ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจริง ๆ ครับสำหรับ Spotify แอปพลิเคชันผู้ให้บริการด้าน Music Streaming ยักษ์ใหญ่จากสวีเดน ที่ในปี 2020 นี้จะเรียก Spotify ว่าเป็นผู้นำด้านตลาด Music Streaming ของโลกก็คงไม่ผิดอะไร
เพราะล่าสุด Spotify ได้ทำการเปิดผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3/2020 อย่างเป็นทางการพบว่ามีการเติบโตขึ้นของตัวเลขผู้ใช้งาน (User Growth) มากขึ้นกว่า 29% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ทาง Spotify เองออกมายอมรับว่าเกินความคาดหมาย เพราะสถานการณ์ Covid-19 มาทำให้เศรษฐกิจทุกภาคส่วนต้องชะลอตัวลง
แต่ถึงแม้ตัวเลขที่ออกมาอาจจะฟังดูน่ายินดี แต่ Spotify ก็ต้องมาพบเรื่องที่น่าเสียใจประจำไตรมาสนี้ นั่นก็คือผลประกอบการที่ขาดทุนอย่างหนักกว่า 101 ล้านยูโร (ประมาณ 3,682 ล้านบาท) จากที่เคยได้กำไรเมื่อไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว
โดยเบื้องหลังการเติบโตด้านผู้ใช้งาน แต่ขาดทุนด้านผลประกอบการของ Spotify ในครั้งนี้เกิดมาจากอะไร ไปติดตามกันต่อได้ที่บทความนี้ครับ
ย้อนดูสถิติ Spotify ในไตรมาสที่ผ่านมา กับการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Spotify ถือเป็นแอปพลิเคชันที่มีการคิดค้นกลยุทธ์ที่ครองใจผู้ใช้งานจนกลายเป็นลูกค้าประจำของแอป ออกมาอยู่ตลอด เช่น การสร้างระบบ Playlist , การใช้กลยุทธ์แบบ Invite-Only หรือการเปิดให้บริการ Podcast แบบครบวงจร ที่ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ Spotify โดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด
( อ่านกลยุทธ์การเติบโตของ Spotify ทั้งหมดได้ ที่นี่ )
จึงไม่แปลกครับที่ Spotify จะยึดครองความเป็น “เบอร์1” ในตลาด Music Streaming ของโลกได้ในปี 2020 จากการสำรวจของ CounterPoint ในไตรมาสที่แล้ว (2/2020) ก็พบว่า Spotify นี่แหละ ที่ได้ส่วนแบ่งในตลาด Music Streaming ไปเยอะที่สุดถึง 34%
ในขณะที่ด้านตัวเลขผู้ใช้งานเปรียบเทียบจากไตรมาสก่อน ๆ จะพบว่า Spotify มีอัตราการเติบโตของผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นตลอดอยู่ตลอดในทุกไตรมาส สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ Spotify ใช้เพื่อเพิ่มการเติบโตมาอยู่ตลอด
และจากรายงานของไตรมาสล่าสุด Spotify มีผู้ใช้งานรวม 299 ล้านบัญชี และมีผู้ใช้งานบัญชีพรีเมียมแตะ 138 ล้านบัญชีแล้ว หรือเท่ากับจำนวนประชากรในประเทศไทยเกือบ 2 เท่าเลยทีเดียว ในส่วนนี้นับเป็นรายได้หลักของบริษัทที่เติบโตถึง 27% จากปีก่อนหน้า
เปิดผลประกอบการไตรมาส 3/2020 ของ Spotify ทำไมผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นแต่กลับขาดทุน
ล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา Spotify ออกผลประกอบการไตรมาส 3/2020 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยสิ่งที่น่าสนใจคือยอดผู้ใช้ (Active User) ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จริง แต่กลับกันด้านรายได้กำลังขาดทุนหนัก
จากการรายงานการเติบโตของผู้ใช้งาน (User Growth) ของ Spotify พบว่าในปัจจุบันมี Active User ต่อเดือนบนแพลตฟอร์มอยู่ที่ 320 ล้านคน เติบโตขึ้น 29% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว (3/2019)
ส่วนผู้ลงทะเบียนสมัครสมาชิกในไตรมาสนี้อยู่ที่ 144 ล้านคน เติบโตขึ้น 27% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทาง Spotify เองก็ออกมายอมรับว่าตัวเลข “สูงกว่า” ที่ทางบริษัทคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เพราะสถานการณ์จากไวรัส Covid-19 ที่ออกมาทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงทุกภาคส่วน
โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของไตรมาส 3/2020 ที่ทำให้ Spotify โกยจำนวน Active User เพิ่มขึ้นนั่นก็คือการที่ Spotify เริ่มเปิดให้ใช้บริการใน 13 ประเทศแถบยุโรปตะวันออก เช่นยักษ์ใหญ่อย่าง รัสเซีย, โครเอเชีย, เซอร์เบีย, ยูเครน เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา
และอีกจุดเปลี่ยนหนึ่งของความสำเร็จในครั้งนี้ ก็คือการที่ Spotify หันมาให้ความสำคัญกับ Podcast เพิ่มขึ้น จากรายงานประจำไตรมาสที่ 3 ระบุว่าตอนนี้พวกเขามี Podcast อยู่ในแพลตฟอร์มกว่า 1.9 ล้าน Episode ซึ่งมากกว่าที่พวกเขามีในสิ้นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ถึง 400,000 รายการ
นอกจากนั้นผลสำรวจยังพบว่าไตรมาสนี้กว่า 22% ของผู้ใช้งาน Spotify ในทุกเดือนจะมีส่วนรวมกับ Podcast มากขึ้น ซึ่งก็ตรงกับความตั้งใจของ Spotify ที่ต้องการให้ตนเองเป็นมุ่งสู่ “แพลตฟอร์มด้านเสียง อันดับ 1 ของโลก” ในอนาคตอันใกล้ และกำลังจะเปิดตัวฟีเจอร์ Video Podcast ในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย
แม้ตัวเลขผู้ใช้งานมากขึ้น แต่กลับขาดทุนด้านผลประกอบการอย่างหนัก…
หลายคนที่ดูสถิติด้านบนไปแล้ว น่าจะมีความคิดว่าแบบนี้ Spotify คงโกยรายได้จากค่าสมัครบริการไปเพียบแน่ ๆ แต่ความจริงคือหนังคนละม้วนเลยครับ เพราะจากการรายงานในไตรมาส 3/2020 พบว่าผลประกอบการของ Spotify กำลังอยู่ในช่วงวกฤต
โดยรายได้ในรูปแบบตัวเงิน Spotify เติบโตขึ้น 1.98 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 14% ก็จริง แต่มีผลประกอบการขาดทุนกว่า 101 ล้านยูโร (ประมาณ 3,680 ล้านบาท) สวนทางกับในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่ผลประกอบการเป็นกำไร
ซึ่งทาง Spotify เองก็ให้เหตุผลว่าที่ผลประกอบการยังขาดทุนนั้น เนื่องจากในช่วงไตรมาสนี้มีการลดค่าบริการแบบครอบครัว (Family Plan) ในบางประเทศเพื่อต้องการเพิ่มฐานผู้ใช้งานใหม่ ๆ ทำให้รายได้ที่กลับคืนมาสู่พวกเขาลดลง (ไม่แปลกที่ผู้ใช้เพิ่มขึ้นมาก แต่บริษัทกลับขาดทุน)
ประกอบกับการเรื่องของลิขสิทธิ์ค่ายเพลง ที่ปัจจุบันมีความดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการเก็บค่าลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะค่ายเพลงระดับ Worldwide เช่น Warner Music , Universal Music , SONY Music ที่ต้องบอกว่าแค่ 3 ค่ายเพลงนี้ ก็มีเพลงในลิขสิทธิ์ของตนไปกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนเพลงทั้งหมดใน Spotify ไปแล้ว
ส่วนสถิติที่น่าสนใจฝั่งเพลง Taylor Swift กับอัลบั้ม Folklore ขึ้นแท่นอันดับ 1 อัลบั้มที่มีการสตรีมมิ่งมากที่สุดในไตรมาส 3/2020 ส่งให้ Taylor Swift กลายเป็นศิลปินที่มียอดสตรีมมิ่งมากที่สุดไตรมาสนี้ด้วย
สรุปทั้งหมด
จากสถิติที่ Spotify เปิดเผยออกมาในครั้งนี้ทำให้เราเห็นอะไรได้หลากอย่างนะครับ ทั้งการเติบโตของตลาด Music Streaming รวมถึงโมเดลธุรกิจแบบ Subscription จากกลยุทธ์ต่าง ๆ ในไตรมาสที่ผ่านมาบอกได้เลยว่า Spotify เอาจริงมากกับการพาตัวเองเป็น The World’s No.1 Audio Platform
ส่วนในเรื่องของผลประกอบที่ขาดทุน จากตัวเลขแล้วก็ถือว่าบริษัทขาดทุนไปพอสมควรเหมือนกัน ต้องมาตามดูกันแล้วครับว่า ในอนาคต Spotify จะแก้ปัญหานี้อย่างไรและทำได้ดีแค่ไหน สำหรับใครที่ต้องการดูรายงานผลประกอบการแบบเต็ม ๆ ของ Spotify ในไตรมาส 3/2020 กดดูทั้งหมดได้ที่นี่