เริ่มต้นเดือนที่ 2 ของปียังไม่ถึงสัปดาห์วงการซอฟต์แวร์ก็มีข่าวใหญ่ให้พูดถึงกันอีกแล้ว เมื่อ Box ผู้ให้บริการด้านระบบ Cloud Storage ชื่อดังประกาศจะซื้อกิจการของ SignRequest บริษัทที่ให้บริการในด้านระบบลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) ผ่านระบบคลาวด์ ที่ให้คุณเซ็นเอกสารแบบออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา
ด้วยดีลนี้ Box ต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าฮุบกิจการของ SignRequest ด้วยจำนวนเงินถึง 55 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางความสงสัยของทุกคนว่า Box คิดอะไรอยู่ถึงเลือกซื้อกิจการซอฟต์แวร์ที่มีจุดเด่นแค่ การเซ็นเอกสารออนไลน์อย่าง SignRequest ในครั้งนี้
ซึ่งทาง Box ก็ได้ออกมาเฉลยแล้วว่าพวกเขาต้องการจะเริ่มพัฒนาระบบลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) บนแพลตฟอร์มของพวกเขาเอง การเลือก SignRequest เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Box ถือว่าตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่ดีลในครั้งนี้ Box ต้องการแค่นั้นจริงหรือ แล้วในฐานะผู้ใช้งานเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรวมกิจการของ Box และ SignRequest ในครั้งนี้ ไปติดตามต่อได้ในบทความ
มารู้จักตัวละครอย่าง Box และ SignRequest ให้มากขึ้นกันก่อน
Box คือซอฟต์แวร์ที่ให้บริการในด้านการฝากและแชร์ไฟล์ (Cloud Storage, File Hosting) จากอเมริกา ก่อตั้งขึ้นโดย Aaron Levie เริ่มให้บริการครั้งแรกในปี 2005 โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของ Box จะมีทั้งบุคคลทั่วไปและองค์กร สามารถใช้งานได้ทั้งบน Web Browser และ Application
โดย Box จะมีพื้นที่เริ่มต้นให้ใช้งานฟรี ๆ สำหรับการใช้งานส่วนบุคคลได้ถึง 10 GB รองรับไฟล์ขนาดใหญ่สุดเต็มที่ไม่เกิน 250 MB และสามารถอัพเกรดเป็นรูปแบบ Personal Pro เพิ่มพื้นที่จัดเก็บเป็น 100 GB รองรับไฟล์ได้ใหญ่สุด 5 GB เพียงเพิ่มเงินราว 345 ต่อเดือน
ส่วนการใช้งานสำหรับองค์กร Box ก็จะมีราคาเริ่มต้นของแพคเกจ Business Starter อยู่ที่ 5 USD / เดือน (ราว 150 บาท) ไปจนถึงแพคเกจ Enterprise ที่มีราคาแพงที่สุด แต่ก็ได้ออฟชันครบแบบจัดเต็มอยู่ที่ 35 USD/เดือน (ราว 1,050 บาท)
ปัจจุบัน Box มีผู้ใช้งานอยู่ที่ประมาณ 41 ล้านคนจากทั่วโลกและมีผู้ใช้งานแบบ Paid Accounts กับ Box อยู่ที่ประมาณ 13.2 ล้านคน โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา Box ก็ถือเป็นซอฟต์แวร์ที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในแพลตฟอร์มอยู่ตลอดรวมถึงการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น Box Drive ซึ่งเป็นบริการที่ Box คิดค้นและให้บริการในปี 2017 ที่สามารถให้คุณเข้าถึงไฟล์ที่เก็บอยู่บน Cloud ผ่านหน้าเดสก์ทอป ทำให้องค์กรทำงานได้รวดเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเข้าแอป เข้าเว็บ รวมถึงถ้าอยากดูไฟล์อะไรก็ไม่จำเป็นต้องมาโหลดเก็บไว้ในเครื่องก่อน (จริง ๆ ก็คล้ายกับ OneDrive ในปัจจุบัน)
และนอกจากนั้น Box ยังพัฒนาส่วนขยายเพิ่มเติมที่ทำให้การใช้งานบนแพลตฟอร์มง่ายขึ้นเช่น Box Tools (เครื่องมือในการ Edit ข้อมูลในเอกสารออนไลน์), Box Note (จดโน้ตออนไลน์) เพื่อความสะดวกของผู้ใช้งานอีกด้วย
ตัดมาที่อีกหนึ่งตัวละครอย่าง SignRequest ก็มีโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน โดย SignRequest นั้นก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2014 เป็นซอฟต์แวร์ผู้ให้บริการด้านการเซ็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) จากประเทศเนเธอร์แลนด์
ซึ่ง SignRequest จะสร้างประโยชน์สำหรับองค์กรที่ต้องมีการส่งเอกสารไปให้ผู้เกี่ยวข้องหรือผู้มีอำนาจเซ็นอนุมัติแบบออนไลน์, ให้ทีมขายสามารถปิดดีลลูกค้าสำคัญได้เร็วขึ้น รวมไปถึงการทำงานราชการ หรือรัฐบาลมีความสะดวกมากขึ้น
สำหรับแพคเกจราคาของ SignRequest ก็มีด้วยกันอยู่แค่ 3 ออฟชันเท่านั้นคือ แบบฟรี (เซ็นลายเซ็นได้ 10 ครั้งต่อเดือน) , แบบ Professional 7ยูโร/เดือน (ราว 250 บาท) และแบบ Business ในราคา 12 ยูโร/เดือน (ราว 430 บาท)
นอกจากนั้นจุดเด่นอีกอย่างของ SignRequest คือเรื่องของ “ความปลอดภัย” เพราะอย่างที่เราทราบกันครับว่าเอกสารบางชิ้นอาจเป็น “เอกสารลับ” หรือมีข้อเสนออะไรบางอย่าง ที่คุณกลัวว่าเมื่อเซ็นเอกสารผ่านช่องทางออนไลน์ ข้อมูลในเอกสารนั้นจะหลุดหรือมีคนอื่นรับรู้ไหม
แต่คำตอบคือ “ไม่มีครับ” เพราะทางในแพลตฟอร์ม SignRequest มีการเข้ารหัสแบบ End To End ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยแบบเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง จะไม่มีการแฮ็กหรือล้วงข้อมูลจากบุคคลอื่นได้แน่นอน (เป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ Zoom เลือกใช้งานด้วย)
และ SignRequest ก็ถือเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ตัวอื่น ๆ ได้ในการเซ็นเอกสารออนไลน์ได้ด้วย โดยซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้ SignRequest เซ็นเอกสารบนแพลตฟอร์มได้ก็มีตั้งแต่ Salesforce , Google Workspace , Zapier , Slack , TopDesk , JuliDoc และอื่น ๆ เรียกได้ว่า SignRequest ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง Automation Software ที่เราคุ้นเคยมาโดยตลอดนั่นเอง
ปัจจุบัน SignRequest มีผู้บริการที่นับเฉพาะใช้งานบนแพลตฟอร์มของตัวเอง อยู่ที่ประมาณ 500,000 คนทั่วโลก และถือเป็นซอฟต์แวร์ด้าน e-Signature ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ทำไม Box ถึงต้องการซื้อกิจการของ SignRequest และเบื้องหลังดีลนี้ Box วางแผนในอนาคตอย่างไร ?
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ Box ก็จัดข่าวใหญ่มาเสิร์ฟทันทีด้วยการประกาศว่าพวกเขาได้ซื้อกิจการของ SignRequest ไปแล้วเรียบร้อย มีการขึ้น Acquires Message ของทั้ง 2 เว็บแล้ว ซึ่งมูลค่าของดีลนี้ Box ต้องจ่ายให้ SignRequest เป็นจำนวนเงินถึง 55 ล้านดอลลาร์ หรือตีเป็นเงินไทยราว 1,650 ล้านบาท (ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าจ่ายเป็นเงินสดหรือหุ้น)
โดย Box ผู้ซื้อกิจการได้กล่าวว่านี่คือ 1 ในแผนการสร้างการเติบโตให้กับผลิตภัณฑ์ของพวกเขา เพราะอย่างที่ทุกคนทราบว่า ด้วยสถานการณ์โควิด-19 การจะไปพบเจอกันเพื่อเซ็นเอกสารสำคัญทางธุรกิจต่าง ๆ กลายเป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถทำได้ ทำให้เราทุกคนมีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาเรื่องของระบบการแชร์ไฟล์ออนไลน์
แต่ Box เองก็ยังขาดส่วนต่อขยายที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวกในการเซ็นเอกสารต่าง ๆ ได้ในแพลตฟอร์ม SignRequest เลยกลายเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ที่ Box ต้องการตัวเพื่อมาพัฒนารูปแบบของการใช้งานบนแพลตฟอร์มตนเองต่อไปในอนาคต
ซึ่งการรวมกันของ Box และ SignRequest ในครั้งนี้ก็ไม่ปล่อยให้เราต้องติดตามเลยว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม เพราะ Box ได้เผยลักษณะฟีเจอร์ตัวใหม่อย่าง BoxSign ออกมาทันที โดย BoxSign ก็คือฟีเจอร์ที่จะทำให้คุณสามารถเซ็นลายเซ็น ลงในเอกสารที่เปิดผ่าน Box ได้เลย ไม่ต้องเซฟแล้วเอาไปเซ็นที่อื่น แล้วกลับมาอัปโหลดใส่ Box ใหม่ ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน Workflow ในองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับฟีเจอร์ BoxSign แม้จะปล่อยรูปแบบการทำงานออกมาแล้ว มีตัวอย่างออกมาให้ดูแล้ว แต่คาดการณ์ว่า Box จะเริ่มให้ใช้ฟีเจอร์นี้ได้อย่างเต็มระบบได้ประมาณเดือนเมษายน
แต่อย่างไรก็ตามสื่ออย่าง VentureBeat ก็ได้ออกมาเผยอีกว่าอีกสาเหตุที่ Box ซื้อกิจการ SignRequest ในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะเริ่มเปิดศึกกับคู่แข่งแฝดคนละฝาอย่าง Dropbox ซอฟต์แวร์ที่ให้บริการในลักษณะ Cloud Storage เหมือนกัน
เพราะตอนปี 2019 Dropbox ได้ซื้อกิจการของ Hellosign สตาร์ทอัพที่ให้บริการเซ็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) ไปก่อนแล้ว ด้วยมูลค่า 230 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำเอาระบบการเซ็นเอกสารของ Hellosign มาใช้ในแพลตฟอร์มของตัวเองเช่นกัน
โดยการเข้าซื้อกิจการ SignRequest ของ Box ครั้งนี้ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาต้องการที่จะเพิ่มรูปแบบการใช้งานให้ตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าหลัก (องค์กร) มากขึ้น รวมถึงเป็นการแข่งขันทางธุรกิจกับคู่แข่งในตลาดหลายเจ้าอีกด้วย
สรุปทั้งหมด
โดยหลังจากนี้แม้ว่า SignRequest จะถูก Box ซื้อกิจการไปแล้วแต่ทาง Box ก็ยังอนุญาตให้ทาง SignRequest ดำเนินกิจการได้ต่อไปซึ่ง แต่ต้องมี Box เป็นผู้ดูแลภาพรวมและขับเคลื่อนศักยภาพของซอฟต์แวร์ให้เติบโตต่อไปในอนาคต
คราวนี้ก็คงต้องมาดูกันแล้วครับว่า Box จะมีอะไรออกมาให้เราได้ตื่นตาตื่นใจกันอีก ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไรที่สำคัญ The Growth Master จะรีบมานำเสนอให้คุณทราบทันทีครับ