เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Google ก็ได้ทำการพัฒนาระบบการค้นหาให้ล้ำขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการเริ่มแสดงผลวิดีโอ จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ที่นอกเหนือจาก Youtube เพิ่มมากขึ้นอย่าง Instagram และ TikTok ท่ามกลางความแปลกใจไม่น้อยถึงการพัฒนาฟีเจอร์นี้ของ Google Search
สาเหตุก็เพราะในช่วงปีที่แล้ว เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าเวลาการค้นหาเรื่องต่าง ๆ บน Google จะทำการแสดงผลการค้นหาของคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอเพิ่มมากขึ้น แต่วิดีโอคอนเทนต์ส่วนใหญ่ก็จะมาจากแพลตฟอร์มในเครือเดียวกันอย่าง Youtube ซะมากกว่า
โดยกระบวนการของการพัฒนาฟีเจอร์ในครั้งนี้ Google ก็ได้มีการเพิ่มหัวข้อการค้นหาในรูปแบบ Short Video Carousel เข้ามาด้วยเพื่อรองรับการจัดหมวดหมู่การค้นหาคอนเทนต์ในลักษณะดังกล่าว เพื่อเป็นเหมือนทางเลือกในการค้นหาของผู้ใช้งาน ในกรณีที่ต้องการคอนเทนต์ที่ไม่ใช่เว็บไซต์
แต่รายละเอียดทั้งหมดของการพัฒนาระบบการค้นหาให้ครอบคลุมมากขึ้นของ Google ในครั้งนี้จะมีอะไรบ้าง และเป้าหมายที่แท้จริงที่ Google ต้องการคืออะไร ไปติดตามกันต่อได้ที่บทความนี้เลยครับ
SERP เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่! เมื่อ Google Search เริ่มแสดงผลวิดีโอคอนเทนต์จาก Instagram และ TikTok มากขึ้น
ประเด็นการพัฒนาระบบการค้นหาของ Google ในครั้งนี้ถูกเปิดเผยขึ้นจากเว็บไซต์ Search Engine RoundTable โดยคุณ Brian Freiesleben ว่าในปีนี้ Google กำลังเร่งพัฒนาและทดสอบฟีเจอร์การค้นหาที่จะแสดงไฮไลท์คลิปจาก Instagram และ TikTok ในรูปแบบ Short Video Carousel (ตามตัวอย่างด้านล่าง)
โดยในการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ในครั้งนี้ ก็เพื่อเพิ่มความหลากหลายและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานการค้นหาบน Google ให้แก่ผู้ใช้งานทุกคน เพราะแน่นอนว่าในการค้นหาแต่ละครั้งของผู้ใช้งาน พวกเขาย่อมคาดหวังถึงรูปแบบคอนเทนต์ที่หลากหลาย (นอกเหนือจากเว็บไซต์และสื่อวิดีโอคอนเทนต์ทั่วไป)
ประกอบกับช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Google เริ่มให้ความสำคัญกับวิดีโอคอนเทนต์เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่มีการแสดงผลในอันดับต้น ๆ ของหน้าการค้นหา รวมถึงการทำ Key Moments Time Stamp บนหน้า SERP สำหรับคอนเทนต์บน Youtube (อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ที่ บทความนี้) เมื่อถูกค้นหาทาง Google
ซึ่งการแสดงผลในหน้า SERP ของ Short Video ตอนนี้มีรายชื่อของแพลตฟอร์มที่ทาง Google อนุญาตให้เข้ามาแสดงผลในหน้า SERP ได้ก็มีหลุดออกมาแล้ว นำมาโดยพรรคพวกอย่าง Youtube , Instagram , TikTok และมีน้องใหม่อย่าง Tangi (แฟลตฟอร์มวิดีโอสั้นสำหรับการทำ DIY สิ่งของ) ติดเข้ามาด้วย
สำหรับการใช้งาน Google ก็ยังคงคอนเซปต์ออกแบบเป็นประสบการณ์การใช้งานให้ “ง่าย” ที่สุดเหมือนเดิม นั่นก็คือหากคุณค้นหาคีย์เวิร์ดไหน ที่กำลังเป็น Trending อยู่ ณ ตอนนั้น หรือเป็นคีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องกับ Account Instagram หรือ TikTok ของใคร หน้าการค้นหาก็จะขึ้นเป็นวิดีโอคอนเทนต์ของ Account นั้นให้คุณดูเป็น Highlights บนหน้า SERP ได้เลย (แต่เมื่อกดเข้าไปจะเป็นการเข้าผ่าน Web Browser ไม่ได้เชื่อมไปที่แอปพลิเคชัน)
นอกจากนั้น Google ยังให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่นี้อีกว่า ณ ตอนนี้ฟีเจอร์นี้มีให้ใช้งานแล้วบนเบราว์เซอร์ของแอปพลิเคชัน Google ทั้งบน Android และ iOS แต่ยังเป็นเพียงตัวทดลอง ที่อนุญาตให้ใช้ได้ในบางประเทศเท่านั้น ยังไม่ใช่ตัวเต็มแต่อย่างใด และได้ออกมาเคลมกันไว้ก่อนเลยด้วยว่าอาจไม่ได้แสดงผลกับทุกคำค้นหาในตอนนี้ครับ
ทำไม Google ถึงยอมให้คอนเทนต์จากแพลตฟอร์มอื่น มาแสดงผลบนหน้าการค้นหาแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้ ?
ถึงแม้ว่าในตอนแรกหลังจากที่เราได้ยินข่าวมี เชื่อว่าทุกคนน่าจะต้องมีแปลกใจกันบ้างว่าทำไม Google ถึงเริ่มเอาคอนเทนต์วิดีโอจากแพลตฟอร์มอื่น มาแสดงผลในลักษณะที่จะเรียกว่าโจ่งแจ้งเลยก็คงไม่ผิดอะไร (หน้าแรกพร้อมรูป Thumbnail)
สาเหตุก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ นั่นก็คือ Google ต้องการดึงผู้ใช้งานให้อยู่บนแพลตฟอร์มของตนให้ได้นานที่สุด เพราะการแสดง Short Video Content ของทั้ง Instagram และ TikTok นั้นอย่าลืมนะครับว่า เมื่อกดเข้าไป ต่อให้จะมีแอปพลิเคชันเหล่านั้นอยู่ในเครื่องก็ตาม Google ก็ไม่ได้พาคุณไปที่แอปพลิเคชันนั้นนะครับ
แต่ Google จะพาคุณเข้าไปในลักษณะของ Web Browser แทนซึ่งก็ถือว่าเป็นการเข้าหน้าเว็บไซต์ปกติ ซึ่งก็หมายความว่าคุณก็จะอยู่บน Google เหมือนเดิม อยากจะกลับมาที่หน้าการค้นหา ก็แค่กด Back ได้เลย Google ก็ถือว่าไม่ได้เสียผู้ใช้งานไปที่ไหนด้วย
และนอกจากนั้นทาง Engadget ได้ออกมาวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า การพัฒนาฟีเจอร์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งแผนสำหรับการสร้างการเติบโตของ Google ด้วยเพราะจากแต่เดิม Google จะเลือกแสดงผลเฉพาะพวกตัวเองอย่าง Youtube ซะมากกว่า การที่เพิ่มทางเลือก Social Media มาเป็นหนึ่งในการแสดงผลแบบนี้เป็นกลยุทธ์ที่ต้องการให้ผู้ใช้งานติดภาพจำว่า Google คือแหล่งรวมหรือคลังคอนเทนต์ Short Video อย่างแท้จริง
กล่าวคือถ้าผู้ใช้งานอยากจะหาคอนเทนต์แนวไหน ก็ไม่ต้องข้าไปที่ Instagram ไม่ต้องไปตามหาใน Tiktok พวกเขาสามารถเข้ามา Google ที่เป็นแพลตฟอร์มที่รวมทั้ง 2 แอปพลิเคชันนั้นได้เลย
และด้วยการเข้าสู้ Web Browsers โดยไม่ผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้ผู้ใช้งานอยู่ใน Google ได้มากกว่า แทนที่ผู้ใช้งานจะไปอยู่บนพื้นที่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ นั่นเอง (ประโยชน์หลายต่อมากๆ)
สรุปทั้งหมด
สุดท้ายเราจะเห็นได้ชัดเลยครับว่า การเปลี่ยนแปลงที่ดูเหมือน Google เอื้อผลประโยชน์ให้แอปพลิเคชัน Short Video Content อย่าง Instagram , TikTok นั้นความเป็นจริงแล้ว Google แทบจะไม่ได้เอื้อผลประโยชน์อะไรให้กับแอปพลิเคชันเหล่านั้นเลย เพราะก็ต้องเข้าผ่าน Browsers ไม่ได้ไปที่แอปพลิเคชัน
แต่กลับกันสิ่งที่ Google ได้มานั่นก็คือ LifeTime ของผู้ใช้งานที่มากขึ้นและการทำให้ตัวเองเริ่มเป็นแพลตฟอร์มเบอร์ 1 สำหรับการค้นหาคอนเทนต์ในรูปแบบ Short Video ที่กำลังเป็นเทรนด์ของปี 2021 นี้อย่างแท้จริง