หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงเวลานี้ ของปี 2020 เป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกเริ่มได้ยินชื่อของโรคระบาดอย่าง Covid-19 ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลากว่า 1 ปีกว่า ๆ แล้วที่เราต้องพบเจอกับวิกฤตนี้
และก็ต้องยอมรับว่าเพราะ Covid-19 นี่แหละ ที่ทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข ด้านสังคม และด้านธุรกิจ เพราะเมื่อเราต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ก็เท่ากับว่าวิถีชีวิตการทำงานของเราก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย
ส่งผลให้ “เทคโนโลยี” กลายเป็นสิ่งที่ทุกองค์กร ไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมไหนต่างก็เลือกมาใช้งาน เพื่อทำให้องค์กรของตนดำเนินงานต่อได้สะดวก ลื่นไหลที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Remote Working การประชุมออนไลน์ , การจัดการโปรเจกต์ และเรื่องอื่น ๆ ซึ่งก็มีองค์กรไม่น้อยที่เริ่มเห็นข้อดีของการใช้เทคโนโลยีในการทำงาน และยืนยันว่าจะขอนำเทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานให้มากขึ้นในปีนี้
เห็นได้ชัดแล้วว่าในปี 2021 นี้เทรนด์เทคโนโลยีกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญของการเติบโตของธุรกิจอย่างเต็มตัว ในบทความนี้ The Growth Master เลยขอพาคุณไปรู้จักกับ 9 Technology Trend ที่จะเข้ามามีบทบาทกับการทำธุรกิจของคุณตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีอะไรบ้าง ไปติดตามกันครับ
9 Technology Trend ที่จะเข้ามามีส่วนกับการทำธุรกิจของคุณตลอดปี 2021 ในปีนี้ทาง GartnerCo บริษัทด้าน Technology Research ชื่อดังได้ทำการคาดการณ์ทิศทางและแบ่งหมวดหมู่ของ TechTrend ทั้ง 9 อย่างให้อยู่ใน 3 เทคโนโลยีซับเซ็ทได้แก่
People Centricity (เทคโนโลยีที่ให้ความสำคัญต่อการทำงานของมนุษย์) Location Independence (เทคโนโลยีที่ขยายอิสระในการทำงานมากขึ้น) Resilient Delivery (เทคโนโลยีที่ร่นระยะเวลาการทำงานให้สั้นลง) ภาพจาก gartner ซึ่งทั้ง 9 TechTrend ที่คาดการณ์ว่ากำลังจะเกิดขึ้นจริงในปีนี้และจะเข้ามามีบทบาทต่อการทำธุรกิจของคุณ มีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้ครับ
1. Internet of Behavior (IoB) เมื่อพฤติกรรมเปลี่ยนไปตลอดกาล เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านน่าจะพอได้ยินหรือรู้ความหมายของ IoT (Internet of Things) กันมาบ้างแล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2021 โลกนี้จะเข้าสู่ความเป็น IoB (Internet of Behavior) หรือการที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนกับพฤติกรรมประจำวันของเรามากขึ้น
เพราะ Covid-19 เมื่อปีที่แล้วที่ส่งผลกระทบหลาย ๆ ด้านมาจนถึงปีนี้ ทำให้เทคโนโลยีแนว Internet of Behavior ได้รับความนิยมมากขึ้น โดย IoB จะเป็นการรวบรวมข้อมูลที่องค์กรมี มาผสมผสานกับเทคโนโลยีหลายแบบเข้าด้วยกัน
จุดประสงค์เพื่อใช้ในการสร้างพฤติกรรมใหม่ (ที่สะดวกสบายขึ้น) ให้แก่การทำงานในองค์กร เช่นเราน่าจะเคยเห็นแอปพลิเคชันของรัฐบาล ที่ให้ผู้ใช้งานดำเนินการยืนยันตัวตนผ่านการสแกนใบหน้า หรือแอปพลิเคชันในองค์กรบางตัวที่จะติดตามพนักงานให้ปฏิบัติตามกฏบริษัท หรือ เฝ้าระวังด้านสุขภาพของพนักงานในช่วงการแพร่ระบาดไวรัส
และเชื่อกันว่าภายในปี 2025 ประชากรกว่าครึ่งของโลกจะต้องอยู่ร่วมกับเทคโนโลยี IoB เป็นประจำในชีวิตประจำวัน
ภาพจาก axiousholding 2. Privacy-Enhancing Computation มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ต้องบอกว่าในปีนี้ การป้องกันข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลขององค์กรจะไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะอย่างที่ทราบดีว่าเมื่อเข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยี มิจฉาชีพ (ที่เรียกตัวเองว่าแฮกเกอร์) หรือผู้ไม่หวังดี ต่างจ้องที่จะขโมย , สร้างความปั่นป่วนให้กับข้อมูลสำคัญของลูกค้า เหมือนที่เราเคยเห็นตามข่าวกันบ่อย ๆ
ซึ่งการปล่อยให้ธุรกิจต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้น ย่อมส่งผลเสียทั้งด้านความน่าเชื่อถือของธุรกิจและความปลอดภัยขององค์กร
เลยทำให้มาตรการจำพวก Privacy-Enhancing Computation หรือมาตรการเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่จะเข้ามาควบคุมและช่วยปกป้องข้อมูลขณะใช้งาน นอกเหนือจากมาตรการควบคุมทั่วไปที่เน้นการปกป้องข้อมูลในขณะจัดเก็บ
ซึ่งในเทรนด์ข้อนี้ถึงแม้จะไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีโดยตรง 100% แต่ก็เป็นเหมือนคำเตือนให้หลายองค์กรหันมาสนใจกับเรื่อง เทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรกันมากขึ้นครับ
3. Total Experience กับประสบการณ์ที่ “ทุกคน” ต้องได้รับ เป็นการพูดถึงเทคโนโลยีที่สามารถสร้างประสบการณ์ในการทำธุรกิจที่ดีขึ้น ตั้งแต่พนักงาน ลูกค้า เจ้าของกิจการ (มากกว่าแค่ User Experience) เพื่อให้ธุรกิจเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
เพราะในช่วง COVID-19 เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลกระทบให้บางธุรกิจที่ขาดรายได้ ช่องทางการขายถูกปิด ไม่สามารถติดต่อกับลูกค้าได้เหมือนปกติ เลยมีความจำเป็นให้ธุรกิจเหล่านั้นต้องทำการหาเทคโนโลยีที่จะเข้ามา “สร้างประสบการณ์” ที่ทำให้ทั้งลูกค้าและพนักงานไม่รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ห่างไกลกันเกินไป
ตัวอย่างเช่น Conversational Platform อย่าง ChatBot หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Virtual Customer Assistant (ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ) ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีของระบบให้มีการโต้ตอบกับลูกค้า ได้อย่างเสมือนจริงมากขึ้น รวมไปถึงเรื่องของเทคโนโลยี Touchless Interface ต่างๆ ก็จะยิ่งทำให้ธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจแนวบริการ สามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับลูกค้าได้ เช่นธุรกิจร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ต่างก็หันมาสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
ภาพจาก dataart 4. Cloud จะยิ่งทวีคูณบทบาทกับการทำงานในอนาคต จากช่วง Covid-19 ที่ทำให้การทำงานขององค์กรเกิดความเปลี่ยนแปลง การทำงานผ่านระบบ Remote Working ที่ให้คุณสามารถทำงานได้จากทุกที่ก็กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น
ซึ่งแน่นอนว่าอีกหนึ่งกลไกของการทำ Remote Working ก็คงหนีไม้พ้นเรื่องของระบบ Cloud (เช่น พวก Google Drive , OneDrive) ที่เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ ที่ทำให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ ทุกเวลา
โดยในปี 2021 นี้คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีของระบบ Cloud จะมีความเป็น Distributed มากขึ้น มีการพัฒนาระบบคลาวด์ให้ล้ำสมัยและเพิ่ม Option การใช้งานให้เอื้อต่อการทำงานในองค์กรสมัยใหม่ที่เอื้อต่อการทำงานแบบ Agile มากขึ้น
distributed cloud tech stack l ภาพจาก 45drive ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจได้เห็นซอฟต์แวร์ระบบ Cloud ใหม่ ๆ ที่ทำให้การทำงานของทั้งองค์กร สามารถทำงานด้วยกันได้อย่างราบรื่น (และอาจจะราบรื่นกว่าทำงานแบบปกติอีก)
5. Anywhere Operation เมื่อออฟฟิศอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป เมื่อปีที่แล้วเชื่อว่าผู้อ่านหลายท่าน น่าจะมีโอกาสได้สัมผัสการ Work From Home จากช่วง Covid-19 แน่นอนว่าจากเหตุการณ์นั้นเองทำให้หลายองค์กรต้องมีการปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่ และวางรูปแบบการดำเนินงานที่สามารถให้พนักงานในองค์กรสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ขอเพียงมีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต
ซึ่งในเรื่องนี้เอง เทคโนโลยีด้านการสื่อสารภายในองค์กร (เช่น Workplace , Microsoft Teams) และเครื่องมือด้าน Task Managements (เช่น Trello , Asana , Monday ) clickup กลายเป็นส่วนสำคัญต่อการทำงานในองค์กรทันที เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้การจัดการของทั้งองค์กรเปลี่ยนเข้ามาอยู่ในออนไลน์ ซึ่งทำให้การทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม
แต่ข้อเสียคือ ยิ่งขนาดขององค์กรใหญ่มากเท่าไร การทำงานโดยใช้เทคโนโลยี Anywhere Operation ก็จะยิ่งทำได้ยากและวุ่นวายขึ้นเท่านั้น ดังนั้น Gartner เลยคาดการณ์ว่าเทรนด์ของเทคโนโลยี Anywhere Operation ทั้งด้านการสื่อสารและการจัดการ จะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้องค์กรขนาดใหญ่ ให้ทำงานได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงสถานที่มากขึ้น
ภาพจาก tedco นอกจากนั้นการที่องค์กรหรือธุรกิจเริ่มทำเทคโนโลยีด้าน Anywhere Operation มาใช้งานในองค์กรมาบ้างแล้ว คุณจะยิ่งได้เปรียบมากขึ้น เพราะการนำเทคโนโลยี Anywhere Operation มาใช้กับองค์กรตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็เป็นเหมือนแผนฝึกซ้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (เช่นโรคระบาดหรือเหตุการณ์ความไม่สงบ)
เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นมาอีกครั้ง องค์กรของคุณก็จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ และสามารถทำงานต่อไปได้อย่างราบรื่น คาดการณ์ว่าภายในปี 2023 นี้ 40% ขององค์กรทั้งหมดจะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดังกล่าว เข้าเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ
6. เทคโนโลยี Cybersecurity รปภ. (ออนไลน์) คนสำคัญของการทำธุรกิจ Cybersecurity คือระบบเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญของธุรกิจ จากการโจมตีหรือการเข้าถึงจากบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งเป็นระบบเทคโนโลยีที่หน่วยงานรัฐหรือองค์กรขนาดใหญ่ มักให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะข้อมูลบางอย่างอาจเป็นข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ข้อมูลของลูกค้า ข้อมูลทางการเงินของธุรกิจ หรืออื่น ๆ
ดังนั้นเทรนด์นี้จึงไม่มีอะไรมากเลย นอกจากการให้องค์กรหรือธุรกิจหันมาใส่ใจกับเรื่องความปลอดภัยบนระบบออนไลน์มากขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีประเภท Cyber Secrurity ด้วยการเลือก Technology Stack ที่เกี่ยวข้องกับ “ระบบความปลอดภัย” มาเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีขององค์กรด้วยในปีนี้ ซึ่งจะทำให้องค์กรมีระบบ Privacy และ Security ที่แน่นหนามากขึ้น คือทางเลือกที่ดีที่สุดและจะเป็น Technology Trend ที่สำคัญของปีนี้ครับ
techstack ด้านระบบ Cyber Security l ภาพจาก sean walls โดยการเลือก Technology Stack สำหรับด้าน Cyber Security ก็ต้องขึ้นอยู่กับเครือข่ายของธุรกิจที่คุณมี เพราะ Technology แต่ละตัวก็จะให้ความปลอดภัยในช่องทางที่ต่างกันออกไป (เช่น Cloud Security , Mobile Security , Website Security เป็นต้น)
7. Intelligent Composable Business อยากอยู่รอดต้องตามเทคโนโลยีให้ทัน Intelligent Composable Business หรือแปลได้ว่าธุรกิจที่ชาญฉลาดคือธุรกิจที่รู้จักปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์ ความหมายของข้อนี้ก็ตรงตัวเลยครับ ในปี 2021 นี้ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง
ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ ที่เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวนี้ก็เริ่มหันมาพึ่งพา เทคโนโลยี เพื่อเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถทำงานต่อไปได้ นอกจากนั้นสิ่งสำคัญอีกอย่างเมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแล้ว ก็จำเป็นต้องมีความคล่องตัวและการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ภาพจาก apu ดังนั้นในปีนี้สิ่งที่ธุรกิจของคุณต้องเริ่มสนใจนั่นก็คือ การเลือกหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณที่สุด เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่าในปีนี้การทำธุรกิจน่าจะต้องมีเรื่องให้ปรับตัวและเปลี่ยนแปลงกันอยู่ตลอด การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับองค์กร ก็จะช่วยให้องค์กรของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างการเติบโตของธุรกิจได้ในทุกสถานการณ์นั่นเอง
8. AI Engineering ในตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราน่าจะพอทราบถึงหน้าที่และประโยชน์ของเทคโนโลยี AI กันมาบ้างแล้ว รวมไปถึงการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญในปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน
แต่ในปี 2021 นี้เทรนด์ของเทคโนโลยี AI จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพราะในฝั่งของ AI Engineering อ้างอิงจากผลสำรวจในองค์กรใหญ่ ๆ ที่ทำงานด้าน AI ของ Gartner พบว่ามีเพียงแค่ 53% ของโครงการ AI ต้นแบบที่ได้รับการลงทุนจนนำไปสู่การใช้งานจริง ส่วนที่เหลือกลับถูกเก็บเข้ากรุอย่างน่าเสียดาย
เลยส่งผลให้เทรนด์ของ AI Engineering ที่เน้นเรื่องการกำกับดูแลและการบริหารจัดการวัฏจักรของ AI สำคัญขึ้นมาทันที
ซึ่งเทรนด์ของ AI Engineering ที่สำคัญในนี้คือการผสานรวม DataOps, ModelOps และ DevOps เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพ การขยายระบบ การตีความ และความเสถียรของโมเดล AI ให้ดียิ่งขึ้น ทำให้การลงทุนด้าน AI ใช้งานได้จริงและมีความคุ้มค่ามากที่สุด
ภาพจาก dataversity 9. Hyperautomation ระบบอัตโนมัติที่จะเข้ามามีบทบาทมากกว่าเดิม Hyperautomation คือการรวมกันระหว่าง Machine Learning , AI และ Automation Tool เพื่อช่วยให้กระบวนการเชิงธุรกิจและเทคโนโลยี มีการทำงานที่รวดเร็วและประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อประกอบกับช่วง Covid-19 เมื่อปีที่แล้ว ทุกองค์กรต้องพึ่งพาเทคโนโลยี เข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้นเพื่อลดความวุ่นวายต่าง ๆ ยิ่งส่งผลให้ Hyperautomation เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น
ถ้าพูดถึง Hyperautomation ตัวอย่างที่ให้ทุกคนเห็นภาพได้ดีที่สุด ก็คือระบบเครื่องจักร หุ่นยนต์ต่างๆ ในโรงงาน ที่ต้องบอกว่านับวันเข้า สามารถทำงานได้เหมือนและดีกว่ามนุษย์เสียอีก (ในบางอุตสาหกรรม) หรืออีกหนึ่งตัวอย่างก็คือเรื่องของ รถยนต์ไร้คนขับ ที่ถือเป็นนวัตกรรมที่บ่งบอกความเป็น Hyperautomation ได้เป็นอย่างดี เพราะมีการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย บวกกับ AI
ซึ่งคาดการณ์ว่า Hyperautomation จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก สำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิต สังเกตจากปริมาณการจ้างแรงงานที่เริ่มน้อยลง แล้วหันมาใช้เทคโนโลยีในการทำงานแทน เพื่อลดต้นทุนตามสภาพเศรษฐกิจ
ภาพจาก allerin แม้เทรนด์เรื่อง Hyperautomation อาจจะดูไกลตัวไปสำหรับธุรกิจบางประเภท แต่เรื่องนี้ก็ถือเป็นคำเตือนอย่างดี ที่เน้นย้ำให้องค์กรทุกภาคส่วนรู้ถึงความสำคัญและบทบาทของเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจอย่างแน่นอนในอีกไม่กี่ปี
สรุปทั้งหมด ปี 2021 นี้ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าแผนการตลาดหรือแผนธุรกิจที่คุณได้วางแพลนไว้เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว จะใช้ได้ผล เพราะเราอาจจะต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีกมากมาย ซึ่งองค์กรที่ไม่สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้ ก็จะค่อย ๆ ถูกความน่ากลัวยุค Digital กลืนหายไปในที่สุด
กลับกัน องค์กรที่สามารถอยู่รอดได้นั้นคือองค์กรที่พร้อมปรับเปลี่ยนตัวเองตลอดเวลา ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และที่สำคัญคือพวกเขา “กล้า” ที่จะเรียนรู้การทำงานกับเทคโนโลยี ดังนั้นปี 2021 นี้ผมคงต้องบอกบอกว่านี่คือปีที่เทคโนโลยีเข้ามาส่วนกับการทำงานของธุรกิจจริง ๆ
กล้าเรียนรู้ และอยู่กับเทคโนโลยีให้ได้ คือประตูบานสำคัญที่จะพาธุรกิจคุณไปสู่การเติบโตในยุค 2021 Disruption ขอให้ทุกคนโชคดีครับ!