เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว Gartner บริษัทผู้นำด้านการวิจัยและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมของโลกได้ทำการสำรวจส่วนแบ่งตลาดของผลิตภัณฑ์ประเภท IaaS (Infrastructure-as-a-Service) ของโลกในปี 2020 ที่ผ่านมา
ซึ่งจากผลการสำรวจในครั้งนี้เองพบว่า ส่วนแบ่งของตลาดคลาวด์ IaaS อันดับ 1 ยังคงเป็นเจ้าเก่าจากปีที่แล้วอย่าง AWS หรือ Amazon Web Service ที่ยึดส่วนแบ่งของตลาด IaaS ไปมากกว่า 40.8% ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง Microsoft ไปอย่างขาดลอย ในขณะที่ Huawei Cloud น้องใหม่ก็สร้างเซอร์ไพรซ์ได้ส่วนแบ่งตลาดไปไม่น้อย
ในบทความนี้ The Growth Master ได้ทำการสรุปส่วนแบ่งตลาดคลาวด์ IaaS ในปี 2020 ทั้งส่วนแบ่งตลาดของทั้งโลกและส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศไทย มาให้ทุกคนได้ติดตามกัน พร้อมศึกษาประเด็นที่น่าสนใจของตลาดคลาวด์ IaaS ในปีนี้ ไปติดตามกันต่อได้เลย
แต่ก่อนอื่นสำหรับใครที่ยังไม่ทราบความหมายของ IaaS หรือตลาดคลาวด์ IaaS ว่าแท้จริงแล้วคืออะไร เราสรุปมาให้คุณแล้ว
IaaS คืออะไร ?
IaaS ย่อมาจาก Infrastructure-as-a-Service คือหนึ่งในประเภทของบริการในรูปแบบคลาวด์คอมพิวเตอร์ ที่มุ่งเน้นไปที่การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที หรือ Infrastructure ,ระบบการจัดเก็บข้อมูลขององค์กร (Storage), ระบบเครือข่าย (Network) และพื้นที่เซิร์ฟเวอร์ (Hosting) เพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับ Software และ Application ต่าง ๆ เป็นการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นและสามารถควบคุมทรัพยากรด้านไอทีได้สูงสุด
เหมาะสำหรับองค์กรที่มีลักษณะการทำงานที่ไม่ต้องการลงทุนทางด้านฮาร์ดแวร์ ประหยัดค่าใช้จ่ายและในการซื้อและจัดการ Server ของธุรกิจเราเอง ช่วยลดขั้นตอนความซับซ้อนในการทำงานของธุรกิจไปได้ โดยในปัจจุบันมีผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์แบบ IaaS หลัก ๆ ได้แก่ Microsoft Azure, Amazon Web Services, Google Cloud เป็นต้น
ด้วยความสะดวกสบายและประหยัดค่าใช้จ่ายนี้เอง ทำให้ในปัจจุบันธุรกิจส่วนใหญ่ก็มักจะมีการสร้าง Website หรือ Application ผ่านระบบ Cloud Computer แบบ IaaS กันมากขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้วนอกจาก IaaS (Infrastructure-as-a-Service) ยังมีอีก 2 รูปแบบนั่นก็คือ
- Platform-as-a-Service (PaaS) คือ การให้บริการด้าน Platform ที่จะช่วยทำให้การสร้าง Software หรือ Application ต่าง ๆ สะดวกขึ้น เช่น Oracle, Linux
- Software-as-a-Service (SaaS) คือการให้บริการด้าน Software และ Application ผ่านทางระบบออนไลน์ ที่คิดค่าบริการตามลักษณะการใช้งานจริง จะอยู่ในจำพวกของซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เช่น Google Workspace, Microsoft 365, ClickUp เป็นต้น
Amazon Web Service (AWS) ยึดอันดับ 1 ส่วนแบ่งตลาดคลาวด์ IaaS ในปี 2020 ชนิดทิ้งขาด
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าในตลาดของผลิตภัณฑ์แบบคลาวด์ ปัจจุบันก็ถือว่าเป็นอีกตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงจากเหล่ายักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีเจ้าต่าง ๆ ที่มองเห็นโอกาสและการเติบโตของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้
ซึ่งจากการสำรวจส่วนแบ่งทางตลาด (Market Share) ของตลาดคลาวด์ IaaS ที่ทาง Gartner ได้ทำการสำรวจจากทั่วโลก พบว่าเจ้าตลาดอันดับ 1 ที่ครองส่วนแบ่งของ IaaS ไปได้มากที่สุดก็คือ AWS หรือ Amazon Web Service ด้วยอัตราส่วนแบ่ง 40.8% โกยรายได้ทั้งปี 2020 ไป 26,201 ล้านดอลลาร์ ถือว่าเพิ่มขึ้นจากปี 2019 กว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ (ปี 2019 AWS ทำรายได้ราว 20,365 ล้านดอลลาร์) และมี Growth Rate หรืออัตราการเติบโตอยู่ที่ 28.7% ต่อปี
ถือเป็นการนำห่างชนิดทิ้งจากอันดับ 2 อย่าง Microsoft Azure ขาดลอยที่ 19.7% (ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เหมือนกัน) และรายได้ก็ทิ้งขาดเช่นกันโดยในปี 2020 ทั้งปี Microsoft Azure ทำรายได้อยู่ที่ 12,658 ล้านดอลลาร์ เรียกว่าถ้าวัดเรื่องของรายได้ AWS นำห่างถึงเท่าตัว
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- รู้จัก Amazon Web Services บริการด้านเทคโนโลยีของ Amazon ธุรกิจ E-Commerce ระดับโลก
- 3 วิธีเลือก Tech Stack ยังไงให้เหมาะกับองค์กรของคุณมากที่สุด
ถึงอย่างไรก็ตามตัวเลขในรายงานนั้นก็ทำให้เราประหลาดใจ เพราะแม้รายได้ของ AWS จะเพิ่มขึ้นจากปี 2019 แต่ส่วนแบ่งตลาดของ AWS กลับลดลงจากปี 2019 ทำได้ที่ 44.6% (ปี 2020 เหลือ 40.8%) ซึ่ง Gartner คาดการณ์ว่าน่าจะมาจาก “คู่แข่ง” เจ้าอื่น ๆ ที่กำลังสร้างการเติบโตอยู่เช่น อันดับ 3 อย่าง Alibaba Cloud จากประเทศจีนที่ได้ส่วนแบ่งตลาดในปี 2020 ไปที่ 9.5% ที่ตอนนี้กำลังเดินหน้าเน้นกลุ่มเป้าหมายเว็บไซต์ E-Commerce ที่ต้องการทำระบบไลฟ์สตรีมสำหรับการขายสินค้าออนไลน์ ที่สามารถแสดงข้อความระหว่างไลฟ์สด รวมถึงมีฟีเจอร์เครื่องมือสำหรับทำการซื้อขายมากมาย ที่เรียกว่าเหมาะสำหรับการทำธุรกิจในทวีปเอเชียอย่างแท้จริง (ในไทยก็ใช้งานได้นะ)
รวมถึงการที่ Alibaba Cloud ได้รับเงินลงทุนในการสร้างธุรกิจระบบคลาวด์ จากบริษัทแม่อย่าง Alibaba มาเกือบล้านล้านบาท หลังจากที่ปีที่แล้ว Alibaba กลายเป็นองค์กรที่ได้รับผลประโยชน์จากช่วงโควิดมหาศาล (ชาวจีนส่วนใหญ่เจอ Lockdown ทำให้ต้องหันมาสั่งสินค้าออนไลน์มากขึ้น) ซึ่งไม่แน่ว่าในปีหน้าตัวเลขส่วนแบ่งตลาดคลาวด์ IaaS Alibaba Cloud อาจสร้างตัวเลขการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้นก็เป็นได้
และผู้ให้บริการคลาวด์เจ้าอื่น ๆ ก็จะได้รับส่วนแบ่งลดลงมาตามลำดับอย่าง อันดับ 4 ก็เป็นของ Google Cloud ที่ได้ส่วนแบ่งไปทั้งหมด 6.1% ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากภาครัฐและอุตสาหกรรมค้าปลีก สุขภาพ และอันดับที่ 5 ถือว่าเซอไพรซ์ไม่น้อย เพราะมีน้องใหม่มาแรงอย่าง Huawei Cloud จากจีนที่ได้ส่วนแบ่งตลาดไป 4.2% รายได้ 2,672 ล้านดอลลาร์ แถมสร้างอัตราการเติบโตได้เยอะที่สุดกว่า 202.8% สาเหตุที่ Huawei Cloud สร้างการเติบโตได้มากขนาดนี้ เพราะทาง Huawei กำลังเริ่มตีตลาดคลาวด์ IaaS บนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาใต้มากขึ้นในช่วงปีหลังนั่นเอง
แถมถ้าสังเกตดี ๆ จาก 2 ใน 5 อันดับแรกเป็นผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนทั้งคู่อย่าง Alibaba และ Huawei โดยถ้าเราเจาะข้อมูลลงไปเฉพาะในประเทศจีนอย่างเดียว จะพบเลยครับว่าก็เป็น 2 เจ้านี้แหละที่ครองตลาดคลาวด์ของประเทศจีนอยู่ในปัจจุบัน โดยมีอีกหนึ่งเจ้าที่กำลังเดินหน้าอยู่ในตลาดประเทศไทยตอนนี้อย่าง Tencent Cloud มาร่วมแบ่งชิ้นเค้กด้วย ส่งให้ AWS อันดับ 1 ของโลกตกไปอยู่อันดับ 4 ในประเทศจีนไปโดยปริยาย
มาดูกันที่ตลาดคลาวด์ในประเทศไทยกันบ้างครับ สำหรับส่วนแบ่งตลาดคลาวด์ IaaS ของประเทศไทยนั้นจริงอยู่ที่ Alibaba Cloud และ Tencent Cloud เปิดให้บริการในไทยแล้ว แต่น่าเสียดายที่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ทำให้อันดับ 1 ในไทยยังเป็นของ AWS ด้วยส่วนแบ่ง 32.16% ไล่ตามมาด้วย Microsoft Azure ที่ 30.27% ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ Huawei Cloud ที่ 28.38% ก็เรียกได้ว่า 2 อันดับแรกไม่มีการผลิกโผเท่าไร
สรุปทั้งหมด
จากตัวเลขส่วนแบ่งของตลาดคลาวด์ IaaS ทั้งหมดในปี 2020 ที่ผ่านมา คงต้องยอมรับว่า AWS ยังคงครองอันดับ 1 ได้อย่างเหนียวแน่นที่ส่วนหนึ่งมาจากประสิทธิภาพในการใช้งาน ที่ AWS ขึ้นชื่อว่ามีระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุดและแบรนด์ดังหลายแบรนด์ เช่นธุรกิจสตรีมมิ่งที่ AWS ออกมาเปิดเผยว่าทั้ง Netflix และ Disney+ ต่างก็ใช้งาน AWS เป็นเบื้องหลังแพลตฟอร์มกันทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามก็ต้องจับตาการเติบโตของ 2 ม้ามืดจากจีนอย่าง Alibaba Cloud และ Huawei Cloud ที่กำลังสร้างการเติบโตอย่างหนักในตลาดเอเชียและอเมริกาใต้ ก็ต้องมาตามดูกันว่าในปี 2021 นี้ทั้งคู่จะเริ่มยึดส่วนแบ่งตลาดที่มากขึ้นได้ไหม
แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ทำให้ในมุมผู้ติดตามอย่างเราได้เห็นถึงอิทธิพลและความสำคัญของคลาวด์คอมพิวเตอร์มากขึ้น ว่าเทคโนโลยีตัวนี้แหละ ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโลกธุรกิจในอนาคตได้อย่างแน่นอน