วิธีสร้าง Branding ให้สตาร์ทอัปเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าที่ยั่งยืน

วิธีสร้าง Branding ให้สตาร์ทอัปเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าที่ยั่งยืน
Light
Dark
The Growth Master Team
The Growth Master Team

The Growth Master Team ผู้รักในการเรียนรู้ หลงใหลในเทคโนโลยี และแฮปปี้กับการเติบโต

นักเขียน

Startup Branding Hack: สร้าง Branding อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ?

ทุกวันนี้เราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ามีสตาร์ทอัปเกิดขึ้นมากมาย บางแห่งก็ประสบความสำเร็จ บางแห่งก็กำลังจะต้องปิดตัวลง แต่ถ้าหากเราต้องการความสำเร็จแล้ว ให้เราลองมองไปที่สตาร์ทอัปใหญ่ ๆ อย่างเช่น Grab หรือสตาร์ทอัปสายจองที่พักอย่าง Airbnb จะพบว่ามีปัจจัยหนึ่งที่มีร่วมกัน และช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ Branding 

แล้ว Branding คืออะไร?

ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe

Branding คืออะไร?

Branding คือ การสร้างแบรนด์ เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ชื่อแบรนด์, โลโก้, CI (Corporate Identity), โฆษณา หรือใช้การเล่าเรื่อง (Storytelling) ในการสื่อว่าเราขายอะไร สื่อถึงจุดเด่นที่เรามี และสื่อความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อใช้สินค้าหรือบริการ 

ยกตัวอย่างเช่น ชื่อและโลโก้ของ Burger King ที่สามารถบอกได้ว่าบริษัทนั้นขายสินค้าหรือบริการอะไร และสื่อประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับจากโลโก้ ซึ่งเป็นรูปแฮมเบอร์เกอร์แล้วมีเขียนชื่อแบรนด์ประกบอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของแฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น

ภาพจาก facebook

Branding นั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพียงชื่อแบรนด์หรือโลโก้เท่านั้น เราสามารถ Branding จากการเล่าเรื่องราว (Storytelling) หรือที่มาเพื่อสื่อสารไปสู่ลูกค้าก็ได้ ซึ่งในบทความนี้จะเจาะลึกถึงความสำคัญของการ Branding และวิธีการทำ Branding อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

Branding สำคัญกับธุรกิจอย่างไร?

การสร้าง Branding สามารถช่วยธุรกิจได้ในหลาย ๆ เรื่องเลย โดยเฉพาะเรื่องที่มีความจำเป็นต่อสตาร์ทอัป เช่น การสร้าง Brand Awareness ที่ทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ของเราในช่วงแรก หากสตาร์ทอัปขาดจุดนี้ไปในช่วงเริ่มต้น การที่ลูกค้าจะรู้จักแบรนด์ของเราก็ทำได้ยาก 

ซึ่ง Brand Awareness นี้เกิดขึ้นได้เพราะ Branding ของเรานั้นสื่อสารออกไปด้วยสิ่งที่ลูกค้าคุ้นเคยหรือเกี่ยวข้อง ทำให้ลูกค้าเข้าใจสารที่เราต้องการจะสื่อได้ง่ายขึ้น อีกด้านหนึ่ง Branding สามารถสร้าง Brand Loyalty ที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการของเราอีกครั้งหนึ่ง

เพราะ Branding จะสื่อถึงความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่จะได้รับออกไปด้วย เมื่อลูกค้าต้องการประสบการณ์เช่นนั้นอีก ดังนั้นการสร้าง Branding ที่ดีย่อมช่วยลูกค้าในการจดจำในระยะยาว แต่เหล่าสตาร์ทอัปจะต้องสร้าง Branding อย่างไรให้ได้ผลเช่นนั้น? ไปดูต่อกันเลย

Branding 101: สร้าง Branding อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

ตอนนี้ทุกคนคงรู้จักแล้วว่า Branding คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไรกับสตาร์ทอัป และคงอาจสงสัยว่า แล้วจะสร้าง Branding อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน

สร้าง Brand Identity ที่เหมาะสม

การสร้าง Brand Identity ที่ดีหรือช่วยสร้าง Brand Awareness ได้นั้น มี 4 สิ่งที่ต้องทำ เพื่อที่จะทำให้เราสร้าง Branding ได้ตรงจุด และสื่อสารตรงกับความต้องการของเรา ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเข้าใจสิ่งที่เราต้องการจะสื่อได้อย่างรวดเร็ว โดยเราจะเริ่มจาก

วิเคราะห์ตลาด

วิเคราะห์ตลาดเพื่อที่จะได้รู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราเป็นใคร และพวกเขามองแบรนด์เราอย่างไร หรือพูดง่าย ๆ ว่าถ้าเปรียบให้บริษัทเป็นสิ่งมีชีวิต แล้วทุกคนมองบริษัทเป็นอย่างไร? 

หลังจากนั้นเราจะเอาข้อมูลตรงนี้ไปใช้ในการสร้าง Brand Identity โดยอาจทำการวิจัยจากลูกค้า พนักงาน หรือผู้บริหาร โดยถามคำถามเกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อธุรกิจและมุมมองในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้เราสร้าง Brand Identity ได้ตรงกับมุมมองที่คนอื่นมอง

ตัวอย่างคำถามที่เอาไว้กลุ่มเป้าหมายว่าเขามองแบรนด์เราอย่างไร และคิดว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

หลังจากนั้น เราจำเป็นต้องรู้ว่า ใครคือคู่แข่งของเรา เพราะเดิมทีแล้วการสร้าง Brand Identity นั้นเกี่ยวกับการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยเราจะวิเคราะห์ว่าคู่แข่งของเรานั้นมีการ Present ตัวเองอย่างไร และใช้ข้อมูลนี้รวมกับการวิเคราะห์ตลาดเพื่อสร้างความแตกต่าง

Branding คือ สิ่งที่เรามีเเละลูกค้าต้องการ และคู่เเข่งยังไม่มีเเบบที่เรามอบให้ลูกค้า

ตัวอย่างเช่น Grab กับ Uber แม้จะดำเนินธุรกิจที่มีความคล้ายกัน แต่ Branding ก็ช่วยทำให้ผู้ใช้งานสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง เช่น Grab ที่ใช้สีเขียวทำให้ธุรกิจมีความ Friendly และ Local กว่า Uber ที่ใช้สีดำดูลึกลับ และเข้าถึงได้ยากกว่า นั่นจึงทำให้การสร้าง Brand Identity ออกมาคนละแบบด้วย 

ออกแบบ

หลังจากที่วิเคราะห์ตลาดแล้ว เรามีข้อมูลที่จะใช้สร้างสิ่งที่จะเป็นตัวแทนของแบรนด์เราหรือ Brand Identity แล้ว เราก็จะเปลี่ยนข้อมูลเหล่านี้ให้เป็น การออกแบบ โดยเป้าหมายก็คือ การทำข้อความให้มีชีวิต ซึ่งจะทำให้เราออกแบบได้ง่ายขึ้น เช่น

  • เขียนโปรแกรม → ตัวอักษรหลายแถว
  • เขียนโปรแกรม → คอมพิวเตอร์ → หุ่นยนต์

หลังจากนั้นเราจึงมาเลือกว่าคำใดที่สื่อสารความเป็นแบรนด์ออกไปได้ดีที่สุด ลูกค้าเข้าใจได้ดีที่สุด แล้วจึงนำไปสร้าง Brand Identity ต่อไป

ตัวอย่างจาก Bomberbot สตาร์ทอัปจากเนเธอร์แลนด์ที่มีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กเขียนโค้ดด้วยความสนุกสนาน ดังนั้นสีที่หลากหลายและโลโก้ของแบรนด์จึงสื่อถึงความสนุก และยังมีรูปร่างเรขาคณิตเพื่อจะสื่อถึงการเรียนรู้อย่างเป็นระบบอีกด้วย

การออกแบบโดยใช้บุคลิกของบริษัทเมื่อเปรียบเป็นคนมาทำให้มีชีวิต ซึ่งทำให้ลูกค้าเก็ทง่ายขึ้นเมื่อพบเห็น

สร้างงาน

หลังจากที่เราวิเคราะห์ตลาดเกี่ยวกับบุคลิกของบริษัทและสร้างแนวคิดในการออกแบบแล้ว ขั้นถัดไปคือการสร้างงาน โดยการสร้างงาน ยกตัวอย่างเช่น โลโก้นั้น ขั้นแรกเราอาจร่างแบบก่อน แล้วนำไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าโลโก้ของเรานั้นสื่อสิ่งที่ต้องการได้ดีที่สุด 

การ Sketch Logo ด้วยดินสอ และปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้โลโก้ของเราสื่อสารได้ดีที่สุด

หลังจากนั้นเราจึงมาเลือกธีมสีที่จะใช้ช่วยสื่อความรู้สึก เพราะสีนั้นส่งผลต่อการสร้างความรู้สึกอย่างมาก การใช้สีที่เหมาะสมจึงช่วยในการสื่อความรู้สึกถึงลูกค้า

โดยเราจะเห็นได้ว่าแต่ละสีสื่อความรู้สึกไม่เหมือนกัน เช่น

  • สีแดง ช่วยสร้างอารมณ์ร้อนแรง ความสนุก ตื่นเต้น ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร แบรนด์ที่ใช้สีแดง เช่น Coca-Cola, Netflix, Kellogg’s, Lego
  • สีฟ้า สื่อถึงความนิ่งสงบ ความเยือกเย็น หรือความมั่นคง แบรนด์ที่ใช้สีฟ้า เช่น Facebook, Pepsi, Dell
  • สีเขียว บ่งบอกถึงความสมบูรณ์ สุขภาพ ความสงบ ธรรมชาติ เป็นสีที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เข้าถึงง่าย แบรนด์ที่ใช้สีเขียว เช่น Spotify, Joox 

ดังนั้นหากเราเลือกได้เหมาะสมแล้วธีมสีจะใช้สื่อบุคลิกของแบรนด์ได้ดี ทำให้ลูกค้าสัมผัสความรู้สึกที่เราจะสื่อง่ายขึ้น และทำให้ Branding ประสบความสำเร็จ

สร้าง Guideline ในการออกแบบชิ้นต่อไป

หลังจากที่เราทำการวิเคราะห์ ออกแบบ สร้างงานแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือจัดทำ Guideline ในการออกแบบสิ่งอื่น ๆ เพื่อให้ทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกันนั่นเอง หากเราออกแบบคนละทิศละทาง เช่นโลโก้อาจให้ความรู้สึกคลาสสิกแก่ลูกค้า แต่ผลิตภัณฑ์กลับให้ความรู้สึกสมัยใหม่ จะทำให้การ Branding (อัตลักษณ์) ของแบรนด์นั้นไม่ประสบผลสำเร็จ และสิ่งที่ทำมาก็ถือว่าสูญเปล่า

ตัวอย่าง Brand Guideline ในการออกแบบชิ้นถัดไป ซึ่งจะกำหนดธีมสี การใช้อักษรไว้แล้ว ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ชิ้นถัดไปไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้สื่อความรู้สึกไปถึงลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และช่วยสร้างเอกลักษณ์ด้วย

สิ่งที่เราได้อ่านไปนั้นเป็นเพียงแนวทางหนึ่งในการทำ Branding ให้ประสบความสำเร็จจากการสร้าง Brand Identity อย่างเช่น ออกแบบโลโก้ให้ลูกค้าเข้าใจง่าย ดูแล้วรู้ทันทีว่าเราขายอะไร เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ให้ผลดีเทียบเท่า Brand Identity และบริษัทส่วนใหญ่มักจะทำคู่กัน นั่นก็คือการเล่าเรื่องราวหรือที่มาของแบรนด์

เล่า Story ให้ลูกค้าอิน

สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัปแล้ว คิดว่ามีไม่น้อยที่สร้างผลิตภัณฑ์มาเพื่อตอบสนองความต้องการหรือแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ ดังนั้นการเล่าเรื่องราวถึงที่มานั้นช่วยให้ลูกค้ารู้เป้าหมายและจุดประสงค์ของเรา รวมทั้งสื่อ Passion ที่เรามีไปสู่ลูกค้าด้วย ซึ่งจะช่วยให้การสร้าง Branding ในเรื่องของการสื่อถึงลูกค้าว่าเราขายอะไร มีความโดดเด่นอย่างไร และสื่อความรู้สึกเมื่อใช้งานและประสบการณ์ที่จะได้รับซึ่งคล้ายกับ Brand Identity อีกด้วย

อย่างเช่น IKEA ที่เล่าเรื่องราวและวิสัยทัศน์เพื่อเล่าจุดประสงค์ สิ่งที่ขาย และการสื่อถึงความรู้สึกที่จะให้ผู้คนสร้างชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งคล้ายกับการทำ Brand Identity เพียงแต่ออกมาในรูปแบบของการพิมพ์นั่นเอง

จะเล่าเรื่องอะไรดี

การหาเรื่องที่จะเล่านั้นไม่ยาก ซึ่งอาจเป็นในเรื่องเกี่ยวกับ จุดประสงค์ของเราคืออะไร? บริษัทมีแนวคิดว่าอย่างไร? บริษัทแก้ไขปัญหาอะไร? อย่างไร? หรืออะไรที่ทำให้บริษัทยังทำงานอยู่เสมอ? เป็นต้น

วิธีการเล่าเรื่องนั้นมีสิ่งสำคัญ 3 ส่วน

  • ทำให้เข้าใจง่าย – หากเรื่องที่เล่าออกมานั้นยากที่จะเข้าใจ ก็ย่อมทำให้คนไม่อ่าน ดังนั้นเราจึงต้องตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป หากอยากทำให้เข้าใจง่าย การสื่อสารแต่สิ่งที่จำเป็นหรือเล่าด้วยความกระชับ ก็ยิ่งจะช่วยให้เข้าถึงคนได้หลากหลายขึ้น เป็นต้น
  • ใส่อารมณ์ความรู้สึก – ด้วยตัวละคร บุคลิก ความสนุกตื่นเต้นหรือความเศร้า จะช่วยให้คนอินและคล้อยตาม ให้เขารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่กำลังเล่า
  • เล่าความจริง – การเล่าความจริงนั้นสำคัญที่สุด เพราะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจด้วย แม้บางครั้งอาจจะมีการแต่งเติมบ้างเพื่อให้เรื่องน่าสนใจ แต่ก็ต้องมีเค้าเรื่องเดิม และต้องสอดคล้องกับตัวตนของแบรนด์ด้วย โดยหากแบรนด์มีลักษณะที่ดูสุขุม ก็ไม่ควรเล่าด้วยความสนุกสนาน หรือหากมีความล้มเหลวก็สามารถเล่าได้เช่นเดียวกัน

ตัวอย่างเช่นสตาร์ทอัปชื่อดัง Grab ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นที่จะแก้ไขปัญหาการเรียกรถแท็กซี่ ซึ่ง Grab เล่าว่า Grab นั้นมีลักษณะสินค้าหรือบริการเป็นอย่างไร รวมถึงเล่าเป้าหมายของบริษัทที่อยากทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้น่าอยู่ขึ้น

นอกจากนี้ยังสื่อความรู้สึกถึงลูกค้าด้วย เช่น การเกริ่นนำที่ให้ความรู้สึกเป็นกันเองแก่ลูกค้า ซึ่งคล้ายกับการทำ Brand Identity เพียงแต่ออกมาคนละรูปแบบ แต่ให้ผลลัพธ์ในการสร้าง Branding ให้ประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน

สรุปทั้งหมด

ถ้าอยากให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ การสร้าง Branding ที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด ซึ่งแบรนด์จะต้องนำเสนอสิ่งเหล่านี้ออกมาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ลูกค้าเห็นชัดเจนมากที่สุด เพราะไม่ว่าคุณจะแข่งขันในอุตสาหกรรมไหน ก็คงหนีคู่แข่งไม่พ้นและหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ถ้าคุณสร้าง Branding ได้ชัดเจน คนก็จะจำแบรนด์ของเราได้ ได้เปรียบคู่แข่งในตลาด รวมถึงสร้างฐานลูกค้าได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง

อยากสร้าง Branding ให้เป็นที่รู้จัก สร้างฐานลูกค้า และขยายการเติบโตให้ธุรกิจ ปรึกษา The Growth Master 

สำหรับใครที่กำลังมองหาทีมงานในการสร้าง Branding เพื่อให้แบรนด์มีเอกลักษณ์ โดดเด่นไม่ซ้ำใคร และสร้าง Brand Awareness ท่ามกลางคู่แข่งมากมายได้เป็นอย่างดี

The Growth Master รับสร้าง Branding ออกแบบโลโก้, CI (Corporate Identity), Packaging รวมถึงงาน Design ทุกรูปแบบที่สามารถสะท้อนตัวจนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน แม้ธุรกิจคุณจะเริ่มต้นสร้างแบรนด์จากศูนย์ เราก็สามารถเนรมิตให้คุณได้ทั้งหมดตั้งแต่แรกเริ่ม หรือมีแบรนด์อยู่แล้ว แต่ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้สดใหม่เราก็ช่วยได้

เพราะเรามีทีม Designer มืออาชีพมากประสบการณ์ เชี่ยวชาญด้านการทำ Branding โดยเฉพาะ การันตีด้วย Happy Customer กว่า 100+ เจ้าที่พึงพอใจกับผลงานของเรา อยากได้ Branding โดดเด่นมีเอกลักษณ์ ติดต่อเราเลยตอนนี้ 




ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe

เราช่วยธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนโลกดิจิทัลด้วยการใช้ศาสตร์ Growth, เครื่องมือด้านเทคโนโลยี, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างทีม

ติดตามข้อมูลการตลาด
Growth Hacking ได้เลยทีนี่
มากกว่า 2,000 บริษัทติดตาม The Growth Master ตอนนี้
ไปที่หน้า Subscribe