ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนฟุตบอลหรือไม่ก็ตาม เชื่อว่าต้องได้ยินข่าวเรื่องการย้ายทีมของซุปเปอร์สตาร์วงการฟุตบอลอย่าง ลีโอเนล เมสซี (Lionel Messi) นักเตะผู้เป็นทุกอย่างของทีมชาติอาร์เจนตินา สโมสรบาร์เซโลนา และ Iconic ของโลกฟุตบอลยุคปัจจุบันกันมาบ้าง
โดย ลีโอเนล เมสซี นั้นได้ตกลงย้ายจากสโมสรบาร์เซโลนา ประเทศสเปน สโมสรที่ค้าแข้งมากว่า 21 ปี ไปสู่สโมสรปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) สโมสรชั้นนำของประเทศฝรั่งเศส ด้วยสถิติค่าเหนื่อยอันดับ 1 ของโลก มากกว่า 35 ล้านยูโรต่อปี หลังหักภาษี (ประมาณ 1,360 ล้านบาท)
แม้เรื่องนี้อาจดูเป็นเพียงข่าวการย้ายสโมสรของนักฟุตบอลคนหนึ่ง แต่ในความจริงแล้วเบื้องหลังของเรื่องนี้คือการแข่งขันทางธุรกิจ ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์มหาศาลของทั้งตัวเมสซีเอง และสโมสรใหม่อย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
ทำให้ The Growth Master มองเห็นถึง ‘กรณีศึกษา’ บางอย่างที่จะทำให้ธุรกิจของคุณ ได้ตัวอย่างกลยุทธ์ที่สร้างการเติบโตให้ธุรกิจ จากการย้ายทีมของซุปเปอร์สตาร์โลกฟุตบอลรายนี้ แต่จะมีอะไรบ้าง เราสรุปไว้ให้คุณแล้ว ติดตามต่อได้เลย
RECAP : อธิบายเบื้องหลังดีลสะเทือนโลก สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดตามข่าวมาก่อน
สำหรับใครที่ไม่ได้ตามข่าวนี้ หรือไม่เคยติดตามเรื่องของฟุตบอลมาก่อน เราขอ Recap สรุปให้คุณเข้าใจแบบเร็ว ๆ ให้ก่อน เริ่มจากตัวนักฟุตบอลก่อนอย่าง ‘ลีโอเนล เมสซี’
ลีโอเนล เมสซี วัย 34 ปี เป็นนักฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้า ทีมชาติอาร์เจนตินา ที่โดดเด่นในเรื่องความคล่องตัวและทักษะฟุตบอลที่ไม่มีใครเทียบได้ รวมถึงการยิงประตู จบสกอร์ที่เฉียบขาด จนผู้คนทั่วโลกให้การยอมรับว่า “เมสซีคือนักเตะที่ดีที่สุดในโลก ยุคปัจจุบัน”
เมสซี พิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานมากมาย เขาลงเล่นให้สโมสรบาร์เซโลนาชุดใหญ่กว่า 17 ปีเต็ม (ตั้งแต่ปี 2004) ยิงประตูได้ทั้งหมด 672 ลูก จากการลงเล่นทั้งหมด 778 นัด ประสบความสำเร็จได้แชมป์ทั้งกับสโมสร ทีมชาติ และรางวัลส่วนตัวอีกนับไม่ถ้วน
แต่ที่เด่นที่สุดก็คงเป็นรางวัล FIFA Ballon d'Or หรือลูกบอลทองคำ รางวัลที่จะมอบให้เฉพาะนักฟุตบอลที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในโลกเพียงคนเดียวของแต่ละปี ซึ่งเมสซีคว้ารางวัลนี้ไปถึง 6 ครั้ง ถือเป็นนักฟุตบอลที่ได้รางวัลนี้มากที่สุดในโลก เป็นการการันตีได้ว่า เขานี่แหละคือนักเตะที่ดีที่สุดในโลก
เบื้องหลังของดีลนี้ อธิบายแบบเร็ว ๆ คือเมสซี หมดสัญญากับทีมเก่าอย่างบาร์เซโลนา ในโลกฟุตบอลนั้น นักฟุตบอลก็เหมือนกับพนักงาน และสโมสรเปรียบเหมือนบริษัท ที่มีการเซ็นสัญญาจ้างนักฟุตบอลคนนั้น ๆ ไว้ (แต่จะเป็นสัญญาระยะสั้น 1-5 ปีแล้วแต่ตกลง) เมื่อนักฟุตบอลคนนั้นหมดสัญญา ก็สามารถไปหาสโมสรใหม่ได้เลย ในกรณีที่สโมสรเก่าไม่ต่อสัญญา
ซึ่งทีมที่เห็นโอกาสนี้และคว้าตัว ลีโอเนล เมสซี ไปได้ก็คือสโมสร ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (เรียกสั้น ๆ ว่า PSG) สโมสรชั้นนำจากฝรั่งเศส ทีมที่มีเจ้าของเป็นกลุ่มทุนมหาเศรษฐีจากกาตาร์ ด้วยการยอมทุ่มค่าเหนื่อยหรือเงินเดือนให้กับเมสซี กว่า 120 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้เมสซี กลายเป็นนักฟุตบอลที่มีค่าเหนื่อยมากที่สุดของโลกตอนนี้
ถึงตรงนี้หลายคนน่าจะต้องตะลึงกับตัวเลขค่าเหนื่อยมหาศาลที่เมสซีจะได้รับไป จนอาจเกิดคำถามขึ้นมาว่า มันจะคุ้มหรอ? เพราะในยุค COVID-19 แบบนี้เศรษฐกิจชะลอตัวกันทั้งโลก อีกทั้งการซื้อตั๋วเข้าไปชมฟุตบอลก็ต้องจำกัดจำนวนผู้ชม ไม่เหมือนแต่ก่อน แบบนี้ PSG จะขาดทุนย่อยยับหรือเปล่า
แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ทุกอย่างคือสิ่งที่บอร์ดบริหารของสโมสร PSG วางเกมไว้หมดแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขามองขาดตั้งแต่แรกแล้วว่า การคว้าตัว ลีโอเนล เมสซี นักฟุตบอลอันดับ 1 ของโลกมาสู่ทีม พวกเขาจะประโยชน์ได้อะไรบ้าง
และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ เพียงแค่ไม่กี่วันของการเปิดตัว ลีโอเนล เมสซี เข้าสู่ทีม สโมสร PSG ก็เริ่มได้ประโยชน์มหาศาลกลับคืนสู่ทีมเรียบร้อยแล้ว…
ประโยชน์ที่ PSG ได้รับ หลังจากการประกาศคว้าตัว ลีโอเนล เมสซี เข้าสู่ทีม มีอะไรบ้าง ?
1. ยอดผู้ติดตามใน Social Media ของสโมสรเพิ่มขึ้นหลักล้านต่อวัน
ทันทีที่สโมสรปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) ประกาศคว้าตัว ลีโอเนล เมสซีนั้นแฟนฟุตบอลทั่วโลกต่างพุ่งความสนใจมาที่สโมสร PSG ทันที ทำให้ยอดผู้ติดตาม Instagram Official Account ของสโมสรปารีส แซงต์-แชร์กแมง เพิ่มขึ้นกว่า 4 ล้านคนภายในระยะเวลาแค่ 3 วัน
อ้างอิงจากสถิติของ socialblade.com พบว่าภายในวันที่ 10 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่สโมสร PSG ประกาศคว้าลีโอเนล เมสซีเข้าสู่ทีมอย่างเป็นทางการ แค่วันนั้นวันเดียว Instagram ของ PSG มีผู้ติดตามหน้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 2,200,000 บัญชี
และถ้านับย้อนไปในสัปดาห์นี้ เพียงสัปดาห์เดียว Instagram ของ PSG มียอดผู้ติดตามหน้าใหม่ทางอินสตาแกรมเพิ่มขึ้นเกือบ 5,000,000 บัญชี จนทำให้ยอด Followers รวมทั้งหมดของ Instagram สโมสร PSG ตอนนี้อยู่ที่ 45.8 ล้านบัญชีและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเรื่อย ๆ ทุกวัน (ข้อมูลอัปเดต ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2021)
2. เหรียญคริปโตของสโมสรมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทันที
สโมสร PSG นั้นถือว่าเป็นสโมสรฟุตบอลชั้นนำที่ประสบความสำเร็จเป็นอันดับต้น ๆ ของฝรั่งเศสและเป็นสโมสรมหาอำนาจของฝั่งทวีปยุโรป ดังนั้นไม่แปลกที่พวกเขาผลิตเหรียญคริปโต เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่ตัวสโมสร
โดยเหรียญของสโมสร PSG จะอยู่ในลักษณะของ Fan Token หรือเหรียญที่แฟน ๆ ทั่วไปสามารถซื้อเป็นเจ้าของได้ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจอยู่ที่ ในวันที่สโมสร PSG ประกาศคว้าตัวเมสซีมาได้แล้ว วันนั้นวันเดียวเหรียญคริปโตของ PSG มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ 70% โดยราคาขยับจาก $29 ไปสูงสุดมากกว่า $61.5 (ล่าสุดลดลงเล็กน้อยเหลือ 42$ - ข้อมูล ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2021)
มีแฟนบอลและนักลงทุนแห่ไปซื้อเหรียญกันเป็นจำนวนมาก ดันให้มูลค่าตลาด (Market Cap) โตขึ้นกว่า 155% ภายในระยะเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ยิ่งทำให้สโมสร PSG โกยรายได้ไปมหาศาล จากตลาดเหรียญคริปโต นอกจากนั้นสโมสรยังพร้อมมอบค่าเหนื่อยให้กับเมสซี ด้วยการให้เป็นสินทรัพย์เหรียญ PSG Fan Token เพิ่มเติมด้วยในอนาคต หากเหรียญของ PSG ยังมีมูลค่าสูงแบบนี้ต่อไป
3. สร้างยอดขายเสื้อบอลและของที่ระลึกมากสุดเป็นประวัติศาสตร์
อีกหนึ่งของสะสมที่แฟนบอลทั่วโลกต่างตั้งตารอก็คือ “เสื้อบอลของเมสซี่กับทีมใหม่” ซึ่งเดิมทีนั้นสโมสร PSG นั้นก็มีรายได้มหาศาลจากการขายเสื้อบอลอยู่แล้ว เพราะสโมสร PSG ก็เต็มไปด้วยนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ เช่น เนย์มาร์ เพลย์เมคเกอร์ชาวบราซิล หรือ คิลิยัน เอ็มบับเป้ ตัวรุกดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลกทีมชาติฝรั่งเศส
แต่หลังจากที่เมสซี ย้ายเข้ามาสู่ทีม เสื้อบอลที่สกรีนชื่อว่า MESSI กลับเป็นสิ่งที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ภายในวันเดียวหลังเปิดจำหน่าย PSG โกยรายได้เฉพาะแค่ค่าเสื้อบอลของเมสซีไปมากถึง 76.6 ล้านยูโร หรือเกือบ 3 พันล้านบาททั้งหน้าร้านและออนไลน์ จำหน่ายหมดทั้ง 832,000 ตัว
ซึ่งรายได้มหาศาลระดับนี้ทำให้สโมสร PSG จารึกชื่อว่าเป็นสโมสรที่สร้างยอดขายจากการจำหน่ายเสื้อฟุตบอล ของนักเตะเพียงคนเดียวได้มากที่สุดในโลก แซงหน้าคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตอนย้ายจากสโมสร เรอัล มาดริด ไปยังสโมสร ยูเวนตุส อีกด้วย (ของโรนัลโด้มียอดจำหน่ายเสื้อบอลวันแรกได้เพียง 520,000 ตัว)
4. กระตุ้นผู้ชม ให้กลับมาชมฟุตบอลที่สนาม และประโยชน์อื่น ๆ ในอนาคต
จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลกมาเกือบ 2 ปี ฟุตบอลและธุรกิจกีฬาทุกประเภทก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ได้รับผลกระทบ ฟุตบอลต้องแข่งขันกันแบบไร้ผู้ชมมาโดยตลอด ตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัส
ซึ่งในปัจจุบันสโมสรฟุตบอลโซนยุโรปบางประเทศ ก็เริ่มกลับมาอนุญาตให้ผู้ชมเข้ามาชมการแข่งขันสนามได้แล้ว (แต่จะมีการจำกัดจำนวนและเว้นระยะห่าง) และการที่ PSG ได้ตัวลิโอเนล เมสซี่ มาก็คือแม่เหล็กชั้นดี ที่จะดึงดูดแฟนฟุตบอลในฝรั่งเศสและแฟนฟุตบอลทั่วโลกให้ได้มีโอกาสได้เห็นลีลาอันแพรวพราวของเมสซี ด้วยตาเปล่าสักครั้งในชีวิต
รวมถึงประโยชน์อื่น ๆ ในอนาคตอีกมากมายเช่น เงินส่วนแบ่งจากพรีเซนเตอร์สินค้า, รายได้จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่จะเพิ่มขึ้น (เพราะเมสซีเป็นขวัญใจแฟนบอลทั่วโลก) รวมถึงการนำความสามารถเมสซี มาช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในระดับทวีปและระดับโลกต่อไป
ถอดบทเรียนจากกรณีศึกษา อะไรคือบทเรียนที่ธุรกิจของคุณจะใช้สร้างการเติบโตได้ ?
แม้จะเป็นเพียงแค่ข่าวการย้ายทีมของนักฟุตบอลชื่อดังคนหนึ่ง แต่ธุรกิจของคุณสามารถเอาตัวอย่างกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นนี้ ไปใช้เป็นกลยุทธ์สร้างการเติบโตสู่ธุรกิจได้จริง นั่นก็คือเรื่องของการ ยอมทุ่มงบจำนวนมากเพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจตัวเองอย่างรวดเร็ว
จะขออธิบายจากตัวอย่างที่ทุกคนเห็นภาพตามได้ง่าย ด้วยกลยุทธ์ Influencer Marketing อย่างที่เราทราบว่า Tier หรือระดับของ Influencer ก็จะแตกต่างกันไปตามจำนวนผู้ติดตาม ซึ่งแน่นอนว่า Tier ที่สูงสุดอย่าง Mega Influencer ที่มียอดผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน จะต้องใช้จำนวน Budget หรือค่าใช้จ่ายในการจ้างมากที่สุด แถมส่วนใหญ่ Influencer ระดับนี้จะหนักไปทางดารา นักแสดง เกือบทั้งหมด
ทำให้หลายแบรนด์มักมองว่าการใช้งาน Mega Influencer เป็นอะไรที่สิ้นเปลืองงบประมาณ เสียมากกว่าได้ แต่ในความจริงก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะถ้าหากธุรกิจเลือก Mega Influencer คนที่เหมาะสม มีคาแรคเตอร์ที่เข้ากับแบรนด์จริง ๆ แม้จะต้องยอมจ่ายเงินมากหน่อย แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่จะทำให้คุณได้ยอดขาย ได้รายได้กลับมาสู่ธุรกิจอย่างมหาศาล เหมือนกับที่สโมสร PSG ยอมจ่ายค่าเหนื่อยปีละกว่าพัน ๆ ล้าน เพื่อการคว้าตัวลิโอเนล เมสซีเข้ามาสู่ทีม แต่เพียงแค่สัปดาห์เดียว PSG ก็เหมือนจะเริ่มมองเห็นช่องทางสร้างกำไรได้แล้ว
รวมถึงในสเกลที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยอย่างการเข้าซื้อกิจการ (Acquisitions) ที่เรามักจะเห็นอยู่บ่อยครั้งสำหรับธุรกิจเทคโนโลยี เช่น Salesforce ซื้อกิจการ Slack, Box ซื้อกิจการ Sign Request และอื่น ๆ ก็เป็นการที่บริษัทหนึ่งยอมทุ่มเงินจำนวนมหาศาล เพราะเล็งเห็นแล้วว่าบริษัทที่ตนเองกำลังจะเข้าไปซื้อนั้น สามารถเอามาเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจตัวเองได้
อย่าง Salesforce ที่เป็นซอฟต์แวร์ด้านระบบ CRM และงานอื่น ๆ เช่น งานขาย งานบริการลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล ฯลฯ จะเห็นได้ว่าทั้งหมดจะเป็นงานที่ต้องทำในองค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ Salesforce ขาดอยู่ก็คือความสามารถในการสื่อสารภายในองค์กร ซึ่งพวกเขาไม่มองถึงการสร้างใหม่ แต่ยอมจ่ายเงินกว่า 27.7 ล้านดอลลาร์เพื่อเข้าซื้อ Slack ซอฟต์แวร์ด้านการสื่อสารภายในองค์กร
เพราะ Salesforce มองว่า Slack นั้นมีทุกอย่างที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ และ Slack เองก็มองว่าการรวมกันในครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางที่เขาจะสร้างการเติบโตได้มากขึ้นเช่นกัน ได้ผลประโยชน์กันทั้งคู่
ก็คล้ายกับกรณีของ ลีโอเนล เมสซี่ ที่เราได้นำเสนอเพราะจริงอยู่ว่า PSG สโมสรยอมทุ่มเงินคว้าตัวเมสซี่ เพื่อผลประโยชน์ แต่ฝั่งของเมสซี่เองก็ได้ผลประโยชน์ในเรื่องค่าเหนื่อยที่ได้รับมากกว่าสมัยตอนที่อยู่สโมสรบาร์เซโลนาหลายเท่าและได้สัมผัสความท้าทายครั้งใหม่หลังจากที่รับใช้สโมสรเดิมมากว่า 21 ปี
สรุปทั้งหมด
จริงอยู่ว่าในการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจนั้น การควบคุมงบประมาณให้เสียน้อยที่สุดก็เป็นเรื่องดี แต่การที่คุณยอมลงทุนกับอะไรบางอย่างด้วยเงินจำนวนมาก ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นประโยชน์มหาศาลกลับคืนสู่ธุรกิจคุณได้เช่นกัน
และต้องอย่าลืมว่าสิ่งที่สโมสร PSG ได้รับไปหลังจากคว้าตัว ลีโอเนล เมสซี ทั้งหมดนี้คือเวลาไม่ถึง1 สัปดาห์ด้วยซ้ำ ต้องตามดูกันต่อไปยาว ๆ ว่าต่อจากนี้กราฟการเติบโตของสโมสร PSG และลีโอเนล เมสซี จะพุ่งขึ้นอีกมากแค่ไหน เมสซีจะสร้างความสำเร็จให้พวกเขาได้หรือไม่ ไม่นานเกินรอ มีคำตอบแน่นอน