สร้างความใกล้ชิดกับผู้ติดตามบน Instagram ด้วยการใช้ Micro Influencer

Micro Influencer คือ ประเภทของ Influencer ที่สามารถสร้างความใกล้ชิดกับผู้ติดตามบน Instagram ได้ดีที่สุด พร้อมพาการทำ Instagram Marketing ของคุณเข้าสู่เส้นชัย

ถ้าพูดถึง Instagram Marketing แล้วอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ของการทำ Instagram Marketing ในปัจจุบันนั่นก็คือ “Influencer” ที่จะเข้ามาช่วยให้ Message ที่คุณต้องการจะสื่อสารถูกสื่อสารออกไปได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจให้กับแบรนด์

โดยเฉพาะในกลุ่ม Micro Influencer หรือเหล่า Influencer ที่มีผู้ติดตามอยู่ในระดับกลาง (10,000 – 50,000 คน) ก็กำลังเป็น Influencer ที่มาแรงและเป็นที่ยอมรับว่าเป็นกลุ่ม Influencer ที่เหมาะสมกับการทำการตลาดบน Instagram ที่สุด

ในบทความนี้ The Growth Master จะขอพานักการตลาดทุกท่านไปศึกษาวิธีการทำการตลาดบน Instagram ให้สร้างความใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นด้วยการใช้ Micro Influencer ตั้งแต่เรื่องการทำความเข้าใจกลุ่ม Micro Influencer ด้วยข้อดี สถิติต่างๆ และเทคนิคการใช้งานพวกเขาให้ธุรกิจของคุณได้ผลประโยชน์มากที่สุด

หากพร้อมแล้วไปเริ่มศึกษาพร้อมกันได้เลยครับ ! (สำหรับใครที่ต้องการศึกษาเรื่อง Influencer Marketing คุณสามารถกดอ่านบทความของเราเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนได้เลย ที่นี่)

Micro Influencer คืออะไรและทำไมต้องเป็นพวกเขา ?

Micro Influencer คือ1 จากใน 5 ของประเภทของ Influencer ทั้งหมด โดยมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมตั้งแต่ 10,000 – 50,000 คน โดย Micro Influencer จะสามารถใช้งานได้ดีและเข้ากับสินค้าและแบรนด์ได้ง่าย เพราะยังไม่มีตัวตนที่ชัดเจนมาก 

โดยจริงๆ แล้วส่วนใหญ่ของกลุ่ม Micro Influencer ก็คือคนธรรมดาแบบเราๆ นี่แหละครับแต่แค่ยังไม่ถึงขั้นที่เป็นคนที่มีชื่อเสียงหรือบุคคลในสังคมเต็มตัวเหมือน Influencer ระดับอื่นๆ แต่อาจจะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะกลุ่ม เช่นสายกีฬา สายความงาม สายดนตรี 

เชื่อว่ามาถึงตรงนี้ นักการตลาดบางท่านอาจจะสงสัยว่า ทั้งที่ผู้ติดตามก็ไม่ได้เยอะถ้าวัดกับ Influencer ในระดับอื่น “แต่ทำไมต้องเป็น Micro Influencer ด้วยล่ะ?” 

สาเหตุก็เพราะว่า Micro Influencer สามารถสร้างความใกล้ชิดกับผู้ติดตามได้ดีมากกว่า Influencer ระดับอื่นครับ ขยายความก็คือผู้ติดตามจะรู้สึกเหมือนเขาก็ยังเป็นเหมือนเพื่อน คนสนิทหรือคนที่อยู่ในระดับเดียวกับเรา มีความชอบที่คล้ายกัน และเข้าถึงง่ายมากกว่า Influencer ในระดับอื่นๆ

โดยข้อมูลอ้างอิงจาก Edelman ได้บอกไว้ว่าการใช้งาน Micro Influencer นี่แหละที่สามารถโน้มน้าวใจผู้บริโภคได้มากถึงร้อยละ 58% เมื่อเปรียบเทียบกับอะไรหลายๆ อย่างแล้วเช่น ค่าใช้จ่าย ผลลัพธ์ที่ได้รับ การใช้งาน Micro Influencer ถือว่าตอบโจทย์การทำ Instagram Marketing ที่สุดแล้วครับ

ภาพจาก Medium

ข้อดีและความแตกต่างระหว่าง Micro Influencer กับ Influencer ระดับอื่นคืออะไร ?

มาถึงหัวข้อนี้ เชื่อว่านักการตลาดทุกท่านน่าจะอยากรู้แล้วว่า ความแตกต่างระหว่าง Micro Influencer กับ Influencer ระดับอื่นคืออะไร ? ผมจะมาอธิบายแบบแยกเป็นข้อๆ ให้ทุกคนได้เห็นภาพตามไปพร้อมกันเลยครับ

- สร้างยอดขายได้มากขึ้น

เป้าหมายหลักของการเลือกใช้ Influencer เข้ามาช่วยในการทำ Instagram Marketing แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นเรื่อง “การสร้างยอดขายให้มากขึ้น” ถูกต้องไหมครับ

ซึ่งบอกเลยครับว่าถ้าคุณและทีมมีการวางแผนในการเลือกใช้งาน Micro Influencer ได้ถูกคน รวมถึงควบคุมการออกแบบ Content ของพวกเขาให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โอกาสในการสร้างยอดขายของสินค้า (Conversion) ที่คุณจะได้รับกลับมาก็จะตัวเลขที่ดีขึ้นนั่นเองครับ

เพราะธรรมชาติของ Micro Influencer เองจะมีความใกล้ชิดและโน้มน้าวใจกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า Influencer ระดับอื่นนั่นเองครับ

ภาพจาก socialmediastrategiessummit

- ได้ Engagement Rate จากกลุ่มเป้าหมายจริงๆ

เมื่ออยู่ในแพลทฟอร์ม Instagram อีกหนึ่งอัตราชี้วัดความสำเร็จของแคมเปญจึงต้องมีชื่อของ Engagement Rate (การมีปฏิสัมพันธ์) เข้ามาด้วย

เพราะถ้าหากวัดกันแค่ Engagement Rate จากการสำรวจของ SocialPubli พบว่า Micro Influencer ได้ยอด Engagement Rate ที่ดีกว่า Macro Influencer (ผู้ติดตามตั้งแต่ 100,000 คนขึ้นไป) มากถึง 7 เท่า 

สาเหตุก็เหมือนข้างต้นเลยครับ เพราะ Micro Influencer สามารถสร้างความใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า หากเทียบระดับ Macro Influencer ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่มีเริ่มมีชื่อเสียง พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายก็จะรู้สึกว่าพวกเขาดูไกลตัวและจับต้องได้ยากเกินไปครับ

- เหมาะสำหรับ Niche Market สื่อสารตรงกลุ่ม

อย่างที่ผมเรียนให้ทราบไปเมื่อหัวข้อที่แล้วครับ ส่วนใหญ่ Micro Influencer จะยังไม่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือต่อให้มีชื่อเสียงก็เป็นบุคคลมีชื่อเสียงอยู่ในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market)

ซึ่งถ้าตัวคุณเป็นแบรนด์ที่ต้องการจะทำการตลาดให้กับสินค้าที่มีความเฉพาะกลุ่มเช่น เครื่องดนตรี อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์ทำเบเกอรี่ ฯลฯ กลุ่ม Micro Influencer นี่แหละครับที่จะตอบโจทย์ความต้องการของคุณทั้งหมด

เพราะพวกเขาจะจับตลาดเฉพาะกลุ่มได้ดีกว่า และกลุ่มเป้าหมายก็จะเชื่อถือพวกเขามากกว่า Influencer ระดับอื่นใน Instagram

ภาพจาก taboolablog

- ใช้งบประมาณไม่เยอะ เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้

อีกหนึ่งข้อดีของ Micro Influencer ที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือเรื่องเรทค่าตัว หรือราคาในการจ้างนั่นเองครับ แม้ว่า Mirco Influencer อาจไม่ใช่ Influencer ที่มีค่าตัวน้อยที่สุด แต่ถ้าให้พูดถึงผลลัพธ์ที่ได้ (Conversion , Engagement , Brand Awareness) Micro Influencer ถือว่าทำได้ดีในระดับที่น่าพอใจ

ในกรณีที่แบรนด์หรือธุรกิจของคุณ เป็นแค่แบรนด์ขนาดเล็กหรือปานกลาง เรื่องการข้ามรุ่นไปจ้าง Influencer ในระดับ Mid -Tier , Macro , Mega คงต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากเกินตัว การเลือกใช้ Micro Influencer ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณครับ

** Influencer แต่ละคนจะมีเรทราคาที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับ การเป็นที่รู้จักและความสามารถในการสร้างสรรค์ Content

- เพิ่มความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์

การเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ (Trust) ถือว่าเป็นอีกเป้าหมายที่เราในฐานะนักการตลาด อยากจะได้รับจากการใช้งาน Influencer อยู่แล้ว

แต่สำหรับการจะทำให้ Micro Influencer ดูมีความน่าเชื่อถือได้นั้นก็ต้องมาจาก Content ที่คุณต้องการให้พวกเขาสร้างสรรค์ประกอบกับ Campaign Story ของคุณต้องทำออกมาสอดคล้องกับ คาแรคเตอร์หรือไลฟ์สไตล์ของ Influencer คนนั้นๆ

เมื่อเวลาที่กลุ่มเป้าหมายได้เห็นโพสต์เหล่านั้นก็จะมีความเชื่อมั่นในสินค้า/บริการมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของคุณเองอีกด้วยครับ

ตัวอย่างแคมเปญจาก Forever21 ที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าว่าต่อให้รูปร่างจะเป็นอย่างไรก็สามารถดูดีได้ ด้วยเสื้อผ้าจากแบรนด์ของ Forever 21

ภาพจาก Meidakix

Tips การใช้งาน Mirco Influencer เพื่อการทำการตลาดบน Instagram อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับนักการตลาดท่านใดที่สนใจอยากเริ่มใช้งาน Mirco Influencer เพื่อการทำการตลาดบน Instagram ในหัวข้อนี้ The Growth Master จะมาแนะนำ Tips ที่จะทำให้คุณสามารถวางแผนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดกันครับ

1. เลือก Influencer ถูกคนมีชัยไปกว่าครึ่ง

การรู้จักเลือก Influencer ให้ถูกคนและเหมาะสมกับแบรนด์ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญของการเริ่มใช้งาน Influencer ทุกระดับครับ นอกจากจำนวนผู้ติดตาม , ยอด Engagement , Lifestyle , Character ที่จะต้องเหมาะสมกับสินค้า/บริการของคุณ ก็ต้องเช็คข้อมูลว่า Influencer คนนั้นเคยมีประวัติเสียหายในการทำงานมาก่อนหรือเปล่า

และที่สำคัญคือคุณต้องตรวจเช็คให้แน่ใจว่า กลุ่มผู้ติดตามของ Influencer คนนั้นเป็น Target Group ที่คุณต้องการจะสื่อสารด้วยหรือเปล่า เพราะหากผู้ติดตาม ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายต่อให้โปรโมทดีแค่ไหน คุณก็มีโอกาสน้อยที่จะได้ลูกค้ากลับมาครับ

ตัวอย่างจาก AlmondBreeze (นมอัลมอนด์) ที่เลือกใช้ Micro Influencer แนวสุขภาพ เพื่อตอกย้ำว่าผลิตภัณฑ์ของเขานอกจากแค่ดื่มแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ในการประกอบอาหารสุขภาพจริงๆ ได้

2. ใช้ฟีเจอร์ IGTV , IG Story ให้เป็นประโยชน์

สำหรับการใช้งาน Micro Influencer ในแพลทฟอร์ม Instagram การที่คุณให้เหล่า Influencer ลงแต่รูป แค่โพสต์เดียวอาจจะได้รับความนิยมน้อยลงแล้วครับ

เพราะในปัจจุบัน Instagram เองก็มีฟีเจอร์ที่เอาไว้ตอบโจทย์ Creator ในหลายๆ รูปแบบเช่น IGTV ที่สามารถลงวิดีโอแบบยาวๆ ได้เลย , IG Story ที่เอาไว้ลงวิดีโอหรือรูปในโหมด Story (มีอายุแค่ 2

4 ชั่วโมง) 

ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ ที่กล่าวไปแน่นอนว่าจะทำให้การสร้าง Content ของเหล่า Influencer มีความน่าสนใจมากกว่าแค่การโพสต์รูปธรรมดา และจะทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นภาพตามได้ง่ายขึ้นด้วยครับ

ภาพจาก SocialSamosa

3. จัดสรรงบประมาณ เพื่อใช้ Micro Influencer ระยะยาว

อย่างที่ผมบอกไปเมื่อหัวข้อที่แล้วครับ ข้อดีของการใช้งาน Micro Influencer คือคุณสามารถประหยัดงบประมาณในการทำการตลาดได้มากกว่า ถ้าเทียบกับการใช้งาน Influencer ในระดับที่สูงกว่า

ลองคิดตามเล่นๆ ครับว่า สมมติคุณมีงบในการจ้าง Influencer อยู่ 100,000 บาท ถ้า Micro Influencer คิดโพสต์ละ 10,000 บาทคุณสามารถใช้งาน Influencer ได้ถึง 10 คนต่อ 1 แคมเปญ แต่ถ้าคุณไปจ้างระดับ Macro Influencer คิดโพสต์ละ 50,000 บาท คุณจะใช้งานได้แค่ 2 คนต่อ 1 แคมเปญเท่านั้น

ถ้าคุณเลือกแบบใช้ Micro Influencer คุณก็ยังสามารถจัดสรรงบประมาณ เพื่อการใช้ในระยะยาวได้ด้วย เช่นมี Influencer 10 คนก็แบ่งให้พวกเขาโพสต์คอนเทนต์แค่อาทิตย์ละ 2 คน แคมเปญของคุณก็จะสามารถ Run ได้ 1 เดือนเต็มๆ โดยไม่สะดุด (Spread Content)

แน่นอนว่าการใช้วิธีดังกล่าวจะทำให้คุณสามารถกระจายคอนเทนต์ไปสู่กลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า และทำให้มีกลุ่มเป้าหมายเห็นสินค้า/บริการของคุณ ผ่านการใช้ Influencer โปรโมตได้มากขึ้นครับ

4. อย่าลืม! วัดผลของการทำงานด้วย

ขั้นตอนสุดท้ายของการใช้งาน Micor Influencer เพื่อการทำ Instagram Marketing นั่นก็คือขั้นตอนการวัดผล ว่าลูกค้าส่วนใหญ่มาจาก Influencer คนไหนกันผ่านการทำ UTM  

ตัวอย่างของแบรนด์ที่ใช้เทคนิคนี้ได้ดีที่สุดก็คือ Daniel Wellington แบรนด์นาฬิกาที่เราต้องล้วนเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง โดย Daniel Wellington ใช้เทคนิคการ Generate Discount Code ที่เป็นชื่อของ Influencer คนนั้นจริงๆ ซึ่งทางแบรนด์เอง จะวัดได้เลยว่า Influerncer คนไหนที่สร้าง Conversion ได้ดีที่สุดจากการใช้ Disount Code ของลูกค้าในแต่ละเดือน ตามภาพตัวอย่าง

ภาพจาก Instagram @meiipsn

สรุปทั้งหมด

สุดท้ายสิ่งสำคัญของการใช้งาน Micro Influencer หรือ Influencer ระดับใดก็ตาม ก็ยังคงเป็นเรื่องของการสำรวจกลุ่มผู้ติดตามของ Influencer แต่ละคน ว่าพวกเขา “ตรง” กับกลุ่มเป้าหมายของคุณตามหาหรือไม่ 

จึงเป็นสาเหตุให้ในปัจจุบันมีธุรกิจที่เป็น Influencer Agency เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งพวกเขาก็จะเข้ามาทำหน้าที่ในการติดต่อและหา Influencer คนที่ตอบโจทย์กับแบรนด์ของคุณมากที่สุด เพื่อทำให้การทำการตลาดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับนักการตลาดท่านใดที่คิดว่าบทความนี้มีประโยชน์กับท่าน ก็อย่าลืมกดไลค์และแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราทีม The Growth Master ด้วยนะครับ :)

Source : buffer , contevo , socialmediastrategies