โดยปกติแล้ว การทำงานของทั้งทีม Sales และทีม Marketing จะทำงานแยกกัน, มีหัวหน้าคนละคน และงานที่ต้องรับผิดชอบต่างกัน ถือว่าเป็นทีมที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ถ้ามาสังเกตดี ๆ แล้ว เป้าหมายของทั้ง 2 ทีมจะมีความเกี่ยวข้องกันอยู่ เพราะ ทั้งทีม Sales และ Marketing ล้วนต้องดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้มาสนใจสินค้าหรือบริการของเรา เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับองค์กรให้ได้มากที่สุด
หลาย ๆ องค์กรเล็งเห็นข้อสังเกตนี้ จึงเกิดความคิดอยากให้ 2 ทีมนี้หันมาทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้สอดคล้องกันมากขึ้น, หันมาวางแผนงานด้วยกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูล จะได้ช่วยพากันไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดยบทความนี้จะรวบรวม 3 เทคนิค จากการเปิดเผยของ Business Review สื่อด้านธุรกิจที่จะช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตขึ้นไปอีกระดับ เทคนิคเหล่านี้จะช่วยหล่อหลอมให้ทีม Sales และทีม Marketing ทำงานด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเกิดกำไรสูงสุด โดยลดการสูญเสียทรัพยากรองค์กรอย่างเปล่าประโยชน์
3 เทคนิค รวมทีม Sales และ Marketing ให้เป็นหนึ่งที่องค์กรสมัยใหม่ต้องรู้ มีอะไรบ้าง ?
1. กำหนดเป้าหมายร่วมกัน
หัวหน้าทีมต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ทุกคนจะได้เข้าใจว่าควรทำงานกันไปในทิศทางไหน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน เช่น องค์กรกำหนดเป้าหมายว่าต้องเปิดตัวสินค้าใหม่ หัวหน้าทีมก็ต้องแจ้งทั้ง 2 ทีมให้เข้าใจอย่างชัดเจน และมั่นใจว่าทั้ง 2 ทีมจะเดินทางไปที่จุดมุ่งหมายเดียวกัน โดยที่ไม่หลงประเด็น
ในหลาย ๆ ครั้ง ถึงแม้ทั้ง 2 ทีมนี้จะทำงานคล้าย ๆ กัน แต่ความคิดพวกเขานั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง เช่น ทีม Marketing ต้องการขายสินค้าราคาสูง ๆ เพื่อให้ได้ส่วนต่างกำไรที่มากกว่า ในทางกลับกัน ทีม Sales อยากขายสินค้าราคาต่ำ เพราะ ขายได้รวดเร็วกว่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ 2 ทีมนี้เกิดความขัดแย้งได้อยู่บ่อยครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วย Phase ธุรกิจที่แตกต่างกัน องค์กรก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกันด้วย เช่น ช่วงนี้คู่แข่งมาก การขายสินค้าให้ได้จำนวนมากจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อที่จะครองตลาดให้ได้มากที่สุด ทั้ง 2 ทีมจึงควรมุ่งไปที่จำนวนการขาย มากกว่ายอดกำไร
นี่จึงเป็นเหตุผล ที่หัวหน้าทีมต้องแจ้งเป้าหมายของการทำงานให้ทั้ง 2 ทีมเข้าใจตรงกัน และแน่ใจว่าทั้ง 2 ทีมจะทำงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน หากหัวหน้าทีมทำเช่นนี้อยู่เสมอ จะช่วยให้ศักยภาพการทำงานของทั้ง 2 ทีมมีการพัฒนา และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น จึงส่งผลให้องค์กรสร้างกำไรได้สูงขึ้น
2. มอบหมายหน้าที่ของแต่ละคนให้ชัดเจน
การที่ทั้ง 2 ทีมทำงานกันแบบต่างคนต่างทำ (หรือที่เรียกว่า Silo) ในปัจจุบันมันเป็นอะไรที่ล้าหลังไปแล้ว เพราะอาจทำให้เกิดงานซ้ำซ้อน และขัดแย้งกันระหว่างทีมได้ ด้วยเหตุนี้เอง หัวหน้าทีมจึงจำเป็นต้องชี้แจงหน้าที่ และแบ่งความรับผิดชอบของทุกคนให้ชัดเจน
โดยหัวหน้าทีมต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย (จากข้อ 1) นั้นมีอะไรบ้าง และสังเกตว่าอะไรคือจุดแข็ง จุดอ่อนของทั้ง 2 ทีม โดยหลังจากที่ทราบข้อมูลเหล่านี้ หัวหน้าทีมจะเห็นแนวทางแล้วว่า ใครเหมาะกับหน้าที่อะไร และมอบหมายงานให้กับคนที่เหมาะสมได้
การทำแบบนี้จะสร้างบรรยากาศของการทำงานเป็นทีม ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง รวมถึงเป็นแรงผลักดันให้แต่ละคนมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะ มีงานของตัวเองที่ถูกกำหนดอย่างชัดเจน
อีกทั้งยังช่วยให้ง่ายต่อการเช็กความคืบหน้าของงาน แล้วถ้าจุดไหนเกิดปัญหา ก็สามารถให้เพื่อนร่วมทีมมาช่วยระดมความคิดเพื่อแก้ปัญหานั้น ๆ ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ การนำเครื่องมือด้าน Task Management (การจัดการทำงาน) มาประยุกต์ใช้ในขั้นตอนนี้ จะช่วยรู้ว่าทีมแต่ละคนกำลังทำอะไรอยู่ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน รวมถึงสามารถติดตามภาระงานของทีมแต่ละคนว่าหนักเกินไปหรือไม่ ซึ่ง ClickUp ก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่น่าสนใจ ที่จะมาช่วยจัดระเบียบ และเช็กความคืบหน้าของงานให้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : ClickUp แอปที่ช่วยจัดระเบียบการทำงานให้คุณมีเวลาเพิ่มขึ้นอีก 20%
3. พูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอ
การไม่สื่อสารกัน เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทีม Sales และทีม Marketing ทำงานไม่สอดคล้องกัน ดังนั้น การหันมาแชร์ข้อมูลกันเป็นประจำ จึงเป็นปัจจัยที่จะรวมทั้ง 2 ทีมให้ทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์
หัวหน้าทีมควรจัดการประชุมอยู่เป็นประจำ เพื่อให้ทั้ง 2 ทีมได้อัปเดตข้อมูลซึ่งกันและกันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น
- Stand-up Meeting : ในช่วงเช้าของทุกวัน ให้ทุกคนแลกเปลี่ยนข้อมูลกันว่า วันนี้ใครกำลังทำงานส่วนไหนอยู่ จะได้ทราบถึงความคืบหน้าของงาน
- Review Meeting : ในช่วงเย็นก่อนเลิกงาน ระดมทุกคนให้มาช่วยเช็กงานของเพื่อนร่วมทีม เพื่อหาจุดบกพร่อง และร่วมแก้ไขไปด้วยกัน รวมถึงแนะนำกันว่างานจะพัฒนาต่อไปได้อย่างไรบ้าง
- Friday’s Meeting : ในช่วงเย็นวันศุกร์ จัดการประชุมเพื่อสรุปผลงานของสัปดาห์นี้ และแจ้งว่าสัปดาห์หน้าจะดำเนินงานอะไรต่อไปบ้าง
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม Ice Breaking ให้ทีมมาทำกิจกรรมร่วมกัน จะได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น ถือเป็นการเชื่อมปฏิสัมพันธ์ของทั้ง 2 ทีม ทำให้เพิ่มความแน่นแฟ้นและสร้างทีมเวิร์คที่ดี เพราะยิ่งสนิทกัน ก็จะยิ่งกล้าแชร์ความคิดเห็นต่าง ๆ กล้าพูดว่าอะไรคือจุดบกพร่อง ทำให้ผลลัพธ์ของงานออกมาดีกว่าการแยกกันทำ
แต่ในช่วงการระบาดของ Covid-19 ทำให้องค์กรส่วนใหญ่มีนโยบายให้พนักงานทุกคน Work From Home ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับการระดมไอเดียต่าง ๆ ในหลายองค์กร แต่ก็ไม่ใช่ว่าการระดมไอเดียจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย เพราะในปัจจุบันมีเครื่องมือเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยลดช่องว่างนั้นไป อย่างเช่น Miro ที่เป็นซอฟต์แวร์ Online Whiteboard มาเป็นตัวช่วยให้ทุกคนแชร์ไอเดียผ่าน Online Platform เหมือนเอากระดานมาวางไว้กลางห้องเลย ซึ่งเราก็มีบทความรีวิว Miro ให้คุณศึกษาเพิ่มเติมได้ สามารถอ่านต่อได้ที่บทความนี้เลย >>> Miro – Online Whiteboard ที่จะช่วยให้บริษัทของคุณครีเอทีฟได้อีก
สรุปบทความ
การรวมตัวของทีม Sales และทีม Marketing จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรมากเลยทีเดียว เพราะ เมื่อทุกคนรวมตัวเป็นทีมเดียวกันแล้ว และร่วมกันเดินหน้าไปสู่เป้าหมายของธุรกิจที่กำลังดำเนินไปในแต่ละ Phase ก็จะช่วยให้ทั้ง 2 ทีม สามารถทำการตลาดได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้องค์กรเดินหน้าได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และเกิดการเติบโตในที่สุด
แต่อย่าลืมว่า การสื่อสารถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาทั้ง 2 ทีม ให้ทำงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี รวมถึงสร้างการทำงานเป็นทีม โดยหมั่นแลกเปลี่ยนความคิด และเช็กงานกันอยู่เสมอ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาร่วมใน Process การทำงาน ก็จะช่วยสำเร็จงานได้เร็วขึ้น และลดจุดบกพร่องของงานซ้ำซ้อนได้เช่นกัน
สำหรับองค์กรใดที่กำลังมีปัญหาเรื่องการตลาด หรือดึงดูดลูกค้าเป้าหมายไม่ได้สักที The Growth Master อยากแนะนำให้คุณลองเอาเทคนิคเหล่านี้จาก Business Review ไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจของคุณดู แล้วนี่จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ ที่จะช่วยให้คุณโดดเด่นจากคู่แข่ง และเสริมสร้างให้ธุรกิจของคุณเติบโตยิ่ง ๆ ขึ้นไป