The Growth Master Team
The Growth Master Team ผู้รักในการเรียนรู้ หลงใหลในเทคโนโลยี และแฮปปี้กับการเติบโต
นักเขียน
งานเข้าเยอะๆ ใครบ้างไม่ปวดหัว!? เหล่ามนุษย์งานเยอะทั้งหลาย คงเข้าใจกันดีใช่ไหมคะ ว่าการที่มีงานล้นมือ และกระจัดกระจายอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง แพลตฟอร์มนู้นบ้าง โฟลเดอร์นี้บ้าง มันทำให้ชีวิตเรายุ่งเหยิงแค่ไหน ดังนั้น สิ่งที่จะเข้ามาช่วยจัดการ ให้ระบบการทำงานเป็นระเบียบมากขึ้น คงหนีไม่พ้น Productivity software ที่หลายๆคนคงคุ้นหูกัน เพราะเป็นที่แพร่หลายทั้งในไทยและต่างประเทศ
โดยวันนี้ เราจะมารีวิวซอฟต์แวร์ ClickUp ที่เรียกว่าเป็น Task Management Software น้องใหม่ของสายจัดการ บอกเลยว่าน้องคนนี้ ทั้งใหม่และไฉไลไม่น้อยหน้าซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานตัวก่อนๆเลย เพราะเค้าได้รวบรวมทุกข้อดีและฟีเจอร์เด็ดๆ ที่การันตีความน่าเชื่อถือจากการใช้ในองค์กรอย่าง Google, Nike, Netflix, Airbnb, Uber นอกจากนั้น ClickUp ยังได้รางวัล Best software 2019 โดย TaskReport และพึ่งรับเงินทุน $35 ล้านเหรียญจาก Craft Ventures มาสดร้อน ๆ อีกด้วย
"Let our advance worrying become advance thinking and planning." - Winston Churchill
ClickUp คือ Project Management Software ที่เกิดมาจากความคิดที่ว่า ในการทำงาน เราใช้หลายแพลตฟอร์มมากๆ ซึ่งส่งผลเสียโดยตรงกับเวลาของพวกเรา และการจัดระเบียบภาพรวมของงาน ทั้งในองค์กรขนาดใหญ่และขนาดเล็ก นำไปสู่ไอเดียของเจ้าซอฟต์แวร์ ClickUp ที่รวบรวมแพลตฟอร์มในการทำงานทั้งหมด ให้ครบจบในที่เดียว หรือ All your work in one place ไม่ว่าจะเป็น ลิสต์งาน ไฟล์เอกสาร แชท ปฎิทิน เป้าหมาย และอีกมากมาย ที่จะทำให้คุณมีเวลาเพิ่มขึ้นถึง 20% ไปทำอย่างอื่น รับรองเลยว่ามนุษย์งานเยอะที่ชอบความเป็นระเบียบทั้งหลาย ต้องตกหลุมรักเจ้าซอฟต์แวร์ตัวนี้อย่างแน่นอน
“Time is more valuable than money. You can get more money but you cannot get more time.” Jim Rohn
*มีโค้ดส่วนลดสำหรับสมัครใช้งานอยู่ที่ด้านล่าง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:
ClickUp ทำอะไรได้บ้าง? ก่อนอื่นเลย ต้องบอกว่า ClickUp ถือว่าเป็น ที่หนึ่งในเรื่องของลูกเล่น ที่เยอะมากเหลือเกิน เพราะตัวซอฟต์แวร์จะเน้นการปรับแต่งได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นมุมมอง การเรียงลำดับ การใส่รายละเอียดย่อยๆ และยังสามารถทำได้ครอบคลุมแทบทุกฟีเจอร์ของ Productivity software ตัวอื่นๆอีกด้วย
โดยฟีเจอร์หลักๆที่เราจะมาพูดถึง เพราะคิดว่าทุกคนต้องได้ใช้แน่นอน ได้แก่
จัดระเบียบงานด้วย Task management เพิ่ม Column เพื่อเรียงงานตามกลุ่ม เปลี่ยนมุมมองด้วยการ Add view ใช้ Doc และ Embed ทดแทนทุกสิ่งที่ต้องการในออฟฟิศ จัดระเบียบงานด้วย Task management ภาพ Task เริ่มกันที่ฟีเจอร์แรก ที่จะมาจัดระบบให้งานของเราอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า Space ลองนึกภาพตามนะคะ ในหนึ่งบริษัท ย่อมต้องประกอบไปด้วยแผนกหลายแผนก ซึ่งแต่ละแผนกก็จะมีโปรเจกต์ของใครของมัน และในแต่ละโปรเจกต์ก็จะถูกสับเป็นงานย่อยลงไปอีก
ClickUp เค้าก็เลยเปรียบเทียบให้แอคเคาท์ เป็นบริษัท จากนั้นก็สร้างพื้นที่ในแอคเค้าท์ ให้เป็นแผนก เรียกว่า Space และในแต่ละ Space ถูกซอยให้เล็กลงอีกทีให้เป็น Folder แทนโปรเจกต์ของแต่ละแผนก ในแต่โปรเจกต์มีงานที่สร้างขึ้นเป็นลิสต์เรียกว่า Task พอจะนึกภาพออกนะคะ
ภาพ Subtask แน่นอนว่าในแต่ละโปรเจกต์ หรืองานที่ได้รับมา มีรายละเอียดที่ซอยยิบย่อยลงไปอีก ClickUp เค้าเลยใส่ Subtask ย่อยจากตัว Task ที่เราสามารถกดเข้าไปดู สิ่งที่ต้องทำในแต่ละงาน
ข้อดีของมัน คือ มีช่องใส่คำอธิบายรายละเอียดงาน สามารถสร้างเช็กลิสต์ ใส่สิ่งที่ต้องทำ ถ้าเราติ้กตรงช่องที่สร้างขึ้น จะเป็นการบอกว่าทำรายการนี้เสร็จแล้ว เช็คลิสต์ หรือ Subtask นั้นจะถูกขีดฆ่า แล้วไปโผล่ในหน้า Task ในรูปเปอร์เซ็นต์ความคืบหน้าของงาน ฟีเจอร์นี้ทำให้เห็นทั้งภาพใหญ่ ที่แสดงความคืบหน้าว่าสำเร็จไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว
และภาพเล็ก ที่บอกว่ามีงานอะไรเหลืออยู่บ้าง เหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้คุณอยากรีบๆทำงาน แล้วมาติ้กขีดฆ่าว่าเสร็จไปอีกงาน ให้เปอร์เซ็นต์ในหน้า Task เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ภาพ Subtask & Checklist แน่นอนว่า ทุกๆโปรเจกต์และงานย่อย เราสามารถแชร์ให้กับคนอื่นในองค์กร โดยแอดเข้าไปที่ตัวงานว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบ หรือ เลือกว่าให้ใครจะสามารถมองเห็นงานนี้ได้บ้าง
ภาพ Progress นอกจากเช็กลิสต์แล้ว ClickUp ยังยกห้องแชทในที่ทำงาน มาไว้ในตัวซอฟต์แวร์อีกด้วย ปกติแล้วเวลาเราสื่อสารหรืออัปเดตความคืบหน้าต่างๆในแชทกลุ่ม พอจะกลับมาย้อนดู ก็ค่อนข้างที่จะยาก เพราะในแชทก็คงไม่ได้พูดถึงแค่งานๆเดียว ClickUp เค้าเลยยกฟีเจอร์นี้มาใส่ใน Task และ Subtask แต่ละอัน ให้เราได้พูดคุย แปะไฟล์ หรืออัปเดตความคืบหน้าต่างๆ โดยไม่ปะปนกับงานอื่น บอกเลยว่า ครบ จบในที่เดียว ตามที่ ClickUp เค้าได้เคลมไว้เลย
ภาพ Comment เพิ่ม Column เพื่อเรียงงานตามกลุ่ม ภาพ Column พูดถึง Subtaskไปแล้ว ตอนนี้ลองถอยออกมาซักนิด กลับมาตรงหน้า Folder ที่รวบรวม Task ทั้งหมดเอาไว้ ตามปกติแล้วเราต้องทั้งจดและจำ ว่างานนี้ใครเป็นหัวหน้าโปรเจกต์ เดดไลน์วันที่เท่าไหร่ ตอนนี้งานไปถึงไหนแล้ว ไฟล์งานเก็บไว้ในโฟลเดอร์ไหน และอีกมายมายจนน่าปวดหัว
จะดีแค่ไหนถ้าเราไม่ต้องจำทั้งหมดนี้ให้รกสมอง แต่ให้ ClickUp เป็นตัวแสดงว่า งานนี้มีรายละเอียดอะไรบ้าง โดยเราสามารถใส่รายละเอียดของตัวงานลงไปในส่วน Column ไม่ว่าจะเป็น ผู้รับผิดชอบ เดดไลน์ สเตตัสงาน งบประมาณ ลำดับความสำคัญ ลิงก์เพิ่มเติม และอื่นๆ ที่สามารถแอดเพิ่ม หรือเอาออกได้ตามความต้องการ ตัว Column จะเข้ามามีบทบาทจากการแสดงรายละเอียดข้างต้น และแสดงการจัดเรียงลำดับตามหัวข้อ เช่น เรียงตามลำดับความสำคัญแท็กที่เราติด เรียงตามวันที่ใกล้เดดไลน์ที่สุดไปหาไกล เรียงตามงบประมานจากมากไปน้อย เป็นต้น บอกเลยว่าถ้าเปรียบเทียบกับ Productivity tools อื่นๆ ClickUp มีตัวเลือกให้ใส่ตรง Column เยอะมากอย่างน่าพอใจเลยล่ะค่ะ
เปลี่ยนมุมมองด้วยการ Add view ภาพ View อีกหนึ่งสิ่งที่ตัวแอปโดดเด่นสุดๆเลย คือ ตัวเลือกมุมมองของงาน ที่จะเข้ามาช่วยให้เห็นภาพได้ในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น
มุมมอง List - ในภาพข้างต้น เหมาะกับการดูรายละเอียดทั้งหมดของงานทั้งที่อยู่ในตัว Subtask และช่อง Column มุมมอง Board - ตามหลัก Kanban เพื่อแบ่งชัดๆไปเลยว่าแต่งละงานอยู่ในขั้นตอนไหน Kanban คือ หลักการแบ่งงานในระบบให้เป็นหมวดหมู่ตามกระบวนการ หรือขั้นตอนของการงานนั้น หลักการนี้จะช่วยให้เราเห็นสถานะของงานว่าตอนนี้อยู่ตรงไหน ภาพจาก Vectorstock มุมมอง Calendar - ไว้ดูเป็นภาพรายเดือน รายอาทิตย์ ทำให้เห็นว่าในช่วงเวลานี้ มีสิ่งไหนที่ต้องโฟกัส และในอนาคตเราต้องเปลี่ยนไปโฟกัสที่อะไรมุมมอง Gantt - บอกความเชื่อมโยงแต่ละงาน เป็นการลากจุดเชื่อม ว่างานนี้ต่อเนื่องกับงานไหน ทำให้เห็นเส้นทางการทำงานที่ชัดเจน เป็นลำดับขั้นตอนมากยิ่งขึ้นมุมมอง Activity - เป็นหน้าที่รวบรวมทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นใน ClickUp ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนสเตตัสงาน การสร้าง Task ใหม่ การแก้ไขส่วนต่างๆ ฯลฯ เอาไว้อัพเดตทุกการเปลี่ยนแปลงให้ทราบทั้งทีมมุมมอง Mind Map - จะเลือกได้ว่า อยากดู Task Mind Map ของงานที่เราสร้างไว้โดยมีกิ่งก้านที่แตกออกมาเป็น Subtask หรือกด Blank Mind Map เป็นหน้าโล่งๆ ไว้แตกไอเดียภาพจาก Keep-productive มุมมองแบบ Box - ที่เด็ดจนต้องขอยกมาพูดเพิ่มเติม เพราะมันสามารถแสดง Workload และสถานะ เป็นรายบุคคล ปกติแล้ว หลังจากแจกจ่ายงานไป ก็จะไม่ได้เห็นภาพชัดว่า ใครได้งานกองเยอะเป็นภูเขา หรือคนอื่นทำอะไรกันอยู่ Box view จะช่วยบอกว่า แต่ละคนมีงานอะไรในมือบ้าง ตอนนี้งานหนักอยู่ที่ใคร ใครว่างกระโดดเข้ามาช่วยได้ เมื่อรู้แล้ว เราเลยจะปรับให้เกิดความสมดุลมากขึ้น แต่ฟีเจอร์ Box view ถูกสงวนสิทธิ์ มีให้แค่ผู้ใช้แบบพรีเมียมเท่านั้นนะคะภาพจาก Click ฟีเจอร์ View ทำให้เราเห็นภาพงานทั้งหมดในมุมต่างๆ ประโยชน์ของการปรับมุมมองยังช่วยทำให้เรารู้ว่ามีส่วนไหนที่อยากเพิ่มเติม หรือโยกย้าย เช่น ดูมุมมองปฎิทินแล้วอยากขยับเดดไลน์ที่ตั้งไว้ ดูมุมมอง board แล้วอยากโยกงานที่พร้อมจะทำแล้วแล้วจาก To-do ไปเป็น In progress เป็นต้น
ใช้ Doc และ Embed ทดแทนทุกสิ่งที่ต้องการในออฟฟิศ ภาพ Doc จากที่ต้องการเป็นแอปที่รวบรวมทุกแพล็ตฟอร์มในที่เดียว อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในออฟฟิศ ก็คืองานเอกสาร เวลาเราทำไฟล์งานหรือจดโน้ตต่างๆ ทั้งบนกระดาษ ในโทรศัพท์มือถือ ในคอมพิวเตอร์ บางทีก็มีหลงลืมบ้าง ว่าสิ่งที่จดไว้อยู่ตรงไหน จะหากลับมาทีก็ยุ่งยาก
ClickUp เลยมีฟีเจอร์ Doc ที่เหมือนกับยกการผสมกันระหว่าง Google doc กับแอปพลิเคชั่น Notes ในไอโฟนที่เราคุ้นเคยกันดี มาใส่ไว้ให้
ฟีเจอร์ Doc นี้สามารถทำได้ทุกอย่างที่เป็นพื้นฐานของโปรมแกรมเอกสาร ไม่ว่าจะเป็นการจัดหน้า ใส่ตาราง ทำ Bullet point, Numberic list ใส่รูป ไฮไลต์ข้อความ ทำตัวหนา ตัวเอียง และที่สำคัญสามารถใส่เช็กลิสต์กับ แนบไฟล์ได้อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมี Embed view ไว้แนบลิงก์ต่างๆเข้ามาใช้งานบนแอป ClickUp ไม่ว่าจะเป็น Google sheet , Doc, Map, Twitter หรือใครจะอยากฟังเพลงชิลล์ๆจาก Spotify หรือ Youtube ก็ได้เช่นกัน ที่สำคัญ ฟีเจอร์ Embed นี้ ใช้งานได้ไหลลื่นเหมือนบนแพลตฟอร์มของแต่ละตัวเลยด้วย น่าประทับใจมากๆ
ภาพ Embed (Google Sheet)
Features ที่ The Growth Master แนะนำ นอกจากฟีเจอร์หลักๆที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว แวะมาอ่านบทความของเราทั้งที ทางเราได้คัดฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับชาว Growth Master มากระซิบให้ฟังกันค่ะ
ตั้ง Goal ให้ไกลแล้วไปให้ถึง เก็บงานตรง Task tray แล้วกลับค่อยมาทำ ฟีเจอร์ Dependencies จุดจบสายไปต่อไม่รอละนะ งานยังไม่เสร็จ Incomplete Warning รู้น่า ตั้ง Goal ให้ไกลแล้วไปให้ถึง ตัวแรก ฟีเจอร์ Goal ที่เอาไว้ตั้งเป้าหมายให้กับทีม ใครที่ชอบวาดฝันแล้วไปให้ถึง รับรองว่าถูกใจฟีเจอร์นี้แน่นอน โดยคุณสามารถตั้งเป้า OKRs เป็นจำนวนสินค้า ยอดผู้ใช้ ยอดขาย หรือจะเป็น Check list ใน Task ที่สร้างไว้
เริ่มต้นที่สร้าง Goal ไว้ แล้วแบ่งออกเป็นสิ่งย่อยที่ต้องทำให้สำเร็จ เช่น ตั้งยอดขายไว้ 100 ล้านบาท เมื่อมียอดขายเพิ่มเข้ามา เราจะเข้าไปกดเพิ่มจำนวนยอดเงิน เพิ่มไปเรื่อยๆจนถึงเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งทุกครั้งที่เราทำได้ถึงเป้าหมาย จะมีพลุจุดให้บนหน้าจอเป็นการฉลองความสำเร็จ ถือเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่จะทำให้คุณเผลอยิ้มออกมาได้อย่างไม่รู้ตัวเลย
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OKR ที่นี่
เก็บงานตรง Task tray แล้วค่อยกลับมาทำ ภาพจาก ClickUp Task tray คือ ฟีเจอร์ที่เก็บงานไว้อยู่ในแถบข้างล่าง ด้วยการย่อขนาดเอาไว้ แต่ไม่ถึงกับปิดหน้าต่างของงานนั้นไปเลย เหมาะกับคนที่ชอบเปิดเข้าไปดูในหน้าต่างงานบ่อยๆ หรือคนที่ชอบทำหลายๆงานในเวลาเดียวกัน เปิดปิดหน้าต่างหลายครั้งอาจทำให้หงุดหงิด แต่การเก็บอยู่ใน Task tray เหมือนย่อเอาไว้ข้างล่าง จะทำให้เปิดเข้ามาใหม่ง่ายขึ้น และยังสามารถกันลืมได้อีกด้วย เผื่อทำงานเสร็จแล้ว จะได้เห็นชัดๆไปเลยว่ามีงานนี้ที่เราเคยเข้าไปดูแล้วย่อเก็บไว้
ฟีเจอร์ Dependencies จุดจบสายไปต่อไม่รอละนะ ภาพจาก ClickUp อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ Dependencies หรือการใส่ข้อจำกัดในการทำงาน โดยปกติแล้วหลายๆงานเราต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน ถ้าขั้นแรกไม่เสร็จสมบูรณ์ดีก็จะไม่สามารถไปต่อได้
ในฟีเจอร์นี้จะเอาหลักการนี้มาใช้ด้วยการใส่เงื่อนไขในงานว่า ต้องทำงานแรกเสร็จก่อนจึงจะเริ่มงานถัดไปได้ โดยงานถัดไปจะถูกบล็อคด้วย Waiting tag ส่วนงานแรกก็จะขึ้นเป็น Blocking tag เมื่อไหร่ที่ทำงานแรกสำเร็จ ติ๊ก Complete เรียบร้อยแล้ว Tag ทั้งสองอันนี้จึงจะหายไป
ยกตัวอย่างนะคะ งานแรกคือการวางแผน เราติด Blocking tagไว้ ส่วนงานถัดมาคือดีไซน์ ที่ขึ้น Waiting tag เพราะต้องรอวางแผนให้เสร็จก่อน ถ้าฝ่ายวางแผนยังทำไม่สมบูรณ์ดี ฝ่ายดีไซน์ก็ไม่สามารถเริ่มงานได้ เพราะถูกบล็อคด้วยฟีเจอร์ Dependencies
มองในแง่ดีฟีเจอร์นี้สามารถช่วยกระตุ้นคนในทีมได้ เพราะเพื่อนที่รับงานต่อจะไม่สามารถเริ่มงานได้ถ้างานก่อนหน้ายังไม่เสร็จ (แอบเป็นการกดดันกันเบาๆ)
ยังไม่เสร็จ Incomplete Warning รู้นะ ภาพ Incomplete Warning Incomplete warning เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์น่าสนใจที่เด้งขึ้นมาเตือน ถ้าเราโมเมกด Complete task ในกรณีที่ Task นั้นยังมี Subtask หรือ Checklist ข้างในที่ยังเคลียร์ให้สมบูรณ์ไม่ครบ การกด Complete taskใหญ่จะเด้ง Incomplete warning ว่าเรายังทำงานย่อยไม่หมด เหมือนเป็นการเตือนนัยๆว่าเราได้ข้ามอะไรไป
ฟีเจอร์นี้จะช่วยป้องกัน การมองข้ามหรือการหลงลืมงานย่อย ที่อาจจะกระทบงานหลักได้ ถ้ายังไม่เสร็จดี
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ล้ำๆที่กำลังจะมีมาให้ใช้ อย่างเช่น Screen Record เอาไว้อัดหน้าจอสอนคนในทีมทำสิ่งต่างๆ การดูงานในมุมมองแบบ Location ไว้ดูงานที่กระจายกันหลายพื้นที่ตามตำแหน่งขององค์กร หรือจะเป็นฟีเจอร์ออกแบบ 3D สำหรับดีไซน์เนอร์
ทั้งหมดนี้ได้รวมอยู่ในซอฟต์แวร์ตัวเดียว ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า ClickUp ทำออกมาได้ดีมาก และยังนับว่าเป็นเจ้าที่ใจดีสุดๆ ไม่ว่าจะการให้ใช้ฟีเจอร์แทบจะทั้งหมด การไม่จำกัดการจำนวน task และผู้ใช้งานในองค์กร รวมถึงให้พื้นที่จัดเก็บถึง100Mb ClickUp ให้เราใช้ฟรีตลอดชีพ! ไม่เสียค่าบริการแม้แต่บาทเดียว ยกเว้นซะแต่ว่า คุณจะอดใจไม่ไหวอยากอัปเกรด เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ล้ำๆหรือสิทธิพิเศษที่ดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะการอัปเกรดทำได้ ในราคาเพียงแค่ $5 ต่อเดือนเท่านั้น
ถ้าสนใจรายละเอียดการอัปเกรดแพ็กเกจเพิ่มเติมก็สามารถกดเข้าไปดูได้ที่นี่ เลยค่ะ
สรุปสั้นๆ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากฟีเจอร์นับร้อยของ ClickUp เท่านั้น
หากใครกำลังมองหาแอปที่ช่วยให้ชีวิตการทำงานที่ยุ่งเหยิงของคุณเป็นระเบียบมากขึ้น ให้ครบ จบในที่เดียว ไม่ว่าจะอยู่ในองค์กรขนาดใหญ่ ประสานงานจากหลายทีม หรือองค์กรในขนาดเล็ก
ClickUp คือหนึ่งในคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้ามเลยแหละ เพราะเค้าเป็น One Stop Service
ที่มีทุกสิ่งที่คุณต้องการ ทำให้คุณมีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นที่สำคัญๆ
เริ่มแรกอาจจะต้องใช้เวลาซักหน่อย เพื่อทำความรู้จักกับฟีเจอร์ต่างๆที่อัดแน่นภายในแอป แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อไหร่ที่เริ่มใช้คล่องแล้ว คุณอาจจะติดลม เพราะสนุกไปกับการวางแผนงานที่ปรับแต่งทุกอย่างตามใจ ก็เป็นได้
หรือต้องการให้ The Growth Master ช่วยเหลือด้านการปรับปรุง Workflow สามารถดูรายละเอียดบริการได้ที่นี่
ความพิเศษของ ClickUp ยังไม่หมดแค่นี้ หากใครสนใจ สามารถไปติดตามฟีเจอร์อัปเดตใหม่ปัง ๆ ได้ที่ รวม 5 ฟีเจอร์น่าสนใจของ ClickUp สู่ปี 2022
🎟 Promo Code: WNTT2020 สำหรับคนพิเศษของ The Growth Master เมื่อคุณสมัครสมาชิกใน the Unlimited หรือ Business Plan โดยคลิกผ่านลิงก์ด้านบน หรือ กรอก Promo Code จะได้รับส่วนลด 15% ทันที (ต้องเป็นผู้ใช้ที่ขยับมาใช้ Paid Plan ครั้งแรกเท่านั้นนะคะ)
ClickUp สามารถใช้ทั้งบนเว็บบราวเซอร์ หรือโหลดโปรแกรมมาที่หน้าเดสก์ท็อปและโทรศัพท์
(ส่วนตัวคิดว่าการใช้งานบนโทรศัพท์ รูปแบบที่ง่าย คือ ใช้หน้าจอแบบแนวนอน ก็ฟีเจอร์เค้าเยอะจนแทบจะล้นหน้าจอขนาดนั้น)
สำหรับใครที่สนใจอยากนำ ClickUp ไปใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีม แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ทาง The Growth Master ก็ยินดีให้คำปรึกษาและวางแผนการใช้งานที่เหมาะสมที่สุดกับทีมของคุณ โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเพียงแค่คลิกที่รูปด้านล่างได้เลย
ช่องทางอัปเดตซอฟต์แวร์กับ The Growth Master ติดตาม Youtube Channel ‘The Growth Master’ และ We Need TOOL Talk ได้ก่อนใคร ไม่พลาดทุกการแชร์ซอฟต์แวร์น่าใช้ที่จะทำให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น
และช่องทางอัปเดตข่าวสารการตลาดที่สดใหม่
Facebook : The Growth Master
Blockdit : The Growth Master
Line@ : @thegrowthmaster
สามารถให้กำลังใจพวกเราได้ผ่านการกดไลก์ กดแชร์ และกดติดตาม รวมไปถึงการสมัครใช้งานผ่านลิงก์ด้านบน โดย The Growth Master จะได้รับค่าแนะนำจากซอฟต์แวร์บางตัวเท่านั้นเมื่อมีการกดสมัครใช้งานซอฟต์แวร์นั้น ๆ
Source: TaskReports , Techcrunch