เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกแล้วสำหรับ Google บริษัท Search Engine อันดับหนึ่งของโลก ที่ล่าสุดในงาน Search On พวกเขาได้ประกาศว่าจะมีการนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) มาใช้กับการค้นหาบนแพลตฟอร์ม ให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น
โดยฟังก์ชั่นหลักๆ ที่เพิ่มเข้ามาจะเน้นไปที่การเข้าใจบริบท (Context) ของผู้ค้นหามากขึ้น กล่าวคือต่อให้คุณจะพิมพ์ผิดเยอะแค่ไหน (หรือเยอะจนอ่านไม่เป็นภาษา) , ใช้ภาษาพูดแทนภาษาเขียนในการค้นหา Google ก็จะเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังค้นหาจริงๆ ได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งมองผ่านๆ อาจจะดูเป็นเหมือนแค่การอัปเดตธรรมดา แต่สำหรับนักการตลาดที่ต้องทำงานในสายคอนเทนต์ หรือสาย SEO นี่เปรียบเสมือนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อาจจะส่งผลต่อการทำงานของคุณในอนาคตได้เลยครับ
และในการอัปเดตของ Google Search ในครั้งนี้ก็ไม่ได้เพิ่มมาแค่นั้นนะครับ ยังมีอีกหลายลูกเล่นที่ Google ตั้งใจเพิ่มเข้ามาเพื่อการสร้างประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีให้กับ User รวมๆ แล้วก็มีถึง 5 อย่างด้วยกันครับที่ถูกเพิ่มเข้ามา
ซึ่งในฟังก์ชั่นใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาครั้งนี้จะมีอะไรบ้าง รายละเอียดเป็นอย่างไร และเบื้องหลังว่าทำไม Google ถึงตัดสินใจนำเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้กับระบบการค้นหามากขึ้น ไปติดตามต่อได้ในบทความครับ
เปิดเบื้องหลัง ! ทำไม Google ถึงนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับระบบการค้นหาบนแพลตฟอร์มมากขึ้น ?
สำหรับใครที่อยากทราบว่าทำไม Google ถึงนำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้กับระบบการค้นหาบนแพลตฟอร์ม สาเหตุนี้มาจากปัญหาที่พวกเขาสำรวจพบมาตลอดปี
จากการเปิดเผยของ Prabhakar Raghavan (Head of Google Search) บอกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา Keyword หรือคำค้นหา 15 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละวันเป็นสิ่งที่ Google ไม่เคยเจอมาก่อนเลย เช่น การพิมพ์ผิด เป็นเหตุผลให้ Google ต้องมีการพัฒนาระบบ Search อยู่ตลอดเวลา
และจากการเปิดเผยของ Cathy Edwards (VP Engineering of Google) กล่าวว่า 1 ใน 10 ของการค้นหาบน Google จะมีการสะกดผิดและเลือกใช้ฟีเจอร์ Did You Mean เพื่อให้ Google ค้นหาคำที่ถูกต้อง ทั้ง 2 เหตุผลจึงเป็นเบื้องหลังที่ทำให้ Google เริ่มมีการพัฒนาเอา AI เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำของการค้นหาจากผู้ใช้งานนั่นเอง
ภาพจาก quora
และสำหรับใครที่ได้ติดตามข่าวสารของ Google มาโดยตลอดจะพบว่า ในส่วนของ Google Search ได้มีการใช้ BERT Algorithm ที่เป็น Algorithm ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการเข้าใจภาษาหรือบริบทของผู้ใช้งานอยู่แล้ว
และเมื่อผนวกรวมกับการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานในการอัปเดตล่าสุดนี้ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการค้นหาของ Google ทำได้ดีขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งนั่นเองครับ
การอัปเดตทั้ง 5 ฟังก์ชั่นของ Google Search มีอะไรบ้าง แต่ละสิ่งมีรายละเอียดอย่างไร ?
จากการเปิดตัวการอัปเดตทั้ง 5 ฟังก์ชั่นของ Google Search ในงาน Search On Events ที่ผ่านมา ครอบคลุมการค้นหาที่หลากหลายบน Google ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ , วิดีโอ ไปจนถึงการหาเพลง โดยการอัปเดตทั้งหมดมีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้ครับ
1. ต่อให้สะกดผิด Google ก็เข้าใจสิ่งที่คุณสื่อ (Spelling AI)
การอัปเดตแรกของ Google Search ที่เป็นเหมือนตัวชูโรงในเรื่องนี้ก็คือการพัฒนาระบบ AI บน Google Search ให้เข้าใจคำผิดที่ User ค้นหาได้ดียิ่งขึ้น โดยระบบจะทำการแนะนำคำค้นหาที่ถูกต้องให้คุณได้อย่างแม่นยำตามบริบท โดยใช้เวลาประมวลผลเร็วที่สุด (จะแสดงผลไม่เกิน 3 Milliseconds)
ภาพจาก Google
ซึ่งการอัปเดตในส่วนของ Spelling AI จะใช้ได้ทั้งการค้นหาแบบปกติและการค้นหาด้วยเสียง (Voice Search) เรียกว่าเป็นระบบ AI ที่เข้ามายกระดับให้ Google มีความอัจฉริยะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเลยครับ
2. พัฒนาให้เข้าใจเนื้อหาได้ดีมากยิ่งขึ้น (Passage AI)
หลายครั้งที่คุณต้องการใช้ Google ค้นหาในเรื่องที่มีความเฉพาะเจาะจง (Specific) มากๆ เช่น วิธีออกจาก Family Mix บน Spotify , วิธีเปิดระบบ Noise Cancellation บน Google Meet ฯลฯ
จากแต่ก่อนเมื่อคุณค้นหาคำเหล่านั้นไปแล้ว ระบบ Google Search อาจจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ และหาเว็บไซต์ที่มี Keyword ตรงกับคำที่คุณค้นหามากที่สุดหรือหาเว็บไซต์ที่ได้คะแนน SEO สูงใน Keyword นั้นๆ มาให้แทน (ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีคำตอบให้คุณ)
แต่หลังจากการอัปเดตครั้งนี้ Google จะพัฒนาให้ระบบค้นหา เข้าใจเนื้อหาทั้งหมดได้ดีมากขึ้น โดย AI ของ Google จะทำความเข้าใจเนื้อหาในย่อหน้าที่ตรงกับคำที่คุณค้นหามาให้เลย ซึ่งทำให้คุณเจอเว็บไซต์ที่ต้องการได้เร็วมากขึ้น
ภาพจาก Google
ซึ่งการอัปเดตในข้อนี้ก็จะส่งผลต่อนักการตลาดสาย Content และ SEO (ยิ่งถ้าต้องเขียนบทความแนว How To) คุณอาจจะต้องมีการปรับการเขียน Heading ให้ตรงกับบริบทการค้นหามากขึ้น
3. แนะนำเรื่องใกล้เคียงสิ่งที่คุณค้นหา (Subtopic AI)
สำหรับข้อนี้ Google ได้อธิบายไว้ว่าพวกเขาต้องการที่จะพัฒนาฟังก์ชั่นนี้ให้มีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น กล่าวคือ เวลาที่คุณต้องการค้นหาเรื่องอะไร เช่น ออกกำลังกายที่บ้าน (Home Workout) จากแต่ก่อนระบบก็จะขึ้นมาเฉพาะ เว็บไซต์ที่รวมวิธีออกกำลังกายที่บ้านมาให้มากมาย ถูกต้องไหมครับ
แต่ปัจจุบัน Google ได้ทำการพัฒนา AI ตัวนี้ให้ล้ำขึ้นไปอีกขั้นด้วยการโชว์สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหา จากตัวอย่างค้นหาว่า ออกกำลังกายที่บ้าน (Home Workout) นอกจากเว็บไซต์ที่ตรงกับคำค้นหาแล้ว ระบบก็จะแสดงผลใน “เรื่องที่เกี่ยวข้อง” มาให้ด้วย เช่น เว็บไซต์อุปกรณ์ออกกำลังกาย , เว็บไซต์คอร์สออกกำลังกายออนไลน์ หรือเว็บไซต์อื่นๆ ที่อยู่ในเรื่องที่ใกล้เคียงกัน
จากตัวอย่างการค้นหาคำว่า Home Workout ในการพัฒนา Subtopic AI ใหม่ระบบจะแสดงเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น อุปกรณ์ออกกำลังกาย , อุปกรณ์ออกกำลังกายสำหรับพื้นที่แคบเป็นต้น
โดยจากการอัปเดตครั้งนี้ เป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้หลายธุรกิจต้องหันกลับมาสนใจการทำ Content ลงบนเว็บไซต์อีกครั้ง โดยเฉพาะเว็บไซต์สำหรับการขายสินค้า/บริการ เพราะอาจเป็นโอกาสที่ทำให้คุณได้พบกับลูกค้าอีกมากมายบนช่องทางออนไลน์
4. เพิ่มฟังก์ชั่นการค้นหาแบบ Key Moments สำหรับวิดีโอ
นอกจากนั้น Google ยังไม่ละทิ้งบริษัทในเครือเดียวกันอย่าง Youtube เพราะล่าสุดพวกเขาได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นการค้นหาแบบ Key Moments สำหรับวิดีโอเข้ามาในการอัปเดตครั้งนี้ด้วยซะเลย
รายละเอียดของฟังก์ชั่นนี้ก็คือเมื่อคุณค้นหา Video Content (Youtube) ผ่าน Google ระบบของการค้นหาจะแสดงผล Key Moments ขึ้นมาเพื่อให้คุณสามารถเลือกชมใน Topic ที่คุณสนใจได้ โดย Key Moment ก็จะลักษณะเป็นเหมือน Timestamps ให้ผู้ค้นหาเลือกชมเฉพาะเรื่องที่สนใจ และระบบก็จะส่งคุณไปที่วิดีโอนั้น พร้อม Play Content ในเวลาที่คุณเลือกจากหน้า Google พอดีเป๊ะๆ
ภาพจาก Google
เรียกได้ว่าสำหรับ Youtube Creator หรือใครที่ต้องทำงานด้าน Youtube ก็อย่าลืมไปสร้าง Timestamps ลงในคอนเทนต์ของคุณด้วยนะครับ เพื่อโอกาสในการเพิ่ม Traffic สู่คอนเทนต์ของคุณผ่าน Google Search นั่นเอง
5. เพลงอะไรก็รู้หมด! (Hum To Search AI)
ปิดท้ายด้วยการอัปเดตเอาใจคนรักเสียงเพลงอย่างฟีเจอร์ Hum To Search ฟีเจอร์ใหม่ของ Google Search ที่ได้ปล่อยให้ลองใช้มาได้สักสัปดาห์แล้ว โดยฟีเจอร์นี้หลักการง่ายๆ ครับเพียงแค่คุณฮัม (หรือร้อง) เพลงที่ต้องการให้ Google ฟัง ระบบก็จะแสดงชื่อเพลงนั้นมาให้คุณได้เลย พร้อมเพลงอื่นที่คาดว่าจะเป็นเพลงที่คุณตามหาพ่วงให้อีกด้วย
ภาพจาก Macrumors
ซึ่งฟีเจอร์นี้ผมได้ลองทดสอบมาแล้ว บอกได้ว่า Google แสดงผลได้แม่นยำมากครับ ไม่ว่าจะร้องหรือแค่ฮัมทำนอง Google ก็แสดงผลได้อย่างถูกต้อง (ขนาดฮัมแบบเพี้ยนๆ) ต้องยอมในระบบ Voice Search AI ของ Google จริงๆ ครับ (แต่ถ้าเป็นเพลงไทยอาจมีผิดบ้างนะครับ)
สรุปทั้งหมด
การอัปเดตระบบการค้นหาทั้ง 5 อย่างของ Google ในครั้งนี้แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อการทำ SEO ของนักการตลาดทุกท่านแน่นอนครับ และเป็นเหมือนการบ่งบอกว่า Context (บริบท) ของการทำคอนเทนต์ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
นอกจากนี้รายละเอียดเล็กๆ อย่างเรื่องการใส่ใจกับ Voice Search (เปลี่ยนมาใช้ภาษาพูดในบทความมากขึ้น) ก็ถือว่ากำลังจะเป็นเทรนด์ใหม่ที่น่าจับตาของการทำงาน SEO ในอนาคตแน่นอนครับ