Deloitte เผย ร้านค้าปลีกในอเมริกากว่า 75% พร้อมรับชำระเงินด้วยคริปโทฯ ภายใน 2 ปีนี้

ไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของลูกค้าในยุคนี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนร้านค้าปลีกเริ่มต้องปรับตัวตาม ซึ่งคริปโทเคอร์เรนซี คือหนึ่งในช่องทางใหม่ที่ลูกค้าเริ่มนำมาใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็น ซื้อกาแฟจาก Starbucks หรือซื้อรถหรู Lamborghinis ก็ตาม

ดังนั้น Deloitte บริษัทผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและเทคโนโลยีจึงได้จัดทำผลสำรวจร้านค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาว่าพวกเขามีความสนใจในการนำ คริปโทเคอร์เรนซี มาใช้เป็นช่องทางชำระเงินหรือไม่ ซึ่งผลจะเป็นอย่างไร จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดขึ้นบ้าง วันนี้ The Growth Master จะมาบอกให้กับคุณ

75% ของร้านค้าในอเมริกาพร้อมให้ชำระเงินด้วย คริปโทเคอร์เรนซี ในอีก 2 ปี

โพลสำรวจของ Deloitte ที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มร้านค้ากว่า 2,000 แห่ง ได้เผยว่า เจ้าของร้านค้าปลีกในสหรัฐอเมริกากว่า 75% พร้อมรับชำระเงินด้วย คริปโทเคอร์เรนซี หรือ Stablecoin ในอีก 2 ปีที่จะถึงนี้ ซึ่งธุรกิจที่ได้สำรวจมีทั้งด้านความงาม, เครื่องใช้ไฟฟ้า, แฟชัน, การขนส่ง, อาหาร และเครื่องดื่ม

นอกจากนั้น เจ้าของร้านค้าปลีกกว่า 83% ยังเชื่อว่าลูกค้าจะเริ่มสนใจใน คริปโทเคอร์เรนซี มากขึ้นในปีถัด ๆ ไป ซึ่งข้อมูลนี้ก็มีความเป็นไปได้เพราะจากผลสำรวจพบว่าลูกค้าบางคนได้ลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นมูลค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย

ร้านค้าจะรับชำระสินค้าด้วย คริปโทเคอร์เรนซี อย่างไร?

ถึงแม้ว่าร้านค้าปลีกเตรียมจะรับชำระเงินด้วย คริปโทเคอร์เรนซี แต่พวกเขาก็ไม่ได้ต้องการจะถือเหรียญเหล่านั้นเอาไว้กับตัวเอง ดังนั้นเจ้าของร้านมากถึง 50% เตรียมจะนำระบบการชำระเงินที่จะเปลี่ยน คริปโทเคอร์เรนซี ให้เป็นเงินดอลลาร์มาใช้ในร้านค้าของตัวเอง ซึ่งระบบนี้ถูกกฎหมายและได้รับการอนุมัติจากรัฐ โดยวิธีนี้นอกจากจะลดความเสี่ยงแล้วยังทำให้การชำระเงินด้วย คริปโทเคอร์เรนซี ทำได้อย่างรวดเร็ว ง่ายขึ้นกว่าเดิม

ข้อจำกัดของการใช้ คริปโทเคอร์เรนซี สำหรับการชำระเงินในขณะนี้

การนำ คริปโทเคอร์เรนซี มาใช้ในขณะนี้นับว่าเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก เพราะกว่า 90% ของผู้ให้บริการยังเคลือบแคลงสงสัยว่าขั้นตอนการผนวก คริปโทเคอร์เรนซี เข้ากับการชำระเงินประจำวันว่าต้องทำอย่างไร อีกทั้งยังมีด้านความปลอดภัยที่ยังมีข้อถกเถียงกันอีกมาก 

ดังนั้นเจ้าของร้านค้าเกินครึ่งจึงอยากให้ คริปโทเคอร์เรนซี มีกฎหมายเขียนรองรับชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการถือครองเพื่อเก็งกำไร, ด้านภาษี หรือการนำเหรียญเก็บเอาไว้ในบัญชีธนาคารเพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน

สรุปทั้งหมด

นี่ถือว่าเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ของ คริปโทเคอร์เรนซี ที่เตรียมเข้าถึงชีวิตประจำวันของทุกคนมากกว่าเดิม ซึ่งถึงแม้ว่าข้อจำกัดในการนำมาใช้งานจะยังมีอยู่บางประการ แต่ในอนาคตนั้นคาดว่ากำแพงข้อจำกัดเหล่านี้จะลดน้อยลงมากจนกลายเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายไม่แพ้กับเงินตราที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้

ที่มา: cnbc

‍