เว็บไซต์เปรียบเสมือนว่าเป็นหน้าบ้านของธุรกิจที่เอาไว้คอยต้อนรับแขกตลอด 24 ชั่วโมง เพราะถึงแม้ว่าเราจะมีโซเชียลมีเดียหลากหลายช่องทาง แต่สุดท้ายแล้วโซเชียลมีเดียก็อาจไม่ได้มีครบทุกองค์ประกอบที่ตอบโจทย์ครบทุกสิ่งที่ลูกค้าต้องการตามหา
แต่เว็บไซต์นั้นก็มีประเภทหลากหลายแตกต่างกันไปตามแต่ละลักษณะการใช้งาน คุณจึงต้องมีการเลือกใช้เว็บไซต์ให้พอเหมาะสมกับเป้าหมายของธุรกิจด้วย เพราะถ้าออกแบบเว็บไซต์ไม่ถูกประเภทก็อาจทำให้คุณไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วันนี้ The Growth Master เลยจะพาไปดู 9 ประเภทของเว็บไซต์ พร้อมรูปแบบการใช้งาน เพื่อที่ว่าคุณจะได้นำไปใช้ออกแบบเว็บไซต์ของธุรกิจคุณได้อย่างถูกต้อง
ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe
Website กับ Landing Page และ Web Application ต่างกันอย่างไร? Website เว็บไซต์ คือ ชุดหน้าเว็บเพจหลาย ๆ หน้าถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันผ่านทางไฮเปอร์ลิงก์ และต้องเปิดผ่าน Web Browser เท่านั้น ซึ่งหลายคนคงรู้จักกันดีและมีการใช้งานในชีวิตประจำวันทุก ๆ วันอยู่แล้ว โดยทั่วไปเว็บไซต์จะเปิดให้ผู้ใช้งานใช้ได้ฟรี แต่บางเว็บไซต์อาจต้องสมัครสมาชิกและเสียค่าบริการก่อน เพื่อที่จะดูข้อมูลหรือใช้บริการเว็บไซต์นั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น Tech Crunch, The Verge, Bitly, Freepik เป็นต้น
Landing Page Landing Page คือ หน้าเว็บไซต์ที่จัดทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์บางอย่างของธุรกิจ เช่น สร้าง Landing Page เพื่อขายสินค้าหรือบริการนั้น ๆ (Salepage), หน้า Landing Page สำหรับกรอกแบบฟอร์มติดต่อ เป็นต้น
ภาพจาก neilpatel Website กับ Web Application ต่างกันอย่างไร? สำหรับ Web Application แตกต่างจากเว็บไซต์ตรงที่ Web Application เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อให้สามารถใช้ผ่าน Web Browser ได้โดยตรง ซึ่งถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือสามารถใช้งานได้ทั้งรูปแบบแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ เช่น Miro, ClickUp, Netflix, Facebook, LinkedIn เป็นต้น
ภาพจาก clickup รู้จัก 9 ประเภทของเว็บไซต์และรูปแบบการใช้งาน 1. Personal Website Personal Website คือ เว็บไซต์ส่วนบุคคล มักจะเป็นเว็บไซต์รูปแบบแรก ๆ ที่เกิดขึ้นในยุคแรกของ World Wide Web (www) โดยจะมีลักษณะเป็นเหมือนสมุดไดอารี่ มีการใส่ข้อมูลส่วนตัว เล่าเรื่องที่พบเจอมาในแต่ละวัน ถ่ายทอดประสบการณ์ต่าง ๆ รวมถึงแสดงผลงานต่าง ๆ ของตัวเองด้วย ตัวอย่างเช่น Brandon Johnson , Gary Sheng , Quinnton Harris เป็นต้น
2. E-Commerce Website E-Commerce Website คือ เว็บไซต์ที่เอาไว้ซื้อขายสินค้าโดยเฉพาะที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และมีการใช้งานเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งบนเว็บไซต์ก็จะมีข้อมูลรายละเอียดของสินค้า รูปภาพ รวมถึงลูกค้าสามารถกดจ่ายเงินผ่านเว็บไซต์ได้โดยตรงเลย ตัวอย่างเช่น Pomelo, Uniqlo, Adidas, Under Amour เป็นต้น
3. Business Website Business Website คือ เว็บไซต์ธุรกิจที่เน้นการประชาสัมพันธ์ของธุรกิจ หรือนำเสนอข้อมูลที่จำเป็นสำหรับลูกค้า เช่น มีการแนะนำสินค้าหรือบริการ มีการสรุปข้อดี จุดเด่นของสินค้า รวมถึงสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับจากสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ตัวอย่าง Business Website เช่น WIRTUAL, Hubspot, Zapier เป็นต้น
4. Blog Website Blog Website คือ เว็บไซต์ที่เน้นการนำเสนอบทความและเนื้อหาเป็นหลัก โดยบทความส่วนมากจะถูกเรียงลำดับเวลาในการเขียนเอาไว้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ตามเวลาที่ลง
และโดยส่วนมาก Blog Website มักจะมีการใช้ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System: CMS) อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นระบบที่ผู้ใช้งานสามารถจัดการและออกแบบคอนเทนต์ได้อย่างง่ายดาย ทั้งการแก้ไข ปรับเปลี่ยน รูปแบบ Format ต่าง ๆ บน CMS ได้โดยที่ไม่ต้องมีความรู้ด้านเทคนิคหรือการเขียนโปรแกรมแต่อย่างใด
สำหรับตัวอย่าง Blog Website ไม่ต้องไปมองที่ไหนไกลเลย เพราะ The Growth Master ก็เป็นหนึ่งใน Blog Website เหมือนกัน และนอกเหนือจากนี้ก็มี Medium, Mushable, TED Blog เป็นต้น
5. Portfolio Website Portfolio Website คือ เว็บไซต์ที่เอาไว้สร้างและเผยแพร่แฟ้มสะสมงานของผู้ใช้งาน ซึ่งบางครั้งหลายคนก็จะสร้าง Portfolio Website เพื่อเอาไว้สมัครงานอีกด้วย ตัวอย่างเว็บไซต์เช่น Wix, Behance เป็นต้น
6. Membership Website Membership Website คือ เว็บไซต์ที่ให้ผู้ใช้งานสมัครสมาชิกก่อน ถึงจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาข้อมูลเฉพาะในเว็บไซต์นั้น ๆ ได้ เช่น Netflix, Disney+ Hotstar, Onlyfans เป็นต้น
7. Non-profit Website Non-profit Website คือ เว็บไซต์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีนโยบายในการสร้างและช่วยเหลือสังคมเป็นหลัก โดยส่วนมากจะเป็นเว็บไซต์ของหน่วยงาน สมาคม ชมรม มูลนิธิ หรือโครงการต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะทางที่แตกต่างกันไป เช่น พิทักษ์สิ่งแวดล้อม ปกป้องสิทธิมนุษยชน การรณรงค์ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น UNICEF, Heart to Heart, Defenders
8. Information Website Information Website คือ เว็บไซต์ที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลความรู้ที่หลากหลาย หรือการใช้คำจำกัดความในการค้นหา รวมถึงเว็บไซต์ที่เจาะจงให้ข้อมูลในด้านนั้น ๆ โดยเฉพาะ เช่น Wikipedia
9. Online Forum Website Online Forum Website คือ เว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นในการเป็นชุมชนออนไลน์ เพื่อให้มีการพูดคุยหรือปฏิสัมพันธ์กันบนเว็บไซต์ โดยภายใน Online Forum นั้นจะมีการแบ่งแยกย่อยเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ตามความสนใจของแต่ละกลุ่ม เช่น เครื่องสำอางค์ เทคโนโลยี เกมออนไลน์ ทำอาหาร รวมถึงอื่น ๆ ซึ่งถ้าหากยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ Forum Online ในบ้านเรา เช่น Pantip, Dek-d แต่ถ้าเป็นของต่างประเทศ เช่น Reddit เป็นต้น
สิ่งที่ควรให้ความสำคัญในการทำการตลาดบนเว็บไซต์ (Website Marketing) มีอะไรบ้าง? เว็บไซต์ที่ดีไม่ใช่เพียงแค่สวยและใช้งานง่ายเท่านั้น แต่ต้องสามารถทำตามวัตถุประสงค์ให้กับธุรกิจได้ด้วย ในการสร้างเว็บไซต์ออกมาสักเว็บไซต์หนึ่ง ไม่เพียงแต่จะต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับการออกแบบ UX/UI เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการทำการตลาดบนเว็บไซต์ (Website Marketing) ด้วย จึงจะทำให้เว็บไซต์ธุรกิจมีความสมบูรณ์แบบและสามารถบรรลุเป้าหมายของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เช่น การสร้างยอดขาย, การหา Lead, การหาผู้ใช้งาน เป็นต้น ดังนั้นสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญในการทำการตลาดบนเว็บไซต์ มีดังนี้
บริการรับทำเว็บไซต์ จาก The Growth Master ตัวช่วยสำหรับธุรกิจที่ต้องการเว็บไซต์ที่สวยงามและเหมาะสำหรับแบรนด์ของคุณมากที่สุด สำหรับใครที่อยากมีเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพทั้งการออกแบบและการทำการตลาด นอกจากลงมือศึกษาและสร้างออกมาเองแล้ว อีกหนึ่งทางเลือกก็คือ การจ้างผู้เชี่ยวชาญ ด้านเว็บไซต์และด้านการทำการตลาดมาดูแลให้โดยเฉพาะ
The Growth Master เราคือ เอเจนซี่การตลาดครบวงจร ที่มี บริการรับทำเว็บไซต์ ที่ดูแลเว็บไซต์ทั้งการออกแบบและการวางโครงสร้างให้กับลูกค้ามามากกว่า 100 เจ้า เพียงให้เราช่วยคุณเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ คุณจะได้…
เว็บไซต์ที่มีการออกแบบสวยงามและเรียบง่าย ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ เว็บไซต์ที่สามารถเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ ลูกค้าซื้อง่าย จ่ายคล่อง เว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและสร้างการบอกต่อ เว็บไซต์ที่โหลดรวดเร็ว ช่วยให้ลูกค้าไม่หนีไปใช้บริการเจ้าอื่นที่อาจโหลดได้เร็วกว่า ทั้งหมดนี้เราสร้างเว็บไซต์ด้วย Webflow เครื่องมือ No-Code และออกแบบเว็บไซต์จากหลักของ Growth-Driven Design ออกแบบเว็บไซต์ใหม่โดยต่อยอดจากเว็บไซต์ที่มีอยู่ พร้อมเชื่อมกับเทคโนโลยี Automation Software และ Real Time Dashboard ที่ให้ธุรกิจของคุณสามารถเห็นความเคลื่อนไหวของเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา เพื่อเน้นการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจอย่างก้าวกระโดด
และที่สำคัญ เรายังเป็น Webflow Expert เจ้าเดียวในไทยอีกด้วย สำหรับใครที่อยากมีเว็บไซต์ที่ทันสมัย ออกแบบประสบการณ์ได้ดี และมีความลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หรือ Landing Page สามารถ ติดต่อเราได้เลยตอนนี้
สรุปทั้งหมด เมื่อรู้จักประเภทของเว็บไซต์กันแล้ว ก็อย่าลืมนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณ เพื่อที่ว่าเว็บไซต์จะได้ช่วยให้ธุรกิจบรรลุกับเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งด้านยอดขาย, การเผยแพร่ข้อมูล หรือการที่จะได้ Lead มา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเราให้ทำงานได้อย่างราบรื่น พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และกลายเป็นหน้าบ้านที่เปิดต้อนรับลูกค้าแทนคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมงในทุก ๆ วัน :)