นอกจากนี้ยังมี ฟีเจอร์เสริมอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ การสมัครรับการแจ้งเตือนเมื่อรีสต็อกสินค้า ซึ่งทำให้ลูกค้ากลับมาในลูปของธุรกิจอีกครั้งได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

5. การเชื่อมต่อกับเครื่องมือทางการตลาดต่าง ๆ 

การทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าเป็นอีกหนึ่งพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้แบรนด์สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลเชิงลึกแต่ละเมทริกซ์โดยการเข้าไปดูข้อมูลผ่านหลาย ๆ เครื่องมือ เช่น เข้าไปดูที่ระบบหลังบ้านของเพจ Facebook แล้วจึงเข้าไปดูข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่ Google Analytics 

แต่ด้วยการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Google และ Facebook ระบบของ SHOPLINE จึงสามารถเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อกับเครื่องมือต่าง ๆ ที่จำเป็นได้ง่ายกว่าที่เคย เช่น Facebook Pixel, Google Analytics และ Google Ads ทำให้สามารถเข้าไปดูข้อมูลในหน้า Dashboard ของแพลตฟอร์มเหล่านั้น โดยคลิกผ่าน SHOPLINE ได้เลย เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นและไม่เคยเชื่อมต่อกับเครื่องมือเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง

6. Smart Ads ตัวช่วยยิงโฆษณา

สำหรับคนที่เริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ ที่อาจจะยังไม่ชำนาญในการยิงโฆษณา ทั้งคนที่ไม่เคยยิงหรือลองยิงแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากมีฟีเจอร์ให้เลือกใช้หลากหลายมากไป และการตั้งค่าอันมากมาย บางรายอาจจะไม่ได้ตั้งการจำกัดงบ รู้ตัวอีกทีก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับค่าโฆษณาเกินกว่าที่คิด

SHOPLINE จึงมีฟีเจอร์ Smart Ads ที่จะเป็นผู้ช่วยให้ร้านค้าสามารถยิงโฆษณา ด้วยรูปแบบหน้าที่ใช้งานได้ง่ายมากกว่า แต่เก็บครบทุกฟีเจอร์สำคัญสำหรับการเพิ่มยอดขาย ช่วยให้ทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook หรือโฆษณาผ่าน Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงกลุ่มเป้าหมาย และปลอดภัย เพราะ SHOPLINE เป็นพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการของ Facebook ในด้าน Sales and Marketing 

อีกทั้งยังมีระบบเครดิตบน Smart Ads เป็นการเติมเงินเข้ากระเป๋าของคุณบน SHOPLINE ทำให้ทุกคนสามารถยิงโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้แม้ไม่มีบัตรเครดิต ตัดตามค่าใช้จ่ายจริงทางโฆษณา และช่วยจำกัดงบโฆษณาในเบื้องต้นให้โดยอัตโนมัติ (สามารถเพิ่มเครดิตได้) ไม่มีทางที่งบจะบานปลายอย่างแน่นอน

7. Social Live-Commerce ส่งเสริมการขายผ่านไลฟ์

ปัจจุบันการขายของผ่านสื่อโซเชียลและการไลฟ์สดเริ่มเป็นที่นิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในตลาดแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าหลายรายอาจเคยเจอกับปัญหาการส่งข้อมูลสินค้าให้กับลูกค้าไม่ครบทุกคน เพราะอาจไม่เห็นคอมเมนต์ CF, คอมเมนต์เยอะเกินจนทีมงานส่งข้อมูลสินค้าไม่ทัน หรือ ปัญหาที่ลูกค้าอาจมีส่วนร่วมกับการไลฟ์ไม่มากเท่าไหร่นัก 

SHOPLINE จึงมีฟีเจอร์ที่จะช่วยเพิ่ม Engagement ได้ผ่าน Social Live-Commerce ทั้งระบบดูด CF เมื่อลูกค้าพิมพ์รหัสสินค้าในไลฟ์ จะมีการส่งแชทพร้อมกับลิงก์สั่งซื้อสินค้าเข้าไปใน Inbox ของลูกค้าโดยอัตโนมัติทันที เพื่อป้องกันปัญหาส่งข้อมูลไม่ทันหรือแชทตกหล่น รวมถึงมีกิจกรรมต่าง  ๆ ระหว่างการสตรีมมิ่ง ทั้ง Live Quiz, Golden Minute, และ การประมูล (Bidding) เพื่อให้การไลฟ์ดูน่าสนใจ และยังช่วยเพิ่มยอดผู้เข้าชมให้ร้านอีกด้วย 

เริ่มต้นทดลองใช้งาน SHOPLINE ได้ทีนี่‍

8. ฟีเจอร์ Posts Commerce 

สำหรับร้านค้าที่มีการขายผ่านการโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ Posts Commerce ระบบดูดคอมเมนต์ ตั้งคีย์เวิร์ดเป็นรหัสสำหรับสินค้าแต่ละชิ้น เมื่อลูกค้าคอมเมนต์รหัสใต้โพสต์สินค้า ก็จะมีการส่งคำสั่งซื้อเข้าไปใน Inbox ของลูกค้าโดยอัตโนมัติ  ซึ่งปกติจะมีขั้นตอนที่มากกว่า ตั้งแต่แคปภาพ นำไปสอบถามทาง Inbox ทำให้หลายครั้งที่ลูกค้าหลุดไปจากขั้นตอนนี้  ฟีเจอร์นี้จึงช่วยให้ลูกค้าเริ่มต้นกับแบรนด์ได้ง่ายขึ้น เพิ่ม Engagement บนโพสต์ และทำให้มีโอกาสปิดการขายได้มากขึ้นด้วย

9. Message Center ศูนย์รวมข้อความจากทุกช่องทางไว้ในที่เดียว

ฟีเจอร์ Message Center หรือศูนย์รวมข้อความ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาจากการขายของออนไลน์หลายช่องทาง ซึ่งก็คือการที่พ่อค้าแม่ค้าต้องคอยเข้าไปตอบตามช่องทางการขายต่าง ๆ นั้นอาจก่อให้เกิดข้อผิดพลาด เช่น การส่งผิดแชท ได้ การมีศูนย์รวมข้อความจากทุกช่องทางให้สามารถจัดการได้ในที่เดียวจะช่วยลดเวลา ลดขั้นตอน ลดข้อผิดพลาดและประหยัดทรัพยากรบุคคลหรือแอดมินของช่องทางต่าง ๆ และช่วยให้ลูกค้าติดต่อกับร้านค้าได้รวดเร็วขึ้นไปอีก

โดย Message Center เป็นศูนย์รวบรวมคอมเมนต์และข้อความ จากทั้ง Facebook, Instagram และ Line Official Account  ซึ่งแต่ละแชทก็สามารถมอบหมายให้แอดมินดูแลโดยอัตโนมัติ หรือสร้างออร์เดอร์ ส่งลิงก์ชำระเงินสินค้าไปหาผู้ซื้อได้ง่าย ๆ ภายในไม่กี่คลิกผ่านช่องทางเดียวได้เลย

รีวิวจากการทดลองใช้งานของ The Growth Master

หลังจากที่ได้ทดลองใช้งานตัว SHOPLINE สิ่งที่ The Growth Master รู้สึกได้คือผลิตภัณฑ์ของ SHOPLINE สร้างขึ้นมาจาก Pain Point ที่เกิดจากการทำธุรกิจ Ecommerce จริง ๆ ในหลากหลายแง่มุม แต่ด้วยความที่ซอฟต์แวร์มีขนาดใหญ่ อีกนัยหนึ่งก็คือมีฟีเจอร์เยอะนั่นเอง อาจทำให้การใช้งานสำหรับผู้เริ่มต้นค่อนข้างยากเล็กน้อยในการทำความเข้าใจแต่ละจุด (แต่ SHOPLINE มีทีมซัพพอร์ตช่วยเหลือลูกค้าอยู่แล้ว)

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเริ่มต้นด้วยซอฟต์แวร์ขนาดเล็ก ค่อย ๆ เสริมทีละจุด จะดีในแง่ของงบประมาณช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อธุรกิจมีการขยายตัว แน่นอนว่าซอฟต์แวร์เหล่านั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับในจุดนี้ หากมองในระยะยาว การใช้งานเครื่องมือที่มีความรอบด้านนั้นมักจะได้ผลที่ดีมากกว่า เพราะ ไม่ต้องคอยหาเครื่องมือเข้ามาเสริม ไม่ต้องเสียซอฟต์แวร์หลายต่อ (ตัวเล็ก ๆ รวมกันแล้วอาจจะแพงกว่า หรือ มาคำนวณความยากในการใช้ตัวเดียวจบ กับ ใช้หลาย ๆ ตัวรวมกัน อย่างหลังมักจะไม่คุ้ม) อีกกรณีหนึ่งคือความยุ่งยากในการเปลี่ยนซอฟต์แวร์ เพราะการย้ายฐานข้อมูลไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาสั้น ๆ และมีความวุ่นวายมากยิ่งขึ้นถ้าระบบในการลงข้อมูลแตกต่างกัน

จากมุมมองของเรา การใช้งานตัว SHOPLINE จะเหมาะกับร้านค้าที่ต้องการเครื่องมือที่ครอบคลุมและจริงจังกับการวางระบบในระดับหนึ่ง เพื่อสร้างฐานที่แข็งแรง ติดตามทุกจุดได้ง่าย และเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในยุคที่โลกออนไลน์มีอิทธิพลไม่ต่างจากโลกจริง

สรุป

การทำงานบน SHOPLINE จะเป็นการทำงานภายใต้ระบบเดียวกันทั้งหมด หรือที่เรียกว่า Ecosystems ที่ทุกอย่างเป็นของ SHOPLINE ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่มีระบบการจัดการที่ครอบคลุม หรือการใช้สื่อโซเชียลอย่าง Facebook ในการขายและทำการตลาด ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างแต่ละส่วนเป็นไปได้อย่างราบรื่น 

SHOPLINE จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับการทำธุรกิจ E-Commerce แบบครบวงจร เพราะขับเคลื่อนด้วย Ecosystems ภายในตัวเอง ตั้งแต่การสร้างเว็บไซต์ไปจนถึงการส่งสินค้า รวมถึงการสร้างแคมเปญเพื่อพาลูกค้ากลับมาอยู่ในลูปของธุรกิจ ช่วยให้ร้านค้าประหยัดเวลา เพื่อไปโฟกัสกับการต่อยอดและขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะจัดการทุกอย่างให้จบได้ในตัวเดียว

เริ่มต้นทดลองใช้งาน SHOPLINE ได้ทีนี่

ส่งต่อเรื่องราวดีๆ

ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe
แหล่งเรียนรู้สำหรับคุณและธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนโลกดิจิทัลด้วยการใช้ศาสตร์ Growth, เครื่องมือด้านเทคโนโลยี, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างทีม
connect@thegrowthmaster.com
Privacy Policy
Terms & Agreement
User Data Deletion
Services
Business Tech Stack
Advertise
Tech Review
Subscribe
Category
Software Review
All Articles
Growth Trends
Company
We're Hiring
Internship Program
Community
Contact
Channels
Facebook
Line OA
Youtube
© Copyright 2020 W JAMES Company Limited All Rights Reserved
"Grow Like a Master"