เรียกว่าพัฒนาไปพร้อม Gadget ใหม่ ๆ เลยทีเดียวสำหรับ Slack (เครื่องมือสื่อสารทางธุรกิจ) ที่อัปเดตฟังก์ชัน พร้อมปรับรูปลักษณ์ให้ใช้ง่ายสบายตา อีกทั้งยังสนับสนุนให้ทำงานร่วมกับ New iPad Air รุ่นล่าสุดจาก Apple ได้โปรขึ้น เรียกว่าใครที่ใช้งานแอปพลิเคชัน Slack อยู่ หรือยังไม่เคยใช้ ก็ต้องเก็บ Slack ไว้เป็นตัวเลือกแน่นอน
ไฮไลท์การเปิดตัวครั้งนี้เป็น 'หน้าต่างการใช้งานที่ออกแบบใหม่' ด้วยดีไซน์ผสานระหว่างรูปแบบ Mobile และ Desktop เข้าด้วยกัน (หากใครที่คุ้นเคยกับเวอร์ชัน Desktop อยู่แล้วก็จะยิ่งง่ายขึ้น) โดยเพิ่ม Layout แบบสองคอลัมน์ ทำให้เข้าถึงแถบด้านข้างที่เป็นช่องทางลัดต่าง ๆ ได้เร็ว อีกทั้งข้อความแชท ก็จะถูกแยกออกมาให้เห็นง่าย ๆ ผ่านหน้าต่างด้านขวาอีกด้วย (เรียกว่าสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด)
หากถามถึงประสิทธิภาพก็ต้องบอกว่า มั่นใจได้ เพราะ Slack การันตีด้วยผู้ใช้งานที่มากถึง 10 ล้านคนต่อวัน (รองรับการใช้งาน 8 ภาษา) เรียกว่าเป็นเครื่องมือครอบคลุม ช่วยให้ทุก ๆ แผนกในองค์กรสามารถทำงานได้แบบ Multitask เพราะ Slack รวบรวมความสามารถจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ ไว้มากถึง 2,400 แอปเลยทีเดียว
Slack เชื่อว่า Workflow เกิดขึ้นได้ทุกที่ หากทีมมีเครื่องมือที่สะดวกและเชื่อถือได้ นั่นเป็นเหตุผลที่การอัปเดตครั้งนี้ มุ่งเน้นตอบโจทย์ผู้ใช้งานบนอุปกรณ์พกพาอย่าง iPad ให้โปรขึ้นอีกขั้นนั่นเอง
Slack สนับสนุนการทำงานบน New iPad Air สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ธุรกิจ
Better work experience for all kinds of work
Slack ปรับปรุงซอฟต์แวร์ของตัวเองให้เข้าถึงประสบการณ์การทำงานได้หลาย ๆ รูปแบบ หนึ่งในอุปกรณ์ที่ Slack สนับสนุนให้ใช้ร่วมกันคือ New iPad Air ที่มาพร้อมชิปประสิทธิภาพสูงอย่าง M1 พวกเขาชื่นชมว่า Apple เป็นอุปกรณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะทำให้ Slack สามารถเชื่อมต่อการทำงานได้พร้อมกันหลาย ๆ อุปกรณ์ (แต่ถึงอย่างนั้น Slack ก็ยังเปิดให้ใช้งานได้บนฝั่ง Windows และ Linux เช่นกัน)
ซึ่งฟังก์ชันที่ตอบโจทย์จาก Slack จะเป็นการซัพพอร์ตระบบ Apple’s VoiceOver (ฟีเจอร์ที่ช่วยอ่านหน้าจอของ iPad ตามคำสั่ง) Slack จะเพิ่ม Labels สำหรับการใช้ระบบ Screen-reading เพื่อนำทางการพูดคุย, อ่านข้อความ, จัดเรียงตารางงานล่าสุด และเข้าถึง Workspace menu ต่าง ๆ ได้สะดวกมากขึ้นผ่านเสียงนั่นเอง
สำหรับแถบด้านซ้ายมือ (Sidebar) ของ Slack จะมีฟังก์ชันใหม่เพิ่มเข้ามาดังนี้
- สามารถซ่อนกลุ่มของ Channels ต่าง ๆ เพื่อเน้นการพูดคุยเฉพาะที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถจดจ่อกับข้อมูลที่สำคัญที่สุดได้
- ซิงค์ข้อมูลเข้ากับเวอร์ชัน Desktop ได้ ทำให้แถบด้านข้างแสดงผลลัพธ์ที่เหมือนกัน ระหว่างสลับอุปกรณ์ใช้งานหลาย ๆ เครื่อง
- รายชื่อของทีมในช่องข้อความ (Direct messages) สามารถเรียงลำดับตามการอัปเดตล่าสุดจากทีมได้ และจะมีรูปประจำตัวแสดงให้เห็นเพื่อป้องกันการสับสนในแต่ละ Users
- เข้าเมนูปิดเสียง / ออกจากช่อง / ทำเครื่องหมายว่าอ่านแล้ว หรือคัดลอกลิงก์ไปยังช่องอื่น ๆ ได้ด้วยการ ‘กดชื่อ Channel ค้างไว้’
นอกจากฟังก์ชันใหม่ที่อัปเดตเข้ามาแล้ว แอป Slack ยังสะดวกต่อการใช้งานแบบภาคสนามด้วย เช่น พนักงานขายที่ต้องการความคล่องแคล่วเมื่อพบปะลูกค้า โดยแอป Slack จะช่วยให้การใช้งานส่วน Sale Support ต่าง ๆ ง่ายขึ้น (ด้วยหน้าต่างการใช้งานที่ควบคุมง่าย) ซึ่ง Slack ได้กล่าวไว้ว่า ‘ภาพลักษณ์ของธุรกิจจะยิ่งดูดี เมื่อฟังก์ชันเหล่านี้ถูกพรีเซนต์บน New iPad Air’ (เรียกว่าป้ายยากันสุด ๆ)
สรุปทั้งหมด
การอัปเดตของ Slack ครั้งนี้ พร้อมให้ใช้งานในเวอร์ชันล่าสุดแล้วสำหรับ iPad (iOS 15.4 หรือ macOS Monterey 12.3) และ Slack ยังทิ้งท้ายไว้ว่าการปรับปรุงเหล่านี้เป็นเพียง ‘จุดเริ่มต้น’ เท่านั้น สำหรับฟังก์ชันอื่น ๆ ที่สนับสนุนการทำงานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ จะตามมาภายในปี 2022 นี้แน่นอน ติดตามพวกเขาไว้ได้เลย
(หากอยากไขกลยุทธ์จาก Slack ว่ามีความน่าสนใจยังไงบ้าง อ่านต่อได้เลยที่บทความนี้)