จะได้เห็นโฉมหน้าของ iOS 16 กันแล้ว สำหรับใครที่กำลังรออัปเดต เพราะหลังจาก Apple กำหนดวัน คาดการณ์เปิดให้ทดสอบภายใน 7 มิถุนายนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ไปจนถึงปลายปี และจะมีการปล่อยเวอร์ชันเต็ม ตามมาให้ใช้กันอย่างแน่นอน
ล่าสุดนักข่าวจาก Bloomberg ได้เผยข้อมูลจาก iOS 16 รุ่นใหม่ โดยเผยว่า อาจมีการปรับปรุงครั้งใหญ่จาก Apple (ที่เตรียมมาในงานเปิดตัว WWDC ‘Call to Code’ ครั้งนี้) โดยเน้นประสิทธิภาพในด้าน ‘แจ้งเตือน’ รวมถึงฟีเจอร์ติดตามตรวจจับสุขภาพใหม่ ๆ ที่จะออกมาให้ใช้กันหลายรูปแบบมากขึ้น
โดยครั้งนี้รายละเอียดจะเป็นอย่างไร สาวก Apple ที่คาดหวังฟีเจอร์ใหม่ ๆ จะต้องไม่พลาด The Growth Master สรุปมาให้คุณแล้วในบทความนี้
เทรนด์สุขภาพต้องมา iOS 16 ลุยปรับ ‘ระบบแจ้งเตือน’
ขณะที่ข่าวการอัปเดต iOS 16 ใหม่ล่าสุดกำลังมา แฟน ๆ ทั่วโลกต่างก็ลุ้นว่า ระบบปฏิบัติการที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ครั้งนี้ จะรองรับ iPhone รุ่นไหนบ้าง? รวมถึงจะมี MacBook Air, MacBook Pro รุ่นใหม่ออกมาด้วยไหม เราก็ต้องมาลุ้นพร้อม ๆ กัน
ซึ่งล่าสุดแหล่งข่าว (ที่เชื่อถือได้) ก็ปล่อยข้อมูลออกมาสร้างสีสันว่า Apple เตรียมปรับปรุงฟังก์ชัน ‘การแจ้งเตือน’ ที่จะทำให้ iOS 16 และ WatchOS 9 เข้าถึง มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้ใช้งานมากขึ้น ผ่านด้านสำคัญ ๆ อย่าง ฟีเจอร์สุขภาพ(Health-Tracking Features)
โดยหากมองจากอัปเดตของ Monterey ที่ผ่านมา ก็เป็นไปได้ว่า Apple จะพัฒนาระบบแจ้งเตือนกิจกรรมใหม่ ๆ ที่เคยออกมาแล้วอย่าง Universal Control ที่สามารถส่งไฟล์ข้ามกันไปมาระหว่างอุปกรณ์ หรือ SharePlay ที่สามารถแชร์ข้อมูลสถิติกับเพื่อนหรือครอบครัวขณะโทร FaceTime ได้
และหากถามถึงข่าวในด้าน ‘อินเตอร์เฟซ’ จาก iOS 16 ก็ต้องบอกว่าทาง Apple เองยังไม่รับรองว่าจะมีหน้าตาที่เปลี่ยนไป (เรียกว่ายังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง UI การใช้งานอะไรมากนักตั้งแต่ iOS 7) แต่อาจจะมีลูกเล่นของระบบ Multi-Tasking บน iPadOS 16 ออกมาทดแทนให้หายคิดถึงกัน
เตรียมไว้ได้เลย เพราะ iOS 16 จะเปิดตัวภายในงาน WWDC พร้อมระบบปฏิบัติการอื่น ๆ อย่าง iPadOS 16, macOS 13, watchOS 9 รวมถึง tvOS 16 ภายในเว็บไซต์วันที่ 6-10 มิถุนายนนี้
(ติดตามข่าวดีสำหรับผู้ใช้งาน iPhone X รุ่นล่าสุดได้ที่ บทความนี้)
สรุปทั้งหมด
อัปเตต iOS 16 ครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าทาง Apple มุ่งเน้นปรับฟีเจอร์ด้านการแจ้งเตือนมากขึ้น เรียกว่าเข้าถึงผู้ใช้งาน ในด้านสำคัญ ๆ อย่าง Health-Tracking โดยเฉพาะ คาดว่าเป็นการตอกย้ำ #เทรนด์สุขภาพ ที่ใคร ๆ ในยุคนี้ก็ต้องหันมาใส่ใจ ซึ่งแน่นอนว่า Apple เองก็เดินหน้าที่จะเปลี่ยนอุปกรณ์ของพวกเขาให้กลายเป็นสิ่งจำเป็น (ผู้ดูแลส่วนตัว) ให้มากขึ้น และคุ้มค่าในอนาคตที่จะตามมาอย่างแน่นอน :-)