แฟน ๆ ภาพยนตร์ ซีรีส์ Disney+ และจักรวาล Marvel ได้เตรียมชื่นใจกันอีกครั้ง! เพราะบริการสตรีมมิง Disney+ เตรียมเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ เอาใจแฟน ๆ ด้วยราคาที่ถูกกว่าเดิม คุ้มกว่าเดิม (แลกกับการรับชมโฆษณาคั่น) งานนี้ Disney+ มั่นใจว่าจะเติบโตในด้านจำนวนผู้ใช้งานอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ดิสนีย์ (The Walt Disney Company) ได้ทำการเปิดตัวสตรีมมิงสำหรับประเทศไทยด้วยชื่อ Disney+ Hotstar เมื่อเดือนมิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา และค่าใช้จ่ายในการรับชมอยู่ที่ 799 บาท/ปี ด้วยคอนเทนต์ภาพยนตร์ที่มากกว่า 700 เรื่อง ซีรีส์กว่า 14,000 ตอน เรียกว่าถ้าหารออกมาเป็นรายเดือนก็จัดว่าคุ้ม และตัดสินใจสมัครได้ทันทีหากเป็นหนึ่งในแฟนที่รอติดตามอยู่แล้ว
ด้วยชื่อเสียงที่สะสมมานานของดิสนีย์ ทำให้กระแสจากช่วงเปิดตัวจนถึงปัจจุบันมีผู้สมัครใช้บริการไปแล้วมากกว่า 129.8 ล้านคนทั่วโลก และนั่นถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ดิสนีย์มุ่งพัฒนาคอนเทนต์ในสตรีมมิงเพื่อดึงดูดผู้รับชมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งความน่าสนใจก็คือ ดิสนีย์เลือกสตรีมเนื้อหาที่มีความ Exclusive หารับชมที่ไหนไม่ได้อย่าง 20st Century Studios ที่เผยเบื้องหลังการเติบโต Side story ของดิสนีย์ หรือ ภาพยนตร์ที่เป็นภาคต่อจากจักรวาล Marvel ที่แฟน ๆ ของภาคก่อนหน้านี้ต้องกดเข้าเฉพาะที่ Disney+ เท่านั้นเพื่อรับชม
ดิสนีย์บุกตลาด เร่งขยายผู้ใช้งาน Disney+ ภายในปี 2024
การทดสอบรับโฆษณาของ Disney+ จะเริ่มในปลายปีนี้ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานจะมีตัวเลือกในการสมัครบริการเพิ่มขึ้น เพราะการรับชมสตรีมมิงที่มีโฆษณาคั่น อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญมากนัก
เพราะหากเทียบกับบริการสตรีมมิงค่ายอื่นอย่าง HBO Max, Peacock หรือ Paramount Plus (ที่มีสมาชิกทั่วโลกมากกว่า 221 ล้านคน) ก็ทำให้เห็นว่าการสมัครสมาชิกแบบรับชมโฆษณานั้นคุ้มค่ากว่าในมุมของผู้ใช้งานหากแลกกับ ‘ค่าใช้จ่ายในราคาที่ถูกลง’
อีกมุมหนึ่งนั้น แผนรองรับโฆษณาจากดิสนีย์ก็ถือเป็นการแก้ปัญหาเล็ก ๆ จากกระแสที่ว่า รายชื่อภาพยนตร์และซีรีส์ของฝั่งเอเชียอย่าง Disney+ Hotstar ยังมีไม่มากพอ ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจส่งให้ดิสนีย์พลิกเกมและเปลี่ยนเป็นโอกาสที่จะได้รับ “จำนวนสมาชิกทั่วโลกที่เพิ่มอย่างรวดเร็ว” เข้ามาทดแทน
ต้องบอกว่า โฆษณาไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับดิสนีย์ ในฐานะที่เป็นเจ้าของ Hulu (บริษัทรายย่อยของดิสนีย์) ที่มีแผนการให้สมัครสมาชิกแบบมีโฆษณาคั่นระหว่างสตรีมด้วยราคาเพียง 6 ดอลลาร์ (จากปกติจะอยู่ที่ 12.99 ดอลลาร์) เรียกว่าราคาถูกลงกว่าครึ่งเลยทีเดียว
สำหรับคาดการณ์ของดิสนีย์ ในการเลือกก้าวข้ามขีดจำกัดที่ว่า ‘ต้องเป็นแค่สตรีมมิงที่ไม่มีโฆษณา’ นี้ พวกเขาตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้ Disney+ มีสมาชิกเพิ่มขึ้น 230 ล้านคน และอาจสูงสุดที่ 260 ล้านคนภายในปี 2024 นี้ โดยบริการดังกล่าวจะเปิด ‘ทดลองฝั่งอเมริกาเป็นที่แรก’ และหากประสบความสำเร็จก็จะเปิดแพ็กเกจราคาถูกในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกต่อไป (รวมถึงฝั่ง Disney+ Hotstar ด้วย)
สรุปทั้งหมด
ความยืดหยุ่นต่อการสมัครสมาชิกครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้ Disney+ เป็นค่ายสตรีมมิงที่กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เพราะด้วยฐานแฟนคลับที่มีมาอย่างยาวนาน รวมถึงคอนเทนต์ Exclusive ที่หลากหลายหารับชมที่อื่นไม่ได้ ทำให้ดิสนีย์ยังคงโดดเด่นในวงการ Media Entertainment และต่อเติมจินตนาการให้แฟน ๆ ของพวกเขา :-) ที่เหลือก็ต้องมาติดตามกันว่า ดิสนีย์จะมีแผนการอะไรเพื่อรองรับความนิยมให้แพลตฟอร์มของพวกเขายังคงเทียบเท่าสตรีมมิงค่ายอื่น ๆ ต่อไป
(หากสนใจศึกษากลยุทธ์การเติบโตจาก Disney+ Hotstar เพิ่มเติม สามารถอ่านต่อได้เลยที่ บทความนี้)