หลังจากที่ซุ่มเงียบมานาน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเว็บไซต์สื่อด้านเทคโนโลยีของต่างประเทศหลายเว็บไซต์ก็ได้นำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของ Windows 11 กับฟีเจอร์ตัวใหม่ ที่มีแพลนกำลังจะเตรียมเปิดให้ทดลองใช้งานในช่วงเดือนตุลาคมนี้
โดยฟีเจอร์ใหม่ที่ว่านั้นก็คือ “Focus Sessions” ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Microsoft คิดค้นขึ้นมาเพื่อต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มความ Productive ในการทำงานทั้งแบบที่ออฟฟิศและ Work From Home ให้แก่ผู้ใช้งานระบบ Windows 11 ทุกคน
สำหรับฟีเจอร์ “Focus Sessions” เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้เรามีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานมากขึ้น โดยอาศัยการตั้งภารกิจการทำงานของเราให้ทำสำเร็จในแต่ละวันแล้วจับเวลาจริง รวมทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับ Spotify ได้อัตโนมัติ ตอบโจทย์คนที่ต้องการเปิดเพลงคลอเพิ่มสมาธิระหว่างการทำงานไปด้วย
แต่รายละเอียดทั้งหมดของฟีเจอร์ Focus Sessions ฟีเจอร์แห่งความ Productivity ตัวใหม่ใน Windows 11 จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง The Growth Master สรุปทั้งหมดมาให้คุณแล้ว ไปติดตามต่อได้เลย
Focus Sessions คืออะไร ?
Focus Sessions คือฟีเจอร์ใหม่ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้งาน Windows 11 เป็นฟีเจอร์ที่จะทำให้ผู้ใช้งานมีสมาธิจดจ่อกับงานที่กำลังทำอยู่มากขึ้น โดย Focus Sessions นั้นทางทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ตั้งใจให้ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของโหมดนาฬิกา (Alarms and Clock) ของ Windows 11
ลักษณะการทำงานของฟีเจอร์ Focus Sessions นั้นจะเป็นเหมือนการที่คุณนั้นสร้างภารกิจของการทำงานขึ้นมาให้เราทำให้สำเร็จในแต่ละวัน เช่น ต้องมีสมาธิจดจ่อกับการทำงาน 30 นาที, ทำรายงานส่วนแรกให้เสร็จภายใน 20 นาทีแบบโฟกัส ใช้สมาธิ เมื่อคุณตั้งภารกิจและเวลาเสร็จแล้ว ระบบของ Focus Sessions จะเริ่มจับเวลาและตัดสิ่งรบกวนที่จะคอยมากวนใจคุณทั้งหมดออกโดยอัตโนมัติ เช่นการแจ้งเตือนหรือป๊อปอัพต่าง ๆ
โดยคุณสามารถ Setting Task พร้อมกำหนดเวลาที่ต้องการทำให้เสร็จได้ด้วย ในกรณีคุณต้องใช้เป็นประจำบันทึกไว้ในฟีเจอร์นี้ก็ได้ ซึ่งเหมาะมาก ๆ สำหรับเหล่ามนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายมีลักษณะการทำงานแบบ Routine ก็ไม่ต้องมานั่งตั้งภารกิจใหม่ ตั้งเวลาใหม่ทุกวัน
แต่สำหรับใครที่คิดว่า ถ้าเป็นแบบนี้ตัวเองทำงานไม่ได้แน่นอน เพราะเป็นคนที่ชอบทำงานไปด้วยแล้วเปิดเพลงคลอไปด้วยจะทำให้มีสมาธิการทำงานมากกว่า ปัญหานี้ทางทีมพัฒนาพวกเขาได้คิดทางออกมาแล้ว ด้วยการไปจับมือกับ Spotify แอปพลิเคชันสตรีมมิ่งเพลงชื่อดัง ในการ Integration ให้ Spotify สามารถใช้งานบนฟีเจอร์ Focus Sessions ได้เลย ไม่ต้องเปิดหลายแอป
โดยในฟีเจอร์ Focus Sessions จะมี Panel Shortcut ของ Spotify ขึ้นมาให้ทางด้านมุมขวา ซึ่งถ้าหากคุณต้องการมีเสียงเพลงประกอบการทำงานด้วยนั้นก็แค่เชื่อมต่อบัญชี Spotify เข้ากับฟีเจอร์นี้ ในกรณีที่คุณต้องการจะฟังเพลง Playlist ตัวเองหรือถ้าต้องการให้ Spotify เลือก Playlist มาให้ก็ได้เช่นกัน
ซึ่งเพลงที่คุณเลือกไว้ก็จะเปิดคลอไปในระหว่างที่คุณทำงานช่วงภารกิจที่คุณตั้งเวลาไว้ และทันทีที่หมดเวลาเสียงเพลงก็จะดับลง เป็นสัญญาณให้คุณทราบว่าหมดช่วง Focus Sessions แล้วสามารถไปพักได้ จากนั้นก็ค่อยมาทำงานต่อเมื่อถึงช่วงกำหนดเวลาถัดไป
Panos Panay หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ก็ได้ออกมาอธิบายถึงฟีเจอร์ใหม่ตัวนี้ไว้ผ่าน Twitter @panos_panay เอาไว้ว่านี่จะเป็นฟีเจอร์ที่เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับตัวเขาไม่น้อยเลย เพราะนอกจากจะช่วยให้ผู้ใช้มีความ Productivity ในการทำงานเพิ่มขึ้น มีสมาธิและความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นแล้วนั้น ตัวฟีเจอร์ยังสามารถ Integration เข้ากับ Spotify ได้ด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่ของทีมที่คิดค้นขึ้นจากเทคนิคการทำงานแบบ Pomodoro จริง ๆ
โดย Panos Panay ได้ทิ้งท้ายวิดีโอตัวอย่างการใช้งานของฟีเจอร์ Focus Sessions ความยาวประมาณ 17 วินาทีมาด้วย เพื่อให้เราทุกคนได้เห็นภาพตามเหมือนกัน โดยคุณสามารถดูตัวอย่างและหน้าตาการใช้งานของฟีเจอร์ Focus Sessions ได้ที่วิดีโอด้านล่างนี้เลย
'Pomodoro' เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานยุคปัจจุบัน ไอเดียสำคัญในการสร้างฟีเจอร์ Focus Sessions
Panos Panay และทีมพัฒนาของ Windows 11 นั้นได้แรงบันดาลใจในการคิดค้นไอเดียที่นำไปสู่การสร้างฟีเจอร์ Focus Sessions นี้มาจากเทคนิคการทำงานที่เรียกว่า "Pomodoro" หรือเทคนิคการหั่นเวลาทำงาน
โดย Pomodoro ในภาษาอิตาลีนั้นแปลว่ามะเขือเทศ เป็นเทคนิคการทำงานแบบบริหารจัดการเวลาที่พัฒนาขึ้นมาโดย Francesco Cirillo ในช่วงทศวรรษ 1980 ที่เปรียบเหมือนการซอยเวลาพักและเวลาทำงานออกเป็นช่วงย่อย ๆ หลายช่วง (เหมือนการหั่นมะเขือเทศ) ซึ่งจะมี 5 ขั้นตอนดังนี้
1. เริ่มแพลนงานที่คุณต้องการทำให้เสร็จหรือ Task ที่คุณต้องทำในวัน/ครึ่งวันนี้
2. ทำการตั้งนาฬิกาจับเวลาไว้ที่ 25 นาที
3. โฟกัสกับงาน 100% ทำงานจนกว่านาฬิกาที่จับเวลาไว้จะดัง
4. นั่งพัก 5 นาที (ทำกิจกรรมอะไรก็ได้ในช่วงพัก)
5. ทุก ๆ 4 รอบของการทำงาน ให้คุณเพิ่มเวลาพักนานขึ้น เป็นประมาณ 15-30 นาที
โดยเทคนิคการทำงานแบบ Pomodoro นั้นเริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเทคนิค Pomodoro นี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ มีสมาธิโฟกัสมากขึ้น ช่วยให้เราทำงานในแต่ละวันเสร็จได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ไม่ทำให้เครียดจากการทำงาน (ที่อาจเป็นบ่อเกิดของอาการ Monday Blues ได้) เพราะสมองจะมีเวลาพักอยู่ตลอด ส่งผลให้คุณภาพของงานที่เราทำในแต่ละวันดีขึ้น
ซึ่ง Panos Panay ก็เป็นอีกคนที่ได้เห็นถึงประสิทธิภาพของเทคนิคการทำงานแบบ Pomodoro ที่ว่านี้ จนนำไปสู่การออกแบบฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ให้มีลูกเล่นการใช้งานที่รองรับผู้ที่ใช้เทคนิค Pomodoro นี้ทำงานอยู่เป็นประจำ แล้วยังเพิ่มการ Integration กับ Spotify ตอบโจทย์ผู้ที่ใช้เพลงเป็นตัวช่วยในการโฟกัสการทำงานด้วย เรียกว่าเป็นฟีเจอร์ที่ออกแบบเพื่อคนทำงานยุคใหม่จริง ๆ
สรุปทั้งหมด
คาดการณ์ว่าฟีเจอร์ Focus Sessions จะถูกปล่อยออกมาพร้อมกับการเปิดตัวของ Windows 11 ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมนี้ หรืออาจจะตามมาในช่วงการอัปเดตเวอร์ชันครั้งถัดไปหลังจากการเปิดตัว ซึ่งเรื่องนี้แม้แต่ทาง Panos Panay ก็ยังให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ว่าฟีเจอร์นี้จะปล่อยให้ใช้บริการกันได้อย่างเต็มรูปแบบเมื่อไร
แต่ก็ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของ Microsoft ที่ต้องการประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ว่าระบบปฏิบัติการ Windows นั้นก็เหมาะและตอบโจทย์การทำงานในชีวิตประจำวันได้ไม่แพ้ระบบ MacOS ของฝั่ง Apple
คราวนี้ก็ต้องมาดูกันแล้วว่าฟีเจอร์ Focus Sessions ใน Windows 11 ลูกเล่นใหม่ของทาง Microsoft ตัวนี้จะเป็น Game Changer ของบริษัทได้จริงหรือไม่ และจะเปลี่ยนให้การทำงานของเรามีความ Productivity ได้จริงอย่างที่กล่าวไว้หรือเปล่า ไม่นานเกินรอมีคำตอบแน่นอน